ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1245 รอฟังข่าวดีจากคุณ
พอกลับมาถึงที่ห้องโถง ซ่างกวนหยวนก็หันกลับไปมองซ่างกวนเชียนที่เดินตามหลังมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า “พี่เริ่มเตรียมงานแต่งรึยังคะ?”
แววตาของซ่างกวนเชียนแสดงความรู้สึกที่ยากจะสังเกตเห็นออกมาแวบหนึ่ง ริมฝีปากบางๆ เปิดออก “ฉันบอกให้ผู้ช่วยไปเตรียมการแล้ว”
“ให้ผู้ช่วยไปจัดการอย่างนั้นเหรอ?” ซ่างกวนหยวนหมุนตัวกลับมา พร้อมกับสีหน้าที่ไม่ชอบใจ “เรื่องที่สำคัญแบบนี้แต่พี่กลับสั่งให้ผู้ช่วยไปทำเนี่ยนะ?”
“ถ้าเธอไม่พอใจ ก็ทำเองได้นะ”
เดิมทีการให้เขาไปจัดการเรื่องงานแต่งของเธอกับจิ้นเฟิงเฉินมันก็เป็นเรื่องที่โหดร้ายอยู่แล้ว ยังจะให้เขาลงไปจัดการทุกอย่างด้วยตนเองอีกรึไง?
เขาไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น
“พี่คะ!” ซ่างกวนหยวนโกรธจนพูดอะไรไม่ออก
ซ่างกวนเชียนยิ้มเยาะเย้ยออกมา “หยวนหยวน เขาเคยแต่งงานแล้ว แถมยังมีลูกแล้วด้วย งานแต่งครั้งนี้ เธอต้องระวังให้มากๆ”
พอพูดถึงอดีตของจิ้นเฟิงเฉิน มันก็คือการพูดเตือนสติซ่างกวนหยวนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ทุกอย่างที่มีในตอนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ขโมยมาทั้งสิ้น
เธอเชิดคางขึ้น พูดด้วยท่าทางที่ได้ใจว่า “นี่มันเป็นเรื่องของฉัน พี่ไม่ต้องมาเป็นห่วงหรอกค่ะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้น เรื่องงานแต่งเธอก็ไปจัดการเองแล้วกัน”
ซ่างกวนเชียนมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง แล้วก้าวเท้าเดินผ่านเธอไป โดยไม่สนใจสีหน้าที่ตกใจของเธอ
“ซ่างกวนเชียน!” ซ่างกวนหยวนตะคอกออกมาด้วยความโมโห
ซ่างกวนเชียนเดินขึ้นชั้นบนไปราวกับไม่ได้ยินเสียงของเธอ
พอเดินขึ้นมาถึงชั้นสอง ซ่างกวนเชียนก็เจอเข้ากับจิ้นเฟิงเฉินพอดี
จิ้นเฟิงเฉินทักทายด้วยความสุภาพ “พี่ใหญ่”
เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเฉินที่เคยกระฉับกระเฉง พอวันนี้มาเรียกตัวเองว่าพี่ใหญ่ ซ่างกวนเชียนก็รู้สึกสับสนมาก
ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็ เขาต้องดีใจมากแน่ๆ
แต่ว่าตอนนี้ เขารู้สึกถึงแค่ความอึดอัดเท่านั้น
เขาหันมองไปข้างล่าง แล้วสบตากับสายตาที่โมโหของซ่างกวนหยวนพอดี
มุมปากค่อยๆ แย้มขึ้น เขาขำออกมาเบาๆ สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วเดินผ่านจิ้นเฟิงเฉินไป
“เฟิงเฉิน” จู่ๆ ซ่างกวนหยวนที่อยู่ข้างล่างก็เรียกขึ้นมา
จิ้นเฟิงเฉินถึงได้เดินลงไปข้างล่าง เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของซ่างกวนหยวน แล้วถามไปเบาๆ ว่า “มีอะไรเหรอครับ?”
“เมื่อกี้คุณอยู่ตรงนั้นตลอดเลยเหรอคะ?” ซ่างกวนหยวนถาม
ถ้าตั้งใจฟัง ก็สามารถรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของเธอมีความตื่นเต้นซ่อนอยู่
เธอกลัวเขาจะได้ยินบทสนทนาของเธอกับซ่างกวนเชียนเข้า
จิ้นเฟิงเฉินส่ายหน้า “ไม่ครับ ผมเพิ่งออกมาจากห้อง”
“ค่ะ” ซ่างกวนหยวนรู้สึกโล่งอก
เธอจับมือของเขา แล้วยิ้มออกมา “เราไปกินข้าวกันเถอะค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินตามเธอไปยังห้องครัว ดวงตาคู่นั้นดำเหมือนน้ำหมึก ทำให้มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
…
ตอนเที่ยง หลังจากกินข้าวเสร็จเจียงสื้อสื้อก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง
การถูกย้ายไปทำงานที่สวนหลังบ้าน ผลก็คือ เธอมีเวลาว่างมากขึ้นกว่าเดิม
เธอนั่งลงที่ขอบเตียง หยิบมือถือออกมา ค้นหาเบอร์โทรของฟางยู่เชินแล้วกดโทรออกไป
ไม่นานเขาก็รับสาย เสียงของฟางยู่เชินดังออกมาจากลำโพง
“สื้อสื้อ ทำไมถึงโทรหาฉันตอนนี้ล่ะ?”
“พี่คะ สองวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย ฉันเลยลืมถามเรื่องการหมั้นของพี่ไปเลย”
ฟางยู่เชินไม่ได้สนใจประโยคหลัง พอได้ยินประโยคแรก เขาก็รีบถามไปทันทีว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเธอเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อขำออกมาเบาๆ “พี่คะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ว่าแต่พี่เถอะ เรื่องการหมั้นมันยังไงกันแน่คะ?”
อีกด้านของมือถือเงียบไปพักหนึ่ง ฟางยู่เชินถึงได้ตอบกลับมาว่า “นั่นมันเป็นเรื่องที่พ่อแม่ตกลงกันเอง ฉันยังไม่ได้ตกลงเลย”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “พี่ยังไม่ตกลง แต่ข่าวมันออกมาแล้วนะคะ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพวกเขาถึงได้ใจร้อนขนาดนั้น”
พอพูดถึงเรื่องงานหมั้น ฟางยู่เชินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เขาจึงถามไปว่า “ที่เธอโทรหาฉัน ก็เพื่อจะถามเรื่องนี้นะเหรอ?”
“ก็ฉันเป็นห่วงพี่นี่คะ” เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมา
ฟางยู่เชินก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน “ฉันว่าเธออยากล้อเลียนฉันมากกว่ามั้ง”
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ” เจียงสื้อสื้อรีบบอกปัดไป จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่อง เธอถามไปว่า “พี่คะ ช่วงนี้พี่พอมีเวลาว่างมั้ยคะ?”
“มีอะไรรึเปล่า?”
“ตอนนี้ฉันได้เจอเฟิงเฉินยากมาก ฉันต้องการความช่วยเหลือจากพี่ค่ะ”
“สรุปมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ตามหลักแล้ว หลังจากที่เธอเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลซ่างกวน โอกาสที่จะได้เจอเฟิงเฉินก็น่าจะมากขึ้นสิ
เจียงสื้อสื้อเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ให้เขาฟังจนหมด จากนั้นก็พูดเสริมไปอีกคำว่า “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมซ่างกวนหยวนถึงต้องหมั่นไส้ฉันถึงขนาดนี้ด้วย”
เธอเริ่มรู้สึกท้อใจขึ้นมาแล้ว
กว่าจะเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลซ่างกวนได้ ตอนแรกก็นึกว่าจะได้เจอเฟิงเฉินบ่อยๆ แต่ใครจะไปคิด ตอนนี้แค่จะเจอหน้าเขาสักครั้งกลับกลายเป็นเรื่องที่ยากมาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะฟื้นความทรงจำให้เขาเลย
“หรือซ่างกวนหยวนจะรู้ตัวแล้วอย่างนั้นเหรอ?” ฟางยู่เชินถาม
นอกจากจะเป็นแบบนี้ เขาก็นึกถึงความเป็นไปได้อื่นไม่ออกเลย
“ไม่น่าจะใช่นะคะ”
ถ้าเกิดว่ารู้อะไรเข้า จากนิสัยของซ่างกวนหยวน ก็คงจะไล่เธอออกไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่แค่สั่งให้เธอไปทำงานอยู่ที่สวนหลังบ้านแน่นอน
“แล้วเธออยากให้ฉันช่วยยังไงล่ะ?”
“อืม……” เจียงสื้อสื้อตั้งใจใช้ความคิด “พี่ช่วยฉันนัดซ่างกวนหยวนออกไปให้หน่อยจะได้มั้ยคะ?”
พอได้ยินแบบนั้น ฟางยู่เชินก็ขมวดคิ้วทันที “เธอคงไม่ได้จะให้ฉันไปจีบเธอซ่างกวนหยวนหรอกใช่มั้ย?”
“ประมาณนั้นค่ะ”
ฟางยู่เชินถอนหายใจออกมาด้วยความจนใจ “งั้นเธอก็ขอช้าไปแล้ว”
“หมายความว่ายังไงคะ?” เจียงสื้อสื้อถาม
“ตอนนี้ฉันกับเวยเวยเราคบกันแล้ว”
“ว่าไงนะ?” เจียงสื้อสื้อตกใจจนลุกขึ้นยืน “พี่กับเวยเวยคบกันแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย?”
“วันสองวันนี่เอง”
เจียงสื้อสื้อได้ยิ้มออกมา “พี่คะ ในที่สุดพี่ก็เข้าใจความรู้สึกของตัวเองสักทีนะคะ”
“ใช่แล้ว”
ในเมื่อเขาคบกับเหลียงซินเวยแล้ว เธอก็ไม่อยากรบกวนเขาอีก “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันคิดหาวิธีอื่นก็ได้”
“ความจริงฉันสามารถช่วยเธอได้นะ”
ตอนที่เจียงสื้อสื้อกำลังจะวางสายนั้น จู่ๆ เสียงของฟางยู่เชินเสียงก็ดังขึ้น
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว แล้วถามไปด้วยความสงสัยว่า “พี่จะช่วยฉันยังไงคะ?”
“ก็ทำตามที่เธอบอก นัดซ่างกวนหยวนให้ออกมาเจอกัน”
“แล้วพี่ไม่กลัวเวยเวยจะโกรธเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อไม่อยากให้เรื่องของตัวเองไปทำให้พวกเขาต้องเข้าใจผิดกัน
“ฉันจะอธิบายให้เวยเวยเข้าใจเอง เธอไม่ต้องห่วง”
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะรอข่าวดีจากพี่นะคะ” ตอนนี้เธอจำเป็นต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ยากเกินไป
หลังว่างสาย เจียงสื้อสื้อก็ทิ้งตัวนอนไปข้างหลัง จ้องมองไปยังเพดานสีขาว คิ้วบางๆ ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือต้องหาทางทำให้เฟิงเฉินนึกถึงเรื่องราวในอดีตให้ได้
แต่ว่า จะใช้วิธีไหนล่ะ?
ในขณะเดียวกัน จิ้นเฟิงเฉินก็กลับไปที่ห้องคนเดียว เขามองไปรอบๆ ห้องที่ไม่ได้ถือว่าคุ้นเคยนัก คิ้วค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน ภาพที่เจียงสื้อสื้อกำลังร้องไห้อย่างปวดใจแล่นเข้ามาในหัว
หัวใจ มันรู้สึกเจ็บขึ้นมานิดหนึ่ง
เขายกมือขึ้นมากุมอก หว่างคิ้วแสดงความรู้สึกที่สับสนออกมา
ความจริงเมื่อเช้า เขานั้นได้ยินคำพูดของซ่างกวนเชียน
เขาไม่ใช่แค่เคยแต่งงาน แต่ยังมีลูกแล้วด้วย
ที่สำคัญภรรยาของเขา ก็คือเจียงสื้อสื้อที่ร้องไห้อย่างเจ็บปวดตอนอยู่ที่สนามบิน
แต่คำว่าลืมไปแล้ว มันจะสามารถลบล้างทุกอย่างได้จริงๆ เหรอ?
ลบล้างไม่ได้หรอกมั้ง
ทันใดนั้น เขาก็อยากนึกถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมา
ถึงแม้ จะรู้สึกผิดต่อบุญคุณที่หยวนหยวนเคยช่วยชีวิตของเขาไว้ก็ตาม