ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1147จะทำให้คุณต้องตายอย่างอนาถ
กลางดึก
เงาดำของใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวอย่างเรื่อยเปื่อยอยู่นอกบ้านใหญ่ตระกูลฟาง แต่สายตาของเขานั้นกลับจ้องมองไปภายในบ้าน
คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นคาร์อันนั่นเอง
เขาได้รับปากกับลี่ซาแล้วว่าจะจัดการกับเจียงสื้อสื้อให้ได้ แต่ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้
สาเหตุที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่สามารถแฝงตัวเข้าไปในบ้านใหญ่ตระกูลฟางได้เลย ไม่ต้องพูดถึงกล้องวงจรปิดบนกำแพงเลย แค่บอดี้การ์ดที่อยู่ในนั้นก็ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าอยู่ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย
แม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็อย่าคิดที่จะบินเข้าไปเลยจริงๆ
เขาจ้องมองบ้านใหญ่ตระกูลฟางในยามค่ำคืนด้วยความหัวเสีย
ถ้ายังไม่รีบทำภารกิจให้สำเร็จ คุณหญิงลี่ซาก็ไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่
เขากัดฟันแน่น และตัดสินใจที่จะบุกเข้าไป ในตอนที่เขากำลังจะบุกเข้าไปนั้นเอง ก็มีคนสองคนเข้ามาขวางทางเขาเอาไว้
“พวกคุณเป็นใคร?” เขามองดูดชายชุดดำร่างใหญ่สองคนที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความระแวง
พวกเขาก็เป็นชาวต่างชาติเหมือนกันกับเขา
ทันใดนั้น เขาก็เกิดความคิดขึ้นในหัว หรี่ตาลง “พวกคุณเป็นคนของคุณเบอร์เกนใช่มั้ย?”
อีกฝ่ายมองเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “คุณท่านอยากเจอคุณครับ”
อะไรที่ควรจะมามันก็มาแล้ว
คาร์อันรู้อยู่แก่ใจว่าขัดขืนไปก็ไม่มีความหมาย จึงได้แต่ต้องเดินตามพวกเขาไป
……
พอเห็นหน้าเบอร์เกน คาร์ก็ก้มหน้าลงด้วยความสุภาพ “คุณท่านครับ”
เบอร์เกนควงแก้วไวน์ในมือเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมโดยที่ไม่หันไม่ทอง “คาร์อัน คุณนี้ชักจะใจกล้าเข้าไปทุกทีแล้วนะ”
“ไม่กล้าครับ”
“ไม่กล้าเหรอ?” เบอร์เกนทำเสียงฮึดฮัด “ถ้าคุณไม่กล้า แล้วคุณจะช่วยคุณหญิงปิดบังเรื่องที่เธอยังไม่กลับไปทำไม? หือ?”
หน้าผากของคาร์อันมีเหงื่อเย็นไหลออกมา เขากำหมัดแน่น แล้วอธิบายไปอย่างระมัดระวัง “คุณหญิงเป็นคนสั่งให้ผมปิดบังคุณครับ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะทางอิตาลีเป็นคนบอกว่าคุณหญิงยังไม่ได้กลับไป ฉันก็คงไม่รู้ว่าพวกคุณก็มาที่เมืองหลวงแล้วเหมือนกัน”
เบอร์เกนเงยหน้าดื่มไวน์ไปคำหนึ่ง หมุนตัวมา สายตาที่ดุร้ายจ้องไปยังคาร์อัน “บอกมา ว่าตอนนี้ลี่ซาอยู่ที่ไหน?”
“เธออยู่……” คาร์อันรู้สึกลังเล
ถ้าเขาบอกที่อยู่ในตอนนี้ของคุณหญิงให้คุณท่านรู้ คุณหญิงต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่
แต่ถ้าไม่บอก คุณท่านก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปเหมือนกัน
ในตอนที่เขาลังเลไม่รู้จะเอายังไงดี เบอร์เกนก็พูดขึ้นมาว่า “คาร์อัน อย่าลืมนะว่าผมเป็นคนที่ส่งคุณให้ไปอยู่ข้างกายลี่ซา คุณเปลี่ยนไปฟังคำสั่งของลี่ซาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ถึงแม้น้ำเสียงของเขาจะค่อนข้างราบเรียบ แต่ก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงการเตือนจากคำพูดนั้น
คาร์อันรีบพูดไปว่า “ผมไม่กล้าลืมหรอกครับ”
“อย่างนั้นก็ดี บอกผมมาว่าตอนนี้ลี่ซาอยู่ที่ไหน”
ไม่มีทางเลือกแล้ว
คาร์อันหลับตาลง แล้วบอกที่อยู่ของลี่ซาในตอนนี้ให้เบอร์เกนไป
เบอร์เกนฟังจบ ก็หันไปส่งสายตาให้มาร์ซิวที่อยู่ข้างๆ มาร์ซิวเข้าใจความหมาย พยักหน้าทีหนึ่ง แล้วเดินดุ่มๆ ออกไป
เมื่อได้ยินเสียงเปิดปิดประตู คาร์อันก็รู้ตัวทันทีว่ามันจบแล้ว
ครั้งนี้คุณหญิงได้ทำให้คุณท่านโกรธแล้วจริงๆ
เบอร์เกนวางแก้วไวน์ในมือลง แล้วเดินเข้าหาคาร์อันทีละก้าว
เสียงฝีเท่านั้นราวกับกำลังเหยียบย่ำลงมาบนหัวใจของคาร์อันเลย เขาอดไม่ได้ที่ต้องรู้สึกหวาดกลัว
เบอร์เกนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ท่าทางเคร่งขรึม ยกขาแล้วถีบเข้าไป
คาร์อันกระเด็นออกไปทันที กระแทกใส่ชั้นวางของอย่างจัง จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น
เบอร์เกนเดินเข้าไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ใช้ขาเหยียบลงไปที่หัวของเขา “ผมเคยพูดไว้แล้ว คนที่หักหลังผมไม่มีทางจบสวยอย่างแน่นอน”
น้ำเสียงที่เหี้ยมโหดดังลงมาที่หัว คาร์อันลืมความเจ็บปวด แล้วรีบร้องขอชีวิตทันที “คุณท่าน ช่วยให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ ผมจะชดเชยความผิดให้เป็นอย่างดีเลยครับ”
“ให้โอกาสคุณอย่างนั้นเหรอ?” เบอร์เกนหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น ขยี้เท้าลงไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม “ผมไม่เคยให้โอกาสใครมาก่อน คุณน่าจะเข้าใจดีอยู่แล้ว”
พูดไป เขาก็ออกแรงที่ขาอีกครั้ง
“อ้า!” ต่อให้เป็นคาร์อันที่มีร่างกายกำยำก็ยังทนไม่ไหวจนต้องโอดครวญออกมา
“คุณท่านครับ ผมขอร้อง ช่วยให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ” คาร์อันอดกลั้นความเจ็บเอาไว้ แล้วอ้อนวอนอย่างสุดชีวิต
เบอร์เกนชักเท้ากลับ แล้วยิ้มออกมาอย่างไม่ชอบใจ “คุณไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ฆ่าคุณ ผมยังต้องให้คุณช่วยจับตาดูลี่ซาอยู่”
พอได้ยินแบบนั้น คาร์อันก็รู้สึกโล่งอก “ขอบคุณครับคุณท่าน ผมจะไม่หักหลังคุณอีก”
“จริงเหรอ?” เบอร์เกนหมุนตัวเดินไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา จิบไปคำหนึ่งแล้วพูดต่อ “คุณจำไว้เลยนะ ถ้าคุณยังกล้าหักหลังผมอีกละก็ ผมจะให้คุณได้ตายอย่างอนาถเลย”
ทั้งๆ ที่น้ำเสียงนั้นเรียบมาก แต่พอได้ยินแล้วกลับต้องรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
คาร์อันรีบลุกขึ้นมา แล้วตอบไปอย่างสุภาพว่า “ครับ”
เขารู้จักนิสัยของเบอร์เกนเป็นอย่างดี วันนี้ที่ยอมปล่อยเขาไป ก็เพราะเขายังมีประโยชน์อยู่แค่นั้น เขาจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้แสดงผลงานให้ดี ถึงจะสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้
……
จากเรื่องของเจียงสื้อสื้อ ส่งผลให้ช่วงนี้ลี่ซานอนไม่ค่อยหลับ เธอต้องโทรถามคาร์อันทุกวันว่าข้าทำภารกิจเสร็จสิ้นรึยัง
แต่วันนี้มันแปลกมา โทรศัพท์มันโทรไม่ติดสักที
สุดท้ายเธอก็โกรธจนโยนมือถือลงไปบนที่นอน แล้วเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องด้วยความหงุดหงิด
“ไอ้คาร์อันนั่นกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? โทรไปก็ไม่รับ!”
จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นมาได้ “หรือว่าจะถูกจับได้แล้ว?”
เธอยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูง
“ไร้ประโยชน์ ช่างเป็นคนที่ไร้ประโยชน์จริงๆ ทำงานล้มเหลวอีกแล้ว!”
ในตอนนั้นเอง เสียงกริ่งนอกประตูก็ได้ดังขึ้น
ลี่ซารู้สึกระแวงขึ้นมาทันที ดึกดื่นขนาดนี้แล้วยังจะมีใครมาอีก?
เธอเดินออกไป เดินไปถึงที่ทางเข้าห้องรับแขก “ใครน่ะ?”
ด้านนอกนั้นเงียบสนิท ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น
หรือว่ามีคนมากดกริ่งอย่างไม่หวังดี?
พอคิดถึงตรงนี้ เสียงกริ่งก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาเธอตกใจจนสะดุ้ง
เธอเอามือตบๆ ที่หน้าอก แล้วตะโกนถามไปอีกทีว่า “นั่นใครกันแน่? ถ้าไม่บอกฉันก็ไม่ยอมเปิดให้นะ!”
“คุณหญิง ผมเองครับ”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านนอก สีหน้าของลี่ซาซีดไปทันที เขาคือมาร์ซิว
เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่?
งั้นก็แสดงว่าเบอร์เกนก็ต้องรู้แล้วว่าเธอไม่ได้กลับไปที่อิตาลี?
จบกัน!
คาร์อันจะต้องถูกจับได้แล้วแน่ๆ
ลี่ซาร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก เธอยืนหมุนตัวอยู่กับที่ จากนั้นก็หายใจเข้า “ลี่ซาใจเย็นๆ ต่อให้เบอร์เกนรู้ว่าเธอไม่ได้กลับอิตาลี เขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้ จำไว้ว่าเธอคือคนของตระกูลอเนรีย์นะ”
หลังจากที่ให้กำลังใจตัวเองเสร็จ เธอก็เดินไปเปิดประตู
มาร์ซิวยืนอยู่นอกประตู ก้มหน้าอย่างสุภาพ “คุณหญิง”
ลี่ซาถามไปด้วยท่าทางที่เรียบเฉย “เบอร์เกนเป็นคนส่งคุณมา ใช่มั้ย?”
“ใช่ครับ”
“พวกคุณเข้ามาก่อน รอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บหนึ่ง”
พวกมาร์ซิวเดินตามหลังเธอเข้าไป มองดูเธอเดินเข้าห้องไป
ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที ลี่ซาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ได้เดินออกมา
“ไปกันเถอะ”
พอเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่มีความร้อนรนใดๆ มาร์ซิวก็เลิกคิ้วขึ้นทีหนึ่ง สมแล้วที่เป็นคนของตระกูลอเนรีย์ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็ยังสามารถสงบได้
ระหว่างทาง ลี่ซาเอาแต่หันออกไปนอกหน้าต่าง ถึงแม้สีหน้าของเธอจะไม่ได้แสดงอะไรออกมา แต่ในใจของเธอได้เตรียมคำพูดเอาไว้ตั้งนานแล้ว
เธอไม่อยากทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเบอร์เกนต้องแย่ไปกว่านี้ จึงจำเป็นต้องอธิบายเรื่องที่ตัวเองไม่ได้กลับไปอิตาลีให้ชัดเจน
อย่างน้อยก็ต้องหลอกเบอร์เกนให้ได้
แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่ามันยากมาก แต่เธอก็จำเป็นต้องทำแบบนี้
พอเจอหน้าเบอร์เกน ลี่ซาก็รีบกระโจนเข้าไป พูดด้วยท่าทางที่ขี้อ้อนว่า “ที่รักคะ ถูกคุณรู้เข้าจนได้”