ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1082 ทำตามที่ผมบอก
“พี่ พี่กำลังคิดอะไรอยู่คะ?” เจียงสื้อสื้อมองฟางยู่เชินด้วยความสงสัย
ฟางยู่เชินได้สติกลับมาแล้วยิ้มๆ “ไม่มีอะไร”
“หือ ฉันนึกว่ากำลังคิดถึงเวยเวยซะอีก”
การหยอกล้อของเจียงสื้อสื้อทำให้ฟางยู่เชินถึงกับยิ้มไม่ออก “ฉันจะไปคิดถึงเธอทำไม?”
“อืม……” เจียงสื้อสื้อคิดอย่างจริงจัง “ฉันมีความคิดอย่างหนึ่ง อยากฟังไหมคะ?”
“ลองว่ามาซิ”
“พี่ไม่ชอบเย่เสี่ยวอี้ใช่มั้ยคะ? ถ้าอย่างนั้นพี่ก็หาใครสักคนมาแกล้งเป็นแฟนของพี่ ทำให้น้าสะใภ้เล็กล้มเลิกความคิดที่จะจับคู่พี่กับคนอื่นไปก่อน”
“ว้าว” ฟางยู่เชินอุทานออกมา “แผนนี้ของเธอไม่เลว”
เจียงสื้อสื้อเชิ้ตคางขึ้นอย่างได้ใจ “แน่นอน ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นใคร”
“เธอคือเจียงสื้อสื้อ น้องสาวของฉัน” ฟางยู่เชินดีดหน้าผากของเธอเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ว่า “หาคนมาแกล้งเป็นแฟน แต่เธอเท่านั้นแหละที่สามารถคิดออกมาได้ นี่ไม่ใช่การหลอกลวงกับแม่ของฉันรึไง?”
เจียงสื้อสื้อลูบๆหน้าผากของเธอ”ก็ได้ ฉันแค่คิดแผนนี้ขึ้นมาได้กะทันหันเท่านั้น”
ไม่อย่างนั้น ด้วยความคิดที่อยากจะอุ้มหลานของน้าสะใภ้เล็ก เธอจะทำทุกอย่างเพื่อจับคู่เขากับเย่เสี่ยวอี้ให้ได้ จนกว่าสำเร็จถึงจะยอมเลิก
“ฉันยอมพูดความจริง ดีกว่าต้องโกหกแม่” ฟางยู่เชินยักไหล่
“โอเค” เจียงสื้อสื้อเม้มปาก “ถือซะว่าฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้แล้วกันนะคะ”
ฟางยู่เชินโน้มตัวเข้ามาใกล้เธอ ดวงตา ของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าชายเล็กๆ ของเธอ “บอกมาตามตรงว่าเธอต้องการให้ใครมาแกล้งเป็นแฟนฉัน?”
เจียงสื้อสื้อก้าวถอยหลังและมองหันไปทางอื่นด้วยความอึดอัด “จะเป็นใครได้อีกล่ะ”
ฟางยู่เชินเลิกคิ้วขึ้น “เหลียงซินเวย?”
“ค่ะ ก็เธอนั่นแหละ” เจียงสื้อสื้อแตะจมูกของเธอและอธิบายไปว่า “ฉันแค่คิดว่าเธอเป็นคนดีและเหมาะกับพี่มากเท่านั้น”
ฟางยู่เชินล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วยิ้มออกมาด้วยความจนใจ “นั่นเป็นแค่สิ่งที่เธอคิด ฉันบอกไปแล้วว่าตอนนี้ฉันแค่ต้องการทำงานให้ดียังไม่อยากคิดเรื่องแฟน”
“ถึงพี่ไม่อยาก น้าสะใภ้เล็กก็จะบังคับให้พี่มีอยู่ดี”
“งั้นค่อยว่ากันตามสถานการณ์แล้วกัน” ฟางยู่เชินลูบหัวเธอ “ไปกันเถอะ ไปกินข้าวกัน”
เมื่อมองดูแผ่นหลังที่กำลังเดินไปยังห้องอาหารของเขา เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“หม่ามี๊ น้าชายเล็กชอบน้าหยวนหยวนไม่ใช่เหรอครับ?” จู่ๆเสี่ยวเป่าก็ถามขึ้น
เจียงสื้อสื้อตกใจและก้มลงไปมองเขาด้วยความประหลาดใจ “หนูรู้ได้ยังไงว่าน้าชายเล็กของน้าหยวนหยวน?”
“ผมดูออกครับ”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “ดูออกอย่างนั้นเหรอ?”
เด็กคนนี้สามารถเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเลยเหรอ?
“ครับ น้าชายเล็กมักจะจ้องที่น้าหยวนหยวน เหมือนกับที่พ่อชอบจ้องหม่ามี๊เลย”
เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมา “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
เธอนั่งลง มองไปที่เสี่ยวเป่าในระดับสายตาเดียวกัน แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “น้าชายเล็กของหนูไม่ได้ชอบน้าหยวนหยวนแล้ว ต่อไปหนูก็ไม่ต้องพูดถึงน้าหยวนหยวนอีกนะรู้มั้ย?”
“ทำไมล่ะครับ?” เสี่ยวเป่าถามอย่างสงสัย
“ทำไมนะเหรอ?” เจียงสื้อสื้อคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เพราะถ้าพูดถึงน้าหยวนหยวน น้าชายเล็กจะเสียใจ หนูไม่อยากให้น้าชายเล็กต้องเสียใจใช่มั้ย?”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า
“แบบนั้นก็ดี ต่อไปก็อย่าพูดถึงน้าหยวนหยวนอีกนะ”
ความจริง เจียงสื้อสื้อไม่อยากพูดถึงซ่างกวนหยวนอีก พอนึกถึงการที่ตัวเองมองว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี แต่พวกเขาก็จ้องที่จะฮุบสามีของตัวเองซะได้
มันเป็นความรู้สึกแย่ๆที่เหมือนเอาหัวใจไปให้หมากินเลย
……
หลังอาหารเย็น เจียงสื้อสื้อก็พาเด็กสองคนขึ้นไปชั้นบน
ทันทีที่เธอเข้ามาในห้อง เธอหยิบมือถือออกมากดวิดีโอคอล
ไม่นาน ทางนั้นก็รับสาย จิ้นเฟิงเฉินปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์
“เสี่ยวเป่า เถียนเถียนมาหาแด๊ดดี่หน่อย”
พอเจียงสื้อสื้อเรียกแบบนั้น เด็กน้อยสองคนที่กำลังวิ่งอยู่รอบห้องก็รีบวิ่งมาข้างเธอทัน แล้วทักทายจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์อย่างพร้อมเพรียงกันว่า “แด๊ดดี้”
เมื่อเห็นใบหน้าชายเล็กๆที่อ่อนเยาว์ของทั้งสอง ความรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานมาวันของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้หายไปทันทีใบหน้าที่เย็นชาของเขาอ่อนโยนลง มองดูพวกเขาด้วยแววตาที่อบอุ่น
“แด๊ดดี้ จะกลับมาเมื่อไหร่เหรอคะ?” เถียนเถียนถามอย่างอ้อแอ้
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มเล็กน้อย ตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เร็วๆนี้ หนูต้องเป็นเด็กดีนะ รู้มั้ย?”
เถียนเถียนพยักหน้า” ค่ะ เข้าใจแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินเลื่อนสายตาไปยังเสี่ยวเป่าที่อยู่ข้างๆเธอ สองพ่อลูกจ้องตากันอย่างเงียบ ๆ และไม่มีใครพูดอะไรก่อน
เจียงสื้อสื้อคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้มานานแล้ว เธอลูบหัวของเสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่าก็คิดถึงคุณมากเหมือนกันค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินกระตุกคิ้วเล็กน้อยและพูดออกมาช้าๆ “ผมเองก็คิดถึงพวกคุณเหมือนกัน”
“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้ ตอนนี้แด๊ดดี้กำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ?” เถียนเถียนจ้องไปจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ในหน้าจอ
“แด๊ดดี้กำลังดูของบางอย่างอยู่ครับ”
“ดูอะไรเหรอคะ?”
“เอกสาร”
“เอกสารคืออะไรคะ?”
เถียนเถียนยังคงถามต่อไม่หยุด ส่วนจิ้นเฟิงเฉินก็ตอบเธอทีละคนอย่างใจเย็น
สุดท้ายก็เป็นเจียงสื้อสื้อที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป ได้แย่งมือถือมา “เอาล่ะ เถียนเถียน แด๊ดดี้กำลังยุ่งอยู่ หนูรบกวนแด๊ดดี้แล้วนะ ตกลงมั้ย?”
เถียนเถียนมุ่ยหน้า “แต่หนูยังอยากคุยกับแด๊ดดี้อยู่นี่คะ”
“รอแด๊ดดี้เสร็จงานแล้ว เราค่อยวิดีโอคอลคุยกับแด๊ดดี้อีกครั้ง โอเคมั้ย?” เจียงสื้อสื้อเกลี้ยกล่อมเธออย่างใจเธอ
แม้ว่าเถียนเถียนจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็รู้ว่าหม่ามี๊กับแด๊ดดี้ชอบเด็กที่เชื่อฟัง เธอจึงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก “ก็ได้ค่ะ”
“ดีมาก” เจียงสื้อสื้อลูบหัวของเธอแล้วพูดกับจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ในมือถือว่า “ไปทำงานเถอะค่ะ รอคุณเสร็จงานแล้วเราวิดีโอคอลคุยกันอีกครั้ง”
จิ้นเฟิงเฉินจ้องเธอที่อยู่ในหน้าจออย่างลึกซึ้งและไม่ได้รีบวางสาย
“มีอะไรรึเปล่าคะ?” เจียงสื้อสื้อถาม
“ฉันคิดถึงคุณครับ”
ต่อหน้าเด็ก เขาเล่นมาแสดงความในใจแบบนี้เลยเหรอ
เจียงสื้อสื้อถลึงตาใส่เขา “พอเลยค่ะ อย่าพูดแบบนี้ต่อหน้าเด็กๆนะคะ ”
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเถียนเถียนพูดกับเสี่ยวเป่าว่า “พี่คะ แด๊ดดี้บอกว่าคิดถึงหม่ามี๊ด้วยแหละ” ”
“อืม หม่ามี๊ก็คิดถึงแด๊ดดี้เหมือนกัน” เสี่ยวเป่าพูด
“อย่าพูดมั่วๆนะ” เจียงสื้อสื้อหันไปแสร้งทำหน้าไม่พอใจ
เถียนเถียนแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา “หม่ามี๊ไม่คิดถึงแด๊ดดี้เหรอคะ?”
เจียงสื้อสื้อถึงกับพูดไม่ออกเลย
“หม่ามี๊ต้องคิดถึงแด๊ดดี้อยู่แล้ว” เสี่ยวเป่าตอบแทนเจียงสื้อสื้ออย่างมั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้นเราไม่ได้พูดมั่วๆ” เถียนเถียนมองไปที่เสี่ยวเป่าพี่ชายของเธอ
เสี่ยวเป่าพยักหน้า “อืม ไม่ได้มั่ว”
เจียงสื้อสื้อถูกเด็กน้อยสองคนพูดจนต้องขำออกมา เธอก็ส่ายหัว “เอาล่ะ พวกลูกไม่ได้พูดมั่วๆ ไปเล่นกันเองไป หม่ามี๊กับแด๊ดดี้มีอะไรต้องคุยกันนิดหน่อย”
หลังจากที่เด็กสองคนเดินออกไป เจียงสื้อสื้อถึงได้หันมาสนใจจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง
เธอมองมาที่เขา “วันนี้ฉันรู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มอีกคน”
“ใครครับ?”
“เป็นสาวน้อยแสนสวยคนหนึ่ง”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “ในช่วงนี้คุณพยายามอย่าออกไปข้างนอกและอย่าติดต่อกับคนที่คุณไม่รู้จักใช่ไหมมากนัก”
“ทำไมเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อถามด้วยความสงสัย
“ไม่ต้องถาม ทำตามที่ผมบอกก็พอ”
เขาไม่ต้องการบอกเธอว่าเบอร์เกนอาจจะลงมือกับเธอ เขากลัวว่ามันจะทำให้เธอกับคนในตระกูลฟางต้องตื่นตระหนก แต่อะไรที่ควรป้องกันได้ก็ต้องป้องกันอยู่ดี
เจียงสื้อสื้อได้แต่พยักหน้าตอบ “ได้ค่ะ ฉันจะไม่พยายามออกไปข้างนอก”
การที่เขาจะบอกให้เธอทำแบบนี้ เขาก็ต้องมีเหตุผลของเขา และทั้งหมดที่เธอทำได้คือฟังเขาและหยุดสร้างปัญหาให้เขา