ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1100 อยากฆ่าเธอหรือ
ความสัมพันธ์ของเธอและเบอร์เกนเป็นอย่างไร
ลี่ซาชะงักไปเล็กน้อย ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
เบอร์เกนไม่สนใจไยดีเธอมาแต่ไหนแต่ไร จะบอกว่าความสัมพันธ์ไม่ดี บางครั้งเขาก็ดีกับเธอมาก แต่ถ้าบอกว่ามีความสัมพันธ์ที่ดี ก็เหมือนจะเป็นการหลอกตัวเอง
กู้เนี่ยนเห็นเธอลังเล ก็ยิ้มด้วยความมั่นใจในตนเอง“คุณหญิง ถ้าคุณตอบไม่ได้ งั้นก็ให้ผมตอบ ได้มั้ยครับ”
“คุณรู้เหรอ” ลี่ซามองเขาอย่างสงสัย
“ผมรู้แน่นอน ถ้าเรื่องแค่นี้ไม่รู้ ผมจะมีสิทธิ์ดูดวงด้วยไพ่ทาโรต์ให้คุณได้ยังไง”
“อย่างนั้นก็ได้ คุณลองพูดดู ถ้าไม่ถูก……”ลี่ซายิ้ม “ฉันไม่ปล่อยคุณแน่”
ประโยคนี้เธอพูดพลางยิ้ม แต่ก็สัมผัสได้ถึงการเตือนที่แฝงอยู่ในนั้น
กู้เนี่ยนยิ้มอย่างไม่แยแส ค่อยๆพูดเนิบๆว่า “คุณน่าจะเกิดในตระกูลใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี อืม……สามีของคุณได้แต่งงานกับคุณ ถือว่าเป็นหนูตกถังข้าวสาร แต่ สามีของคุณมีความสามารถและก็มีหยิ่งยโสโอหัง ก็เลยทำให้เขารู้สึกว่าถูกควบคุมโดยคุณ เขาจึงปฏิบัติต่อคุณไม่ดีนัก”
พูดมาถึงตรงนี้ บนใบหน้าลี่ซาที่แต่งหน้าสวยงามเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
อาจจะนึกถึงความสัมพันธ์ฉาบฉวยของตนเองและเบอร์เกน เผยความไม่พอใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“แต่ว่าสภาพการณ์แบบนี้ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้” กู้เนี่ยนฉวยโอกาสตีเหล็กขณะที่กำลังร้อนพูดต่อว่า “ประเด็นคือต้องดูว่าคุณอยากจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่”
ลี่ซาจ้องมองเขาตาไม่กะพริบ ริมฝีปากแดงขยับ “เปลี่ยนยังไง”
“ผมช่วยคุณได้”
ภายในรถ เงียบเสียงลง
พักใหญ่ ลี่ซาจึงเอ่ยปากว่า “คุณจะช่วยยังไง”
กู้เนี่ยนมองไพ่ทาโรต์ในมืออย่างตั้งใจ แล้วจึงพูดอย่างจริงจังว่า “คุณหญิง ช่วงนี้ที่บ้านของคุณมีผู้หญิงเพิ่มเข้ามาคนหนึ่งใช่หรือไม่”
ลี่ซาอึ้ง “คุณรู้ได้ยังไง”
“ดูดวงออกมา” กู้เนี่ยนพูด “เป็นไปได้มากว่าเธอมีผลกระทบกับความสัมพันธ์ของคุณและสามี”
พอได้ยินประโยคนี้ ลี่ซาสีหน้าตกตะลึงทันที “ที่แท้ก็เป็นอย่างที่ฉันคิด”
กู้เนี่ยนขมวดคิ้ว “คุณหญิง คุณรู้แต่แรกแล้วเหรอ”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนตะวันตก หน้าตาถือว่าพอใช้”
ได้ยินลี่ซาพูดว่าเจียงสื้อสื้อหน้าตาพอใช้ กู้เนี่ยนก็อดพึมพำในใจไม่ได้ว่า ถ้าอย่างคุณหญิงนั้นเรียกว่าพอใช้ ผู้หญิงบนโลกนี้ก็ไม่มีใครสวยแล้ว
แต่ว่า ภายนอกเขาไม่ได้แสดงออกชัดเจนอะไร ถามว่า “แล้วยังไงอีกครับ”
“ฉันรู้สึกว่าหล่อนเหมือนนังจิ้งจอก ยั่วยวนสามีฉัน” พูดถึงตรงนี้ ลี่ซาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เหรอครับ”
กู้เนี่ยนหัวเราะแห้งๆ นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นตอนปกติมีคนมาบอกว่าคุณหญิงเหมือนนังจิ้งจอก เขาต้องจัดการให้ได้เห็นดีกันแน่นอน
แต่ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์พิเศษ ในใจจะไม่พอใจแค่ไหนก็ต้องอดทนไว้
“ใช่แน่นอน คุณ คุณบอกฉันได้มั้ยว่าฉันควรทำยังไงดี ถึงจะกำจัดผู้หญิงคนนั้นไปได้ หรืออย่างไร”
ลี่ซาถามอย่างร้อนใจ เธอรับไม่ได้ที่ผู้หญิงคนนั้นพักอยู่ในคฤหาสน์ของเบอร์เกนแม้เพียงนาทีเดียวจริง
“กำจัดทั้งเหรอครับ” กู้เนี่ยนขมวดคิ้ว “นี่คือหมายความว่าอะไร”
“ก็คือกำจัดทิ้ง”
กู้เนี่ยนเข้าใจแล้ว “คุณจะฆ่าเธอเหรอ”
ลี่ซายอมรับโดยปริยาย
“ทำแบบนี้ไม่ได้” กู้เนี่ยนตกใจ พยายามสะกดความตื่นตกใจ ทำน้ำเสียงให้มั่นคง “คุณห้ามทำร้ายเธอถึงชีวิต มิเช่นนั้นความสัมพันธ์ของคุณกับสามีจะยิ่งย่ำแย่”
ลี่ซากึ่งเชื่อกึ่งสงสัย “จริงเหรอ”
“นิสัยของสามีคุณ คุณน่าจะรู้ดี แน่นอนว่า ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ก็ช่างเถอะครับ คุณจะทำยังไงก็แล้วแต่คุณ” กู้เนี่ยนแกล้งทำเป็นจะเปิดประตูลงจากรถ ในใจกลับลุ้นระทึกอย่างตื่นเต้น
“เดี๋ยวก่อน” ลี่ซารีบดึงรั้งเขาไว้
กู้เนี่ยนดึงสติกลับ มองเธออย่างสงบนิ่ง “มีอะไรอีกครับ”
“ต้องทำยังไง” ลี่ซาถาม
เส้นประสาทตึงเครียดของกู้เนี่ยน ผ่อนคลายลงบ้าง
「ลี่ซาเชื่อคำพูดผมแล้ว รอข่าวดีของผม」
ฝู้จิงเหวินมองดูข้อความที่กู้เนี่ยนส่งให้เขาบนหน้าจอ ถอนหายใจอย่างโล่งอกยาวๆ มุมปากยกขึ้นอย่างอดไม่ได้
ตอนนี้นับว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ขอแค่กู้เนี่ยนหาวิธีเอาตัวเจียงสื้อสื้อออกมาจากคฤหาสน์ได้ พวกเขาก็ประสบความสำเร็จแล้วจริงๆ
หวังว่ากู้เนี่ยนจะหัวไวมีไหวพริบหน่อย อย่าเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไร
……
วันนี้ เหลียงซินเวยทำงานอย่างใจลอย เกิดความผิดพลาดติดต่อกัน ถูกผู้จัดการตำหนิไปแล้วครั้งหนึ่ง
“ผู้จัดการคะ ขอโทษค่ะ ขอโทษ”
ผู้จัดการเห็นเธอขอโทษไม่หยุด ก็ใจอ่อน แต่น้ำเสียงก็ยังไม่สู้ดีนัก “ถ้าคุณไม่สบายก็ลางาน ไม่อย่างนั้นจะกระทบกับงานของคนอื่นมากแค่ไหน”
“ขอโทษค่ะ”
นอกจากคำว่า “ขอโทษ” เหลียงซินเวยก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ผู้จัดการโบกไม้โบกมืออย่างรำคาญ “เอาละๆ ไม่ต้องขอโทษแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับบ้านไปเถอะ”
กลับบ้านเหรอ
เหลียงซินเวยคิดว่าเธอจะไล่ตัวเองออกจากงาน สีหน้าก็“พรึ่บ”ซีดเผือดลงทันที
เดือนนี้อานอานต้องจ่ายค่าเรียนวิชาที่เลือกตามความสนใจ เธอยังต้องรอเงินเดือนออกก็สามารถจ่ายได้พอดี ตอนนี้ถูกไล่ออกแล้ว เธอจะไปเอาเงินเดิอนมากมายขนาดนั้นได้จากที่ไหน
“ผู้จัดการคะ ฉันรับรองว่าครั้งหน้าจะระวังค่ะ ไม่ทำผิดพลาดอีก คุณอย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ ได้มั้ยคะ” เหลียงซินเวยจับมือผู้จัดการข้อร้องอ้อนวอน
“ไล่ออกเหรอ” สีหน้าผู้จัดการแปลกประหลาดใจ “ใครจะไล่เธอออก”
เหลียงซินเวยก็งุนงง “ผู้จัดการ ไม่ใช่ ไม่ใช่คุณให้ฉันกลับบ้านเหรอคะ”
พอผู้จัดการได้ยิน ก็อดขำไม่ได้ “เสี่ยวเหลียง ใครบอกว่าฉันให้เธอกลับบ้านก็คือไล่เธอออกแล้ว”
“ไม่ใช่เหรอคะ” เหลียงซินเวยสีหน้าดีใจ
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันให้เธอกลับบ้านไปพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยมาทำงานใหม่”
จู่ๆผู้จัดการก็รู้สึกว่าความหวังดีของตนเองเปล่าประโยชน์
เหลียงซินเวยถอนหายใจอย่างโล่งอก ยิ้มแล้ว แต่ขอบตาอดไม่ได้ที่จะแดง “ขอบคุณค่ะ ผู้จัดการ”
ผู้จัดการถอนหายใจอีก “เอาละๆ กลับบ้านไปเถอะ”
เหลียงซินเวยโค้งคำนับเธออย่างซาบซึ้ง แล้วจึงหมุนตัวเดินไปทางห้องเปลี่ยนชุด
กลับมาถึงบ้าน เหลียงซินเวยหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดเปิดบันทึกการโทร สายตามองตัวอักษรชื่อฟางยู่เชินที่อยู่บนหน้าจอ
เธออยากรู้มากว่าตอนนี้พี่สื้อสื้อเป็นอย่างไร พวกเขาช่วยคนออกมาได้แล้วหรือยัง
แต่ว่า เธอก็กลัวว่าถ้าตนเองโทรไปตอนนี้จะเป็นการรบกวนเขา
“แม่ครับ แม่กำลังทำอะไรครับ”
อานอานเดินออกมาจากห้อง มองเห็นเหลียงซินเวยใจลอยจ้องมองโทรศัพท์มือถือ เดินเข้ามาใกล้อย่างสงสัย
เหลียงซินเวยดึงสติกลับมา หันหน้าไป ฉีกมุมปากขึ้น “ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอ”
“อืม ทำเสร็จแล้วครับ” อานอานนั่งข้างๆเธอ “แม่ครับ เมื่อกี้แม่กำลังคิดอะไรอยู่ครับ”
เหลียงซินเวยมือที่ลูบศีรษะเขาอยู่นั้นชะงัก รอยยิ้มบนริมฝีปากค่อยๆจางหายไป “ไม่ได้คิดอะไรจ้ะ”
แม้ว่าอานอานจะอายุยังน้อย แต่ฉลาดมาก มองแวบเดียวก็รู้ว่าเธอกำลังโกหก
“แม่ครับ แม่กำลังคิดถึงน้าสื้อสื้อเหรอครับ” อานอานถาม
เหลียงซินเวยอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ตั้งสติกลับมา ยิ้มพลางลูบศีรษะเขา “ที่แท้ก็ไม่มีอะไรที่ปิดบังลูกได้เลย”
“ถ้าแม่เป็นห่วง แม่ก็โทรไปถามคุณลุงฟางคนนั้นสิครับ”
เหลียงซินเวยเอาตัวเขามากอดไว้ในอ้อมอก ถอนหายใจ “แม่ก็อยากโทร แต่ก็กลัวจะไปรบกวนเขา”
“แต่ถ้าแม่ไม่โทร ก็จะไม่รู้ว่าน้าสื้อสื้อเป็นยังไงบ้าง ไม่ใช่เหรอครับ” อานอานเงยหน้ามองเธอ
เหลียงซินเวยก้มหน้า มองเข้าไปในดวงตาที่ชัดเจนของเขา พูดอย่างเห็นด้วยว่า “ลูกพูดถูก ถ้าแม่ไม่โทรก็ได้แต่กังวลอยู่ที่นี่”
“ขอบคุณนะลูก อานอาน” เหลียงซินเวยลูบศีรษะเขา รวบรวมความกล้าโทรหาฟางยู่เชิน
ไม่นาน ก็มีคนรับโทรศัพท์
เสียงทุ้มต่ำของฟางยู่เชินดังเข้ามาในหูฟัง “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าใครครับ”