ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1083สื้อสื้อตกอยู่ในอันตราย
ฝู้จิงเหวินวาดแผนผังโครงสร้างของสถาบันเสร็จแล้ว แต่เขารายละเอียดบางอย่างก็จำไม่ได้
ในวันนี้ เขาอาศัยช่วงพัก จึงได้เดินสำรวจสถาบันอีกครั้ง
“ศาสตราจารย์คูรี่พร้อมที่ทำการทดลองกับคนจริงแล้ว”
เมื่อเขาเดินไปที่มุมที่นักวิจัยมักสูบบุหรี่ นั้น จู่ๆเขาก็ได้ยินประโยคนั้นดังขึ้น
ขาเขาหยุดเดินโดยสัญชาตญาณทันที เขายื่นหน้าออกไปดู ปรากฏว่าเป็นผู้ช่วยสองคนของศาสตราจารย์แกงคูรี่กำลังคุยกันอยู่
ทดลองกับคนอย่างนั้นเหรอ?
เขาขมวดคิ้วและรีบซ่อนตัวอยู่หลังกระถางต้นไม้ข้างๆ
“อันที่จริง ผมไม่อยากทำการทดลองกับคนจริงเลย มันโหดร้ายเกินไป”
“ถ้าคุณไม่ทำ ศาสตราจารย์คูรี่ไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่นอน”
“เฮ้อ ถ้าผมรู้ผมคงไม่มาเป็นผู้ช่วยของเขาแล้ว เอาแต่ทำการทดลองที่โหดร้าย คุณรู้ไหม? คุณเบอร์เกนเคยสัญญาว่าจะจับคนมาให้เขาแล้ว”
“จับใครเหรอ?”
“ได้ยินมาว่าเป็นคนที่ติดเชื้อไวรัสแล้วแต่ยังมีชีวิตอยู่ได้ คุณว่า มีคนที่ติดเชื้อแล้วยังรอดมาได้จริงๆเหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ในหัวของฝู้จิงเหวินก็นึกถึงเจียงสื้อสื้อขึ้นมาทันที
ใบหน้าของเขาซีดเผือดไปทันที หรือคนที่ศาสตราจารย์คูรี่ต้องการจับจะเป็นสื้อสื้อ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ไม่มีอารมณ์จะฟังต่อแล้ว จึงหันหลังแล้วเดินจากไป
ขณะที่เขาเดินออกจากสถาบัน เขาหยิบก็โทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งรูปที่วาดเสร็จแล้วไปให้จิ้นเฟิงเฉินพร้อมกับข้อความที่ว่า สื้อสื้อตกอยู่ในอันตราย
ทันทีที่ข้อความถูกส่งออกไป เขาก็เห็นเบอร์เกนกำลังเดินเข้ามาหาเขา
ฝู้จิงเหวินรีบลบข้อความทิ้ง มือข้างที่จับมือถือไว้ก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอให้เบอร์เกนเข้ามาใกล้ๆ เขาค่อยก้มหน้าลงด้วยความเคารพ “คุณเบอร์เกน”
เบอร์เกนหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เอียงหัวมามองเขาแล้ว “ฝู้ คุณจะออกไปไหน?”
“มีธุระนิดหน่อยครับ” ฝู้จิงเหวินตอบไปตามตรง
เบอร์เกนพยักหน้าแล้วขยิบตาให้ลูกน้องของเขา “หลายวันนี้พวกคุณไปติดตามคุณฟูแล้วกัน ถ้าเขาต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ต้องช่วย เข้าใจมั้ย?”
“ครับ” ลูกน้องหลายคนที่มากับเขาตอบรับพร้อมกัน
“คุณเบอร์เกนครับ ฉันไม่มีอะไรให้คนช่วยเลยครับ” ฝู้จิงเหวินปฏิเสธด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“ฝู้ คุณคิดว่าที่ผมส่งคนไปติดตามคุณ เพื่อให้ช่วยเหลือคุณจริงๆอย่างนั้นเหรอ?” เบอร์เกนจ้องมาที่เขาด้วยแบบจะยิ้มไม่ยิ้ม
ฝู้จิงเหวินไม่นิ่งเงียบ มือของเขาในกระเป๋ากางเกงกำแน่นโดยไม่รู้ตัว
“ต่อจากนี้คูรี่มีการทดลองที่สำคัญมากต้องทำ ไม่ต้องการเกิดอุบัติเหตุใดๆขึ้น คุณน่าจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการสื่อใช้มั้ย?” เบอร์เกนยิ้มอย่างมีความหมาย
“เข้าใจครับ” ฝู้จิงเหวินพยักหน้า
เขาแค่ต้องการจับตาดูตัวเองเท่านั้น เพื่อเวลาที่จับสื้อสื้อมา จะได้ไม่ทำให้เสียเรื่อง
“เข้าใจก็ดีแล้ว”
เบอร์เกนไม่พูดอะไรอีกและเดินดุ่มๆเข้าไปข้างใน
ฝู้จิงเหวินหันมองไปแผ่นหลังของเขาจนหายไปในมุมทางเดิน จากนั้นก็ถอนสายตากลับมา เหลือบมองพวกลูกน้องของเขาดวงตาของเขาหรี่เล็กลง จากนี้ไปถ้าเขาคิดจะทำอะไรมันก็จะยากขึ้นไปอีก
…
จิ้นเฟิงเฉินได้รับข้อความ พอเห็นคำว่า “สื้อสื้อตกอยู่ในอันตราย” นัยน์ตาของเขาก็หดลง หรือที่เขาคาดเดาไว้จะเป็นจริง?
เขาโทรหาฝู้จิงเหวิน แต่ก็ไม่มีใครรับสายเลย
ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีแวบเข้ามาในหัว
ในเวลาเดียวกัน เห้อซูหานเดินดุ่มๆเข้ามา “คุณชายครับ เบอร์เกนส่งคนไปที่ในประเทศครับ”
ข้อมูลนี้บวกกับข้อมูลที่ฝู้จิงเหวินส่งมา ยืนยันแล้วว่าการเดาของจิ้นเฟิงเฉินนั้นถูกต้อง
ทันทีที่เขารู้ว่าคูรี่ได้ค้นคว้ายาออกมาได้แล้ว เขาคิดว่าอีกฝ่ายอาจต้องการใช้มันทดลองกับคนจริงๆ แบบนี้ถึงจะรู้ได้ว่ายานั้นมีประสิทธิภาพในการกับไวรัสจริงๆ หรือไม่
ส่วนหนูทดลองตัวนี้ จะดีที่สุดก็ต้องเป็นคนที่ติดเชื้อไปแล้ว
คนเดียวในโลกที่ติดเชื้อไวรัสที่ยังมีชีวิตอยู่ก็คือสื้อสื้อ
ดังนั้น สื้อสื้อจึงเป็นเป้าหมายแรกที่พวกเขาเล็งไว้
“ผมจำเป็นต้องกลับประเทศ”
เห้อซูหานรีบพูดขึ้นมาทันที “ผมจะจองตั๋วให้คุณเดี๋ยวนี้เลยครับ”
ในตอนที่เห้อซูหานหันหลังแล้วกำลังจะเดินออกไปอยู่นั้นเอง จิ้นเฟิงเฉินก็เรียกเธอไว้ก่อน “เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งจองตั๋ว”
เห้อซูหานมองเขาด้วยความสงสัย
“เราเคลื่อนไหวทันทีเลย เพื่อทำลายสถาบันวิจัยของพวกเขาทิ้ง และเป้าหมายของพวกเขาก็จะสูญสิ้นไปเช่นกัน”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ต้องการรออีกต่อไปแล้ว เพื่อไม่ให้เรื่องมันจะยุ่งยากไปมากกว่านี้
“แต่…… แบบนี้มันไม่เสี่ยงเกินไปเหรอครับ?” เห้อซูหานรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“ต่อให้เสี่ยงก็ต้องทำ”
ครั้งนี้จิ้นเฟิงเฉินค่อนข้างแน่วแน่
เพราะเขารู้ดีว่าถ้าเขายังลังเลต่อไป สื้อสื้อก็จะตกอยู่ในอันตราย
เห้อซูหานทำได้เพียงพยักหน้า “ได้ครับ ฉันจะแจ้งให้คุณทราบทันที”
ใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉินบึ้งตึง ดวงตาลึกซึ้งราวกับสระน้ำที่เงียบสงบ ทำให้ยากต่อการมองออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ไม่ว่ายังไงเขาก็จำเป็นต้องทำให้สำเร็จ
……
ใกล้ถึงกลางดึก จู่ๆประตูของสถาบันก็ถูกคนพังแล้วบุกเข้าไป
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจได้มากกว่าการพังประตูเข้าไปก็คือเสียงปืนที่ดังสนั่นจนทำลายท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เงียบสงัด การดวลปืนที่ดุเดือดระหว่างทั้งสองฝ่าย เสียงปืนดังสลับกันไปมา
ด้วยความช่วยเหลือของชีซา ทำให้คนของเบอร์เกนไม่สามารถต่อกรได้ค่อยๆล่าถอยจนต้องยอมทิ้งสถาบันวิจัยไป
ศาสตราจารย์คูรี่และพวกนักวิจัยของเขาหนีไปพร้อมกับผลการวิจัย
“คุณชายครับ ไม่พบอะไรเลยครับ”
หลังจากค้นสถาบันวิจัยทั้งหมดแล้ว เห้อซูหานก็วิ่งไปหาจิ้นเฟิงเฉิน เขาส่ายหน้าด้วยสีหน้าที่
เคร่งขรึม
จิ้นเฟิงเฉินมองไปรอบๆสถาบันวิจัยที่ยุ่งเหยิง มือที่อยู่ข้างลำตัวค่อยๆกำแน่น ไม่ได้อะไรอีกแล้ว
“ฉันบอกคุณแล้วว่ามันเสี่ยงเกินไปที่จะทำแบบนี้” ชีซาเดินเข้ามา “เบอร์เกนเป็นคนที่เจ้าเล่ห์มาก เขาน่าจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้น ไม่มีทางถอนตัวได้อย่างรวดเร็วแบบนี้หรอก”
เมื่อเห้อซูหานได้ยินแบบนั้น เขาก็ขมวดคิ้วอย่างแรง “หรือว่าจะมีหนอนบ่อนไส้ครับ?”
ชีซาเลิกคิ้วขึ้น “เป็นไปได้”
“บัดซบ!” เห้อซูหานสบถเบาๆและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ใครกันที่กล้าหักหลังเราแบบนี้?”
“อาจจะไม่ใช่คนของเรา แต่…”
ชีซาพูดไม่จบ แต่จิ้นเฟิงเฉินกับเห้อซูหานก็เข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อแล้ว
“คุณหมายถึงคุณหมายถึงฝู้จิงเหวินใช่มั้ย?” เห้อซูหานถามด้วยความไม่แน่ใจ
ชีซายักไหล่แบบไม่ปฏิเสธ
“ไม่มีทางเป็นเขา” จิ้นเฟิงเฉินพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม
“ถ้าไม่ใช่เขา แล้วจะเป็นใคร?” ชีซาถาม
ในความคิดของเธอ การที่อีกฝ่ายสามารถถอนตัวได้เร็วขนาดนี้ และมีความเป็นไปสูงว่าอีกฝ่ายกำลังรอพวกเขาอยู่
และการที่อีกฝ่ายสามารถทำแบบนี้ได้ แน่นอนว่าต้องมีคนแจ้งให้รู้ล่วงหน้าอย่างแน่นอน
“แต่ยังไงก็ไม่ใช่ฝู้จิงเหวินอยู่ดี”
วันนี้ที่เขาโทรหาฝู้จิงเหวิน แต่ไม่มีใครรับเลย
น่าจะถูกเบอร์เกนรู้เข้าแล้ว และตอนนี้เขาก็น่าจะถูกควบคุมตัวอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางที่จะไม่รับสายแน่นอน
เขาดีรู้ว่าฝู้จิงเหวินต้องการช่วยสื้อสื้อมากแค่ไหน ดังนั้นฝู้จิงเหวินจึงไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นกับสื้อสื้อแน่นอน
ชีซาพยักหน้า “ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ฝู้จิงเหวิน แต่ในหมู่พวกเราก็มีคนทรยศอยู่”
เห้อซูหานกวาดตามองพวกลูกน้องที่อยู่รอบๆ เขาคัดเลือกทุกคนอย่างตั้งใจด้วยตนเอง ในความเห็นของเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใจเป็นอื่น
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องนี้” จิ้นเฟิงเฉินกล่าว “ผมจะกลับไปประเทศเดี๋ยวนี้ ฝากพวกคุณจะจัดการส่วนที่เหลือด้วย”
“คุณจะกลับไปเหรอคะ?” ชีซาขมวดคิ้ว “ตอนนี้สถานการณ์กำลังยุ่งเหยิง แล้วคุณจะโยนมันให้เราแบบนี้เนี่ยนะ?”
“สื้อสื้อกำลังตกอยู่ในอันตราย ต้องรบกวนพวกคุณแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินแค่ต้องการรีบกลับไปอยู่กับสื้อสื้อเท่านั้น อยู่ข้างๆไปเธอ ปกป้องเธอ
ชีซาเบะปาก “ก็ได้ ภรรยาของคุณสำคัญที่สุด ฉันจะจัดการที่นี่เอง”
“ขอบคุณครับ”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มให้เธออย่างซาบซึ้ง หันหลังแล้วเดินจากไป