ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1278 ใครกันที่หน้าด้านแบบนี้
พอเห็นสีหน้าที่จริงจังของเขา ในใจของเหลียงวินเวยก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา เธอดูดๆ จมูก แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง “ฉันเข้าใจแล้ว ครั้งต่อไปฉันจะไม่ปิดบังคุณอีกค่ะ”
“ไม่มีครั้งต่อไป” ฟางยู่เชินพูด “ผมไม่อนุญาตให้มีครั้งต่อไป”
“แล้วเย่เสี่ยวอี้เธอ……” เหลียงซินเวยพูดแล้วหยุดชะงัก
กลัวว่าเขาจะเข้าใจว่าเธอกำลังกดดันเขาอยู่
พอพูดถึงเย่เสี่ยวอี้ คิ้วของฟางยู่เชินก็ขมวดเป็นปมทันที สีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “เรื่องนี้ผมจะจัดการให้เรียบร้อย ผมจะไม่ยอมให้เธอมาทำร้ายคุณอีก”
เหลียงซินเวยพยักหน้า “ค่ะ”
พอนึกถึงคำด่าทอที่อยู่ในโซเชียลพวกนั้น ฟางยู่เชินก็ดึงเธอมากอดด้วยความห่วงใยอีกครั้ง
“ช่วงนี้คุณก็พักผ่อนอยู่บ้านไป ไม่ต้องเข้าเน็ต ต้องทำเหมือนคลิปนั้นไม่มีอยู่นะครับ” เขากระซิบที่ข้างหูของเธอเบาๆ
เหลียงซินเวยตอบ “ค่ะ” มาคำหนึ่ง กางสองมือออกแล้วกอดเอวเขาไว้ ซุกหน้าเข้าไปในอกของเขา ฟังเสียงหัวใจที่ทุ้มลึกของเขา หัวใจถึงได้สงบลง
ขอแค่มีเขาอยู่ข้างๆ เธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
ฟางยู่เชินกอดเธอไว้แน่นๆ จากมุมที่เธอมองไม่เห็น สีหน้าก็เคร่งขรึมลงไป ดวงตาสีดำประกายไปด้วยความเยือกเย็น
ครั้งนี้เขาต้องจัดการเรื่องคลุมถุงชนให้เรียบร้อย จะปล่อยให้ยืดเยื้อไม่ได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้น มันจะไม่ส่งผลดีกับเวยเวยเลย
……
บ้านตระกูลเย่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” พ่อเย่จ้องหน้าลูกสาวด้วยความโกรธเกรี้ยว
เขาเห็นข่าวบนโลกออนไลน์แล้ว ถึงได้รู้ว่าลูกสาวของตัวเองนั้นน่ากลัวแค่ไหน ฟาดขวดเหล้าจนแตก แล้วตั้งใจจะทำร้านคนอื่น
โชคดีที่อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บแค่ภายนอก ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของตระกูลเย่คงถูกเธอทำลายไปหมดแล้ว
“พ่อคะ พ่อจะโมโหแบบนี้ไปทำไมคะ? หนูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” เย่เสี่ยวอี้รู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด แถมยังรู้สึกว่าทำน้อยไปด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้เธอก็ได้ระบายแล้ว
ยิ่งชาวเน็ตต่อว่านังสารเลวเหลียงซินเวยนั่นได้หยาบคายมากเท่าไหร่ เธอก็ยิงได้ระบายเท่านั้น
เธอยังทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีก พ่อเย่ตบโต๊ะอย่างแรง แล้วตำหนิไปว่า “อะไรคือไม่ได้ทำอะไรผิด? ชื่อเสียงของตระกูลเย่ถูกแกทำจนป่นปี้หมดแล้ว!”
พอได้ยินแบบนั้น เย่เสี่ยวอี้ก็ขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ “พ่อคะ หนูไปทำให้ตระกูลเย่ขายหน้ายังไงคะ? ถ้าหนูไม่ทำแบบนี้ คนอื่นเขาถึงจะหัวเราะเยาะว่าตระกูลเย่ของเรามันไม่เอาไหน ที่ปล่อยให้นังสารเลวคนหนึ่งมาแย่งผู้ชายไป!”
“นี่แก!แก……” พ่อเย่โกรธจนพูดอะไรไม่ออก นิ้วที่ชี้ไปที่เธอก็กำลังสั่น
แม่เย่ที่ได้ยินก็เดินดุ่มๆ เข้ามา มาถึงตรงหน้าของพ่อเย่กับเย่เสี่ยวอี้ พอเห็นพ่อเย่ที่กำลังโมโห จึงได้ถามไปว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ถามลูกสาวของคุณดูสิ!” พ่อเย่ถลึงตาใส่เย่เสี่ยวอี้ แล้วเดินไปนั่งตรงโซฟาที่อยู่ข้างๆ
แม่เย่หันมองเขาทีหนึ่ง แล้วค่อยหันไปถามเย่เสี่ยวอี้ว่า “ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“แม่คะ มีคนมาแย่งยู่เชินกับหนูค่ะ” เย่เสี่ยวอี้พูดด้วยท่าทางที่ลำบากใจ
พอแม่เย่ได้ยิน เธอก็รีบถามไปว่า “ใคร? ใครที่มันหน้าด้านแบบนี้?”
“เป็นคนที่แม่รู้จักค่ะ”
“คนที่แม่รู้จักอย่างนั้นเหรอ?” แม่เย่ขมวดคิ้ว “แล้วใครล่ะ?”
“แม่ยังจำผู้หญิงที่พี่ชายพามาพบตอนงานเลี้ยงช่วงปีใหม่ได้มั้ยคะ?”
แม่เย่ลองนึกดู พอนึกออกว่าใคร ก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา “จะบอกว่าเป็นเธออย่างนั้นเหรอ?”
“มันนั่นแหละค่ะ” พอนึกถึงเหลียงซินเวย เย่เสี่ยวอี้ก็ไม่อาจปกปิดความเกลียดชังที่แสดงออกทางสีหน้าได้
“มันเป็นไปได้ยังไง?” แม่เย่ไม่อยากจะเชื่อ “เธอเป็นแฟนพี่ชายของลูกไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ค่ะ มันก็แค่ผู้หญิงที่หลายใจคนหนึ่ง ทางหนึ่งก็คบกับพี่ชาย อีกทางก็ไปให้ท่ายู่เชิน”
เย่เสี่ยวอี้กัดฟันพูด
“ที่ลูกพูดมามันเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย?” แม่เย่จินตนาการไม่ออกเลยว่าเด็กว่าที่ทำตัวเรียบร้อยในคืนนั้น จะเป็นคนแบบนี้ไปได้
“ก็ต้องจริงอยู่แล้วค่ะ! ถ้าแม่ไม่เชื่อก็ลองไปถามพี่ดูได้เลย”
“พอได้แล้ว!” พ่อเย่ตะคอกออกมา หันไปถลึงตาใส่เย่เสี่ยวอี้ “ต่อให้เธอเป็นผู้หญิงแบบนั้น มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่แกจะไปทำร้ายร่างกายคนอื่น”
“ทำร้ายร่างกายอย่างนั้นเหรอ?” สายตาของแม่เย่ย้ายไปย้ายมาระหว่างทั้งสองคน “นี่มันหมายความว่ายังไง?”
พ่อเย่หยิบมือถือออกมา เปิดคลิป แล้วโยนลงบนโต๊ะชา “คุณดูเองแล้วกัน”
แม่เย่เดินเข้าไป หยิบมือถือขึ้นมา หลังจากที่ดูคลิปจบ เธอก็ตกใจจนเบิ่งตากว้าง
เธอหันหน้าไป แล้วมองเย่เสี่ยวอี้ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เสี่ยวอี้ นี่คือลูกเหรอ?”
เย่เสี่ยวอี้รีบหลบตา แล้วพูดแถไปว่า “ใครให้มันมาให้ท่ายู่เชินล่ะคะ? หนูก็แค่ปกป้องสิทธิ์โดยชอบธรรมของหนูเท่านั้น”
“แต่แกก็ไม่ควรไปทำร้ายร่างกายคนอื่น!” พ่อเย่ถอนหายใจออกมาอย่างแรง “ถ้าเกิดตอนนั้นเธอไม่หลบออก แล้วถูกแกแทงเข้า แบบนั้นแกก็จบสิ้นแล้ว!”
การที่พ่อเย่ต้องโมโหขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะเธอไปหาเรื่องเหลียงซินเวย แต่เป็นเพราะเธอไม่รู้จะปกป้องตัวเองต่างหาก
ถ้าเกิดไปทำร้ายคนอื่นจนสาหัสเข้า ตอนนั้นเธอจะลำบากเอาได้
เรื่องชดใช้ค่าเสียหายน่ะอีกเรื่อง แต่กลัวจะถูกจับเข้าคุกนี่สิ
“แต่มันก็ไม่เป็นไรนี่คะ” เย่เสี่ยวอี้ไม่เข้าใจความเป็นห่วงที่เขามีให้ เธอรู้สึกแค่ว่าเขาไม่เป็นห่วงตัวเอง แล้วยังพูดแทนพูดหญิงคนนั้นไปหมดเลย
เธอรู้สึกโกรธแล้วจริงๆ
“พ่อคะ นี่หนูเป็นลูกสาวของพ่อจริงๆ รึเปล่าคะ? ทำไมพ่อถึงเอาแต่พูดแทนนังสารเลวนั่นตลอดเลย?”
พอเธอถามมาแบบนั้น ความโกรธเกรี้ยวที่กว่าพ่อเย่จะระงับมันลงไปได้ ก็ต้องปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าแกไม่ใช่ลูกของฉัน ฉันก็ไม่อยากมาเสียอารมณ์ด้วยแบบนี้หรอก!”
พอเห็นทั้งคู่จะทะเลาะกันอีกครั้ง แม่เย่ก็รีบห้ามปรามทันที “พอแล้ว พอแล้ว เลิกเถียงกันได้แล้ว ทั้งคู่เลย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจัดการปัญหาที่เสี่ยวอี้พูดมายังไงต่างหาก”
ฟางยู่เชินนั้นเป็นลูกเขยที่พวกเขาถูกใจที่สุดแล้ว ถ้าเป็นอย่างที่เย่เสี่ยวอี้พูดจริง ว่ามีคนมาให้ท่าเขา พวกเขาก็ต้องรีบขัดขวางทันที
ถ้าปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นทำสำเร็จ เรื่องคลุมถุงชนของตระกูลฟางกับตระกูลเย่ก็คงเป็นอันยกเลิกกันพอดี!
ไม่ว่ายังไง ก็ต้องขัดขวางผู้หญิงคนนั้นไว้ให้ได้
ความโกรธของพ่อเย่ค่อยๆ ทุเลาลง เขามองไปที่เย่เสี่ยวอี้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกว่า “ที่แกพูดมามันจริงใช่มั้ย?”
“ก็จริงสิคะ มีเหตุผลอะไรที่หนูต้องโกหกด้วยเหรอคะ?” เย่เสี่ยวอี้ยังรู้สึกโกรธอยู่ น้ำเสียงเลยหนักไปนิด
พ่อเย่ขมวดคิ้ว แล้วถามต่อ “แล้วยู่เชินล่ะว่ายังไงบ้าง?”
พอพูดถึงฟางยู่เชิน เย่เสี่ยวอี้ก็โมโหขึ้นมาทันที “จะว่าอะไรล่ะคะ เขากับนังสารเลวนั่นคบกันไปแล้ว”
“ว่ายังไงนะ?” แม่เย่อุทานออกมา “นี่เขาไปคบกับนังจิ้งจอกนั่นแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“จริงเหรอ?” พ่อเย่ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
“ก็ต้องจริงอยู่แล้วค่ะ! ที่สำคัญ เย่เฉินหยุนก็รู้ด้วย!” น้ำเสียงที่โมโหของเย่เสี่ยวอี้ดังขึ้นอย่างมาก
แม่เย่สับสนแล้ว “แล้วพี่ของลูกไปรู้เรื่องได้ยังไง?”
“ฮึ” เย่เสี่ยวอี้ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “เขาถูกสวมเขาไปแล้ว จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะคะ?”
“ห้ามพูดถึงพี่แกแบบนั้นนะ!” พ่อเย่ตักเตือนไปคำหนึ่ง “ถ้าสิ่งที่แกพูดมาเป็นความจริง งั้นพี่แกก็เป็นผู้เสียหายด้วย”
“พ่อคะ พ่อคิดมากไปแล้ว! เย่เฉินหยุนไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายเลย แถมยังช่วยยู่เชินปกปิดเรื่องนี้อีกต่างหาก”
“ทำไมพี่ของลูกต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ?” แม่เย่เชื่อไม่ลงว่าลูกชายของตัวเองจะไปช่วยเหลือคนนอกจริงๆ
ถึงแม้ฟางยู่เชินจะเป็นลูกเขยที่พวกเขาเลือก แต่สำหรับแม่เย่แล้ว เขาก็ยังถือเป็นคนนอกอยู่ดี
“ฉันก็ยังไม่เชื่อว่ายู่เชินจะทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ”
ตอนนี้ฟางยู่เชินเป็นประธานของฟางซื่อกรุ๊ป ไม่มีทางทำเรื่องที่จะทำให้ตระกูลต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงแน่นอน