ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1183หาผู้ชายที่ว่านอนสอนง่าย
เหลียงซินเวยนึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับฟางยู่เชินในสถานการณ์แบบนี้
เธอพาอานอานมาที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งในศูนย์การค้า ได้หนังสือมาสองเล่มแล้วเตรียมที่จะออกไป
แต่ใครจะไปคิด พอประตูลิฟต์เปิดออก ก็พบกับฟางยู่เชินและเย่เสี่ยวอี้พอดี
พอเย่เสี่ยวอี้เห็นเธอ ก็รีบเข้ามาคว้าแขนของฟางยู่เชินเอาไว้ เชิดคางขึ้น แล้วมองเธอด้วยความมั่นใจ
เหลียงซินเวยรู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที พยักหน้าให้ทั้งสองครั้งหนึ่ง แล้วจูงมืออานอานเข้าไป
“สวัสดีครับลุงฟาง” อานอานกล่าวทักทายฟางยู่เชินด้วยความสุภาพ
ฟางยู่เชินยิ้มให้เขา “สวัสดีจ้ะ”
สายตามองไปยังเหลียงซินเวยที่กำลังหันหลังให้กับเขา แววตาของเขาปรากฏความรู้สึกที่ยากจะสังเกตเห็นออกมาแวบหนึ่ง
เย่เสี่ยวอี้มองดูท้ายทอยของเหลียงซินเวย มุมปากแย้มขึ้น ตั้งใจบีบเสียง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวนว่า “ยู่เชินคะเดี๋ยวเราไปกินอะไรกันดีคะ?”
พอได้ยินเสียงนั้น คิ้วของเหลียงซินเวยก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“แล้วแต่”
สองพยางค์ที่แสนเรียบเฉย สามารถรับรู้ได้ว่าฟางยู่เชินนั้นไม่มีอารมณ์เท่าไหร่
เย่เสี่ยวอี้ทำปากจู๋ แล้วบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ “คุณควรจริงจังกว่านี้หน่อยนะคะ คุณต้องตัดสินใจมาสิคะว่าเดี๋ยวเราจะไปกินอะไรกัน”
ฟางยู่เชินเหลียวมองเธอแวบหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่รำคาญนิดหน่อย “คุณตัดสินใจเลยครับ ผมไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี”
ทำไมเขายังเป็นแบบนี้อีก?
ไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด!
เย่เสี่ยวอี้รู้สึกโมโหขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว ตอนที่เธอกำลังจะโวยวายออกมาอยู่นั้น แต่สายตาที่มองไปยังเหลียงซินเวยก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
“จริงด้วย คุณเหลียงทำงานอยู่ในร้านอาหารไม่ใช่เหรอคะ? เธอต้องรู้จักร้านอร่อยๆ แน่เลย”
พอได้ยินเย่เสี่ยวอี้พูดถึงตัวเอง กระดูกสันหลังของเหลียงซินเวยก็เกร็งขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ มือที่จูงอานอานไว้ก็กำแน่นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
อานอานหันมามองเธอด้วยความสงสัย
“คุณเหลียงคะ คุณช่วยเราตัดสินใจหน่อยได้มั้ยคะ?”
เหลียงซินเวยหายใจเข้าลึกๆ “ต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณเย่ นี่คือเรื่องส่วนตัวของพวกคุณ คนนอกอย่างฉันไม่เหมาะที่จะไปช่วยตัดสินใจแทนพวกคุณหรอกค่ะ”
พอได้ยินคำว่า “คนนอก” สองพยางค์นั้น สายตาของฟางยู่เชินก็มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย
“คุณเองก็รู้เหรอคะว่าตัวเองนั้นเป็นคนนอก” เย่เสี่ยวอี้หัวเราะเยาะเย้ยออกมาทีหนึ่ง “ถือว่าคุณยังรู้จะเจียมตัวอยู่”
“ติ้ง——”
ลิฟต์ถึงแล้ว
ประตูเปิดออก เหลียงซินเวยจึงรีบจูงมืออานอานออกไป เดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับไปมองเลยแม้แต่นิดเดียว
เดินไปเร็วมาก
อานอานที่ก้าวตามไม่ทัน เสียหลักจนล้มลงไป
“อานอาน!”
เหลียงซินเวยรีบหยุดเท้าลง นั่งลงไปตรวจดูอาการของเขา
อานอานลุกขึ้นมา ตบๆ ตามตัว แล้วมองเธอด้วยความสงสัย “แม่ครับ วันนี้แม่เป็นอะไร? ทำไมถึงเดินเร็วขนาดนี้?”
“แม่……”
เหลียงซินเวยบังเอิญเหลือบไปเห็นฟางยู่เขินกับเย่เสี่ยวอี้ที่กำลังเดินเข้ามาจากทางหางตา แล้วเธอก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
เธอจับมือของอานอานขึ้นมาอีกครั้ง แล้วพูดไปว่า “เหมือนแม่จะลืมปิดน้ำในห้องน้ำ เราจึงต้องเดินให้เร็วหน่อย รีบกลับบ้าน ถ้าเรากลับไปช้า เดี๋ยวน้ำมันจะไหลเต็มบ้านไปหมด”
ในครั้งนี้ เธอเดินช้าลง เพื่อให้อานอานสามารถเดินตามเธอทัน
แต่ก็ยังถือว่าเร็วกว่าคนๆ อยู่ดี
เย่เสี่ยวอี้มองดูสองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล มุมปากก็แย้มขึ้นอย่างพึงพอใจ
ผู้หญิงคนนั้นถือว่ารู้จักเจียมตัวบ้างแล้ว
ฟางยู่เชินมองดูแผ่นหลังที่เดินไปไกลแล้ว ในใจก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายขึ้น
จากการกระทำของเหลียงซินเวย สามารถรับรู้ได้ว่าเธอกำลังตีตัวให้ออกห่างจากเขาอยู่
เป็นเพราะกู้เนี่ยนอย่างนั้นเหรอ?
เย่เสี่ยวอี้หันหน้ามา เห็นเขาที่มองไปยังทิศทางที่เหลียงซินเวยจากไปโดยไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงได้รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที “แม่นั่นไปแล้ว คุณยังมองอะไรอยู่อีกคะ?”
ฟางยู่เชินถูกเสียงของเธอดึงสติกลับคืนมา หันหน้ามา จ้องเข้าไปในดวงตาที่ไม่พอใจของเธอ มองต่ำลง มองไปยังมือที่คล้องอยู่ที่แขนของเขา
“คุณเย่ครับ เราเดินเล่นในศูนย์การค้าเสร็จแล้ว เราจึงควรกลับบริษัทได้แล้วครับ” เขาดึงแขนของตัวเองกลับ
เย่เสี่ยวอี้ขมวดคิ้ว “คุณยังต้องไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันอีกไม่ใช่รึไงคะ?”
“ผมเคยรับปากคุณด้วยเหรอครับ?” ฟางยู่เชินไม่ตอบแต่ถามกลับ
“ไม่เคยค่ะ แต่คุณจำเป็นต้องไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉัน” เย่เสี่ยวอี้พูดออกมาด้วยท่าทางที่มีเหตุมีผล
“ขอโทษนะครับ ผมไม่ว่างครับ” ฟางยู่เชินปฏิเสธไปตรงๆ
“ฟางยู่เชิน!” เย่เสี่ยวอี้จ้องเขม็งมาที่เขาด้วยความโมโห “ฉันจะบอกคุณนะคะ ถ้าคุณไม่ยอมไปกินข้าวกับฉัน ฉันก็จะโกรธ แล้วจะไม่สนใจคุณอีกเลยค่ะ”
ฟางยู่เชินยิ้มออกมา “ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้วครับ”
ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็สามารถตัดปัญหาไปได้มากเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะให้แม่บ่นเข้าน้อยลงบ้าง เขาก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอจนเกินความจำเป็นเลย
“ฟางยู่เชิน มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” เย่เสี่ยวอี้โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ
“ผมมันก็เกินไปแบบนี้แหละครับ ดังนั้น คุณเย่ก็ไปหาผู้ชายที่ว่านอนสอนง่ายคนอื่นดีกว่า”
พูดจบ ฟางยู่เชินก็เดินดุ่มๆ ออกไป ทิ้งเย่เสี่ยวอี้ที่โกรธจนยืนกระทืบเท้าอยู่กับที่
“ฟางยู่เชิน คุณไม่ต้องมาเสียใจทีหลังนะ ผู้ชายที่ตามจีบฉันน่ะต่อคิวยาวตั้งแต่ตรงนี้จนถึงบ้านฉันเลย ฉันไม่เสียดายคุณเลยสักนิด!”
หลังจากที่เย่เสี่ยวอี้ตะโกนใส่ฟางยู่เชินไป พอเห็นเขาเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเลยด้วยซ้ำ เธอก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที ไม่มีเวลามาโกรธ แล้วรีบวิ่งตามเขาไปทันที
“ยู่เชิน” เธอวิ่งมาข้างๆ ฟางยู่เชิน เดินไปพูดไปว่า “คุณไม่อยากไปกินข้าวกับฉันก็ไม่เป็นไร ฉันจะไม่ฝืนใจคุณ แต่แค่วันนี้เท่านั้นนะคะ ครั้งหน้าฉันจะไม่ยอมอีกแล้วนะ”
พอได้ยินแบบนั้น ฟางยู่เชินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาหยุดเดินอย่างกกะทันหัน หันหน้ามา มองดูเย่เสี่ยวอี้ด้วยความขบขัน “คุณเย่ครับ ตอนที่คุณเรียน ความสามารถในการตีความในการอ่านของคุณน่าจะอ่อนมากเลยใช่มั้ยครับ?”
“หา?” เย่เสี่ยวอี้กะพริบตาด้วยความมึนงง ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
ฟางยู่เชินยักคิ้ว “เมื่อกี้สิ่งที่ผมต้องต้องการสื่อก็คือ เราสองคนไม่ได้เหมาะสมกันเลยครับ”
“ตรงไหนคะที่เราไม่เหมาะสมกัน?” เย่เสี่ยวอี้ตะโกนถามไป “ทั้งๆ ที่เราสองคนเหมาะสมกันจะตาย ไม่ว่าจะเป็นชาติตระกูลหรือหน้าตา ต่างก็เหมาะสมกันที่สุด”
“นั่นมันเป็นแค่สิ่งที่คุณคิด” ฟางยู่เชินยกมือขึ้นมาดูเวลา “คุณเย่ครับ ผมต้องกลับบริษัทแล้วจริงๆ ครับ ผมไม่ไปส่งแล้วนะครับ”
“ฟางยู่เชิน!”
เย่เสี่ยวอี้ทำได้แค่มองดูเขาจากไปโดยที่ไม่หันมามองเลยด้วยซ้ำ
เธอกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจไปทีหนึ่ง นี่เขาหมายความว่ายังไงกันแน่?
ที่บอกว่าพวกเธอไม่เหมาะสมกัน แล้วเหลียงซินเวยนั่นจะเหมาะสมอย่างนั้นเหรอ?
พอนึกถึงเหลียงซินเวย เย่เสี่ยวอี้ก็เบิ่งตากว้างในทันที คงไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ ใช่มั้ย?
ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งกระวนกระวายใจ
ไม่ได้!
จะปล่อยให้ผู้หญิงที่ชื่อเหลียงซินเวยนั่นแย่งยู่เชินไปไม่ได้เด็ดขาด
ฟางยู่เชินต้องเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น
……
พอเย่เฉินหยุนกลับถึงบ้าน ก็ถูกน้องสาวอย่างเย่เสี่ยวอี้ดึงเข้าห้องทันที
“เสี่ยวอี้ นี่เธอทำอะไรเนี่ย?” เย่เฉินหยุนมองดูน้องสาวด้วยความสงสัย
“พี่คะ นี่เป็นของขวัญที่ฉันมอบให้พี่ค่ะ” เย่เสี่ยวอี้ยัดกล่องใบหนึ่งเจ้าไปในมือเขา
เย่เฉินหยุนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น “นี่เธอซื้อของขวัญให้ฉันเนี่ยนะ?”
“ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ?”
“ไม่สิ” เย่เฉินหยุนส่ายหน้า “ของฟรีไม่มีในโลก มันต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่แน่ๆ”
พอได้ยินแบบนั้น เย่เสี่ยวอี้ก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาทันที “พี่คะ นี่พี่มองน้องสาวของตัวเองแบบนี้ได้ยังไง?”
เย่เฉินหยุนยิ้ม “ฉันแค่รู้สึกแปลกใจมากเท่านั้นเอง”
เขาเปิดกล่องออก แล้วเห็นนาฬิการุ่นลิมิเต็ดเรือนหนึ่งในนั้น เลิกคิ้วขึ้น “นี่เธอซื้อมาเท่าไหร่เนี่ย บอกมา มีเรื่องอะไรจะให้ฉันช่วยใช่มั้ย?”
เย่เสี่ยวอี้หัวเราะแห้งๆ “พี่คะ ฉันจะไปมีเรื่องให้พี่ช่วยได้ยังไงคะ”
“ไม่มีจริงๆ เหรอ?” เย่เฉินหยุนจ้องเขม็งมาที่เธอ
เย่เสี่ยวอี้เบ้ปาก “ก็ได้ค่ะ ฉันมีเรื่องอยากให้พี่ช่วยจริงๆ นั่นแหละ”