ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1048 เธอไม่แพ้เจียงสื้อสื้อ
เมื่อซ่างกวนหยวนมาถึงสถาบันวิจัย ก็รีบเปลี่ยนใส่เสื้อกาวน์ขาวทันที เธอมองดูตัวเองในกระจก ริมฝีปากแดงโค้งขึ้นเล็กน้อย
ด้านรูปลักษณ์หน้าตา เธอไม่แพ้เจียงสื้อสื้อ
ด้านความสามารถ เธอก็ไม่แพ้เจียงสื้อสื้อ
แต่ทำไมในสายตาของจิ้นเฟิงเฉินถึงมีแต่เจียงสื้อสื้อ?
คิดถึงเรื่องนี้ทีไร ภายในใจของเธอก็มักจะไม่พอใจเสมอ
เธอผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เพื่อคลายความหดหู่ภายในใจลงเล็กน้อย
“ซ่างกวนหยวน เพียงแค่เธอสามารถวิจัยยากำจัดไวรัสออกมาได้ เธอก็จะมีโอกาสชนะ”
ซ่างกวนหยวนส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจตัวเองในกระจก สูดหายใจเข้าลึกๆ ยืดหลังตรง หันหลังเดินออกจากห้องแต่งตัวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ตลอดทั้งเช้า การวิจัยไวรัสดำเนินการไปอย่างมีระบบระเบียบ
ซ่างกวนหยวนนำไวรัสที่สกัดออกมาฉีดเข้าไปในร่างกายของหนูทดลอง น่าแปลกมากที่หนูทดลองตายไปอย่างรวดเร็ว
ระยะฟักตัวของไวรัสในร่างกายของหนูนั้นสั้นมาก และกระจายแตกตัวเร็วมาก
ขณะมองไปที่หนูทดลองที่ตายไป ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น สีหน้าดูเหมือนกำลังครุ่นคิด
แบบนี้ไม่ถูกต้อง
ไวรัสในร่างกายของเจียงสื้อสื้อน่าจะอยู่มานานระยะหนึ่งแล้ว แต่หล่อนก็ยังใช้ชีวิตดีอยู่เลย
แม้ว่าสุขภาพร่างกายจะค่อนข้างแย่ แต่ก็ยังใช้ชีวิตได้ดีอยู่จริงๆ
นี่มันเป็นเพราะอะไรกันแน่?
หรือจะเกี่ยวข้องกับลักษณะเฉพาะของบุคคลที่แตกต่างกัน?
แต่ถึงแม้ลักษณะเฉพาะของบุคคลที่แตกต่างกัน แต่ไวรัสภายในร่างกายของเจียงสื้อสื้อก็ไม่มีทางที่จะมีแตกตัวโจมตีมาโดยตลอดแบบนี้สิ
ซ่างกวนหยวนรู้สึกว่าตัวเองคิดแบบนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะคิดหาเหตุที่สมเหตุสมผลไม่ได้เลย ฉะนั้นจึงถอดใจไปก่อนชั่วคราว
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้คือการพัฒนายาเพื่อกำจัดไวรัส
เมื่อใกล้ถึงเที่ยงวัน ซ่างกวนหยวนได้รับโทรศัพท์จากฟางยู่เชิน
“หยวนหยวน ตอนเที่ยงเธอว่างหรือเปล่า?”
ปลายสายสะท้อนเสียงระมัดระวังของฟางยู่เชินกลับมา
ซ่างกวนหยวนหันไปมองนาฬิกาที่ผนังเล็กน้อย แล้วถามกลับไปว่า “มีธุระอะไรเหรอ?”
ฟางยู่เชินนั่งอยู่ในรถ มือหนึ่งกำลังจับพวงมาลัยรถ อีกมือหนึ่งกำลังถือโทรศัพท์ หันศีรษะสายตามองผ่านกระจกกันลมทะลุไปที่ตึกใหญ่ของซ่างกวนกรุ๊ป
“ฉันอยู่ชั้นล่างบริษัทเธอ”
“นายไปทำอะไรที่นั่น?” ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว
ฟางยู่เชินหัวเราะเบาๆ “ไม่ได้ทำอะไร แค่ออกมาเจอลูกค้า แล้วก็ขับผ่านมาพอดี”
“แล้ว?”
“แล้ว…” ฟางยู่เชินลังเลเล็กน้อย “ออกไปทานอาหารเที่ยงด้วยกันจะสะดวกหรือเปล่า?”
“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้อยู่ที่บริษัท”
แม้จะปฏิเสธตามที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว แต่ฟางยู่เชินก็ยังคงผิดหวังมาก เขาหัวเราะเยาะตัวเอง “ฉันเข้าใจแล้ว”
ถึงแม้จะคุยผ่านโทรศัพท์ แต่ก็ยังสามารถได้ยินความผิดหวังภายในน้ำเสียงของเขาได้อยู่
ไม่รู้ว่าทำไม ซ่างกวนหยวนรู้สึกขอโทษในใจขึ้นมาเล็กน้อยอย่างน่าประหลาด
ความรู้สึกที่ฟางยู่เชินมีต่อเธอ เธอรู้ชัดเจนดี แล้วก็ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาไปแล้ว
แต่เขารั้นเกินไป และไม่ตัดใจยอมแพ้ไปเสียที
บางทีอาจจะเป็นเพราะเป็นพวกหัวอกเดียวกันก็ได้
เมื่อซ่างกวนหยวนคิดแบบนี้ เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ทานที่ไหน? เดี๋ยวฉันจะตรงไปเลย”
หัวใจที่เดิมทีร่วงลงไปถึงก้นบึ้งแล้ว เมื่อได้ยินประโยคนี้มันก็พุ่งขึ้นมาจุกคอหอยในทันที ฟางยู่เชินถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธอจะมาเหรอ?”
“อืม”
แค่ ‘อืม’ นิ่งๆ คำเดียว ทำให้ฟางยู่เชินตื่นเต้นจนแทบจะร้องตะโกนออกมา
แต่เขากลั้นเอาไว้ “ก็ร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ๆ กับบริษัทของเธอร้านหนึ่ง เธอรู้ไหมว่าร้านอยู่ที่ไหน?”
“อ้อ ฉันรู้แล้ว” ซ่างกวนหยวนกล่าว
ฟางยู่เชินเอ่ยถามอีกครั้ง “เธออยู่ที่ไหน ให้ฉันไปรับไหม?”
“ฉันอยู่ที่สถาบันวิจัย เดี๋ยวฉันขับรถไปเอง แล้วเจอกัน”
“แล้วเจอกันครับ”
ฟางยู่เชินวางสายโทรศัพท์ เขามองไปที่โทรศัพท์อย่างตกตะลึง ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าซ่างกวนหยวนจะตอบรับคำเชิญของเขาจริงๆ
เขาบีบแก้มตัวเองอย่างแรง
เขาเปล่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา ก่อนจะรีบเอามือลูบๆ แก้มที่เจ็บเล็กน้อยและยิ้มออกมาอย่างพอใจ
ดีจริงๆ ได้เจอเธออีกครั้งแล้ว
…
ซ่างกวนหยวนเดินเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น และมองเห็นฟางยู่เชินได้ในทันที
ทันทีที่ฟางยู่เชินเห็นเธอก็รีบลุกขึ้นยืนและโบกไม้โบกมือให้เธอ
เธอเดินเข้าไปหา
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบสถานที่ที่เอะอะเสียงดัง ก็เลยจองห้องส่วนตัวเอาไว้” ฟางยู่เชินมองเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“นายใส่ใจมาก” ซ่างกวนหยวนยิ้มตอบ
ฟางยู่เชินเก้อเขิน “มันเป็นเรื่องที่ฉันสมควรทำน่ะ”
การจะชอบใครสักคน ก็ต้องค้นหาทำความเข้าใจกับความชอบของเธอทั้งหมด
ซึ่งส่วนนี้เขาทำได้ไม่เลวเลย
จากการนำทางของพนักงานร้าน พวกเขาก็เดินมาถึงห้องส่วนตัวที่อยู่ด้านในสุดของร้านอาหาร
ฟางยู่เชินนั่งไขว่ห้าง แล้วดันเมนูอาหารบนโต๊ะไปให้ซ่างกวนหยวน “เธอสั่งเถอะ ฉันอะไรก็ได้”
ซ่างกวนหยวนก็ไม่ได้ปฏิเสธ และสั่งซูชิแบบรวมถาด
“นายชอบทานบะหมี่หรือเปล่า?” เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่อยู่ตรงข้าม
“เหมือนเธอ”
คำตอบของฟางยู่เชินนั้นไร้เดียงสาอย่างอธิบายไม่ถูก ซ่างกวนหยวนเลิกคิ้วและสั่งอูด้งอีกสองชาม
หลังจากสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อย ฟางยู่เชินพลางยกชาขึ้นจิบเบาๆ พลางแกล้งถามอย่างเป็นกันเองว่า “ทำไมเธอถึงอยู่ที่สถาบันวิจัยล่ะ?”
“กำลังทำวิจัยอย่างหนึ่งอยู่”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่อยากพูดให้มากความ ฟางยู่เชินจึงไม่ได้ถามต่อไปมากกว่านี้
เขายิ้ม “ฉันยังไม่เคยเห็นเธอตอนใส่เสื้อกาวน์ขาวเลย คงจะสวยมากแน่ๆ เลย”
“พอได้”
ซ่างกวนหยวนหวงคำพูดดุจทองคำ ฟางยู่เชินอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ทำไมเธอเป็นเหมือนน้องเขยของฉันเลย หวงคำพูดดุจทองคำ?”
“จริงเหรอ?” เมื่อได้ยินเขาพูดว่าเธอคล้ายๆ กับจิ้นเฟิงเฉิน มันทำให้ซ่างกวนหยวนมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อยในใจ
เมื่อได้เห็นแววตาเป็นประกายของเธออย่างชัดเจนแล้ว ฟางยู่เชินถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป วินาทีนั้นเขาแทบอยากจะตบหน้าตัวเองสักที
ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอชอบจิ้นเฟิงเฉิน ยังจะเป็นฝ่ายเอ่ยถึงขึ้นมาก่อนอีก
เขาอารมณ์เสียจนดื่มชาในถ้วยจนหมด
ซ่างกวนหยวนไม่ทันได้สังเกต เธอกัดริมฝีปาก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ถามขึ้นว่า “หลายวันมานี้สื้อสื้อเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดีนะ” ฟางยู่เชินจิบชาอย่างบูดบึ้ง
“แล้ว…”
ไม่รอให้ซ่างกวนหยวนพูดจบ เขาก็พูดขึ้นทันทีอย่างตรงไปตรงมา “เขาไปอิตาลีแล้ว”
ซ่างกวนหยวนผงะไป และตระหนักได้ในทันทีว่า ‘เขา’ ที่ว่านั้นหมายถึงใคร
“เขาไปทำอะไรที่อิตาลี?” ซ่างกวนหยวนเหมือนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย
“ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ” ฟางยู่เชินวางถ้วยชาลง ฉีกมุมปากยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง “หยวนหยวน เธอใส่ใจน้องเขยของฉันมากจริงๆ เลยนะ”
เมื่อสบตาเข้ากับสายตาลุ่มลึกของเขา ซ่างกวนหยวนก็เบือนหนีออกไปโดยไม่รู้ตัว “เหรอ?”
“แสดงอยู่บนหน้าหมดแล้ว” ฟางยู่เชินกล่าว
ซ่างกวนหยวนฉีกมุมปากยิ้มอย่างฝืนใจ เธอยกถ้วยชาขึ้นจิบ เพื่อปกปิดความตื่นตระหนกภายในใจของตัวเอง
“หยวนหยวน…” ฟางยู่เชินพิจารณาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง “ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมากจริงๆ นะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น น้ำชาที่เข้าไปในปากก็เปลี่ยนเป็นขมขื่นขึ้นมาในชั่วพริบตา ซ่างกวนหยวนฉีกริมฝีปากยิ้มขึ้น “ฉันรู้ แล้วยังไงล่ะ?”
“ฉะนั้น…” ฟางยู่เชินอยากจะเกลี้ยกล่อมให้เธอตัดใจยอมแพ้ แต่ก็พบว่าตัวเองไม่มีจุดยืนอะไรที่จะทำให้เธอยอมแพ้
ทำได้เพียงพูดยิ้มๆ ว่า “ไม่มีอะไร”
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็จมดิ่งสู่ความเงียบ
จนกระทั่งพนักงานนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ ถึงสามารถคลายความอึดอัดใจที่มีอยู่เต็มห้องลงไปได้บ้าง
ฟางยู่เชินเหลือบมองซ่างกวนหยวนเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ในใจ ทุกครั้งตัวเองมักจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนเป็นอึดอัดมากอยู่ตลอดเลย
“หยวนหยวน” เขาลองเอ่ยขึ้น
ซ่างกวนหยวนเงยหน้าขึ้นมองเขา
เมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาของเธอ คำพูดทุกอย่างที่อยากจะพูดก็ถูกกลืนกลับลงไปในท้องจนหมด เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ที่นี่รสชาติไม่เลวเลยนะ หวังว่าเธอจะชอบ”
“ฉันเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว” ซ่างกวนหยวนพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา แล้วก้มหน้าลงอีกครั้ง
ฟางยู่เชินยกมือขึ้นกุมขมับ ยิ่งหมดคำจะพูดกับตัวเองเข้าไปใหญ่
ร้านอาหารร้านนี้อยู่ติดกับบริษัทของเธอ เธอต้องคุ้นเคยมากกว่าเขาอยู่แล้วสิ