ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1280 เจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว
“ผมไม่มีทางขอโทษเด็ดขาด!”
ฟางยู่เชินแสดงจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจน
เย่เสี่ยวอี้ทำร้ายเวยเวย เขายังไม่ไปคิดบัญชีกับเธอเลย แต่ตอนนี้จะให้เขาไปขอโทษ อย่าหวังว่ามันจะเกิดขึ้นเลย!
“แกมันลูกเนรคุณ!” ฟางเถิงโกรธจนชูมือขึ้นมาหวังจะตบเขา
“เหล่าฟาง ใจเย็นก่อน!” ซ่างหยิงรีบคว้ามือเขาอาไว้ “ต่อให้ลูกจะทำผิดยังไง คุณก็ไม่ควรลงไม้ลงมือนะ!”
ฟางเถิงมองดูสีหน้าที่แน่วแน่ของฟางยูเชิน ทำได้แค่เอามือลงด้วยความโมโห “คุณนั่นแหละที่ตามใจจนเขาเสียคน!”
ซ่างหยิงรีบพยักหน้ารัวๆ “ใช่ ฉันตามใจจนเขาเสียคน ดังนั้นเรื่องนี้ฉันจะเป็นคนจัดการเอง”
หลังจากที่เกลี้ยกล่อมฟางเถิงเสร็จ เธอก็หันมามองหน้าลูกชาย “ยู่เชิน ทุกสิ่งที่แม่กับพ่อทำ มันก็เพื่อตัวแกเองทั้งนั้น”
ฟางยู่เชินทำหน้าเคร่งขรึม ไม่พูดอะไร
ซ่างหยิงถอนหายใจออกมาเบาๆ “แม่รู้ว่าตอนนี้แกยังไม่เข้าใจความหวังดีที่แม่กับพ่อทำให้ แต่ถ้าแกได้เป็นพ่อคนเมื่อไหร่แกก็จะเข้าใจเอง”
“แม่ครับ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมผมถึงต้องขอโทษด้วยครับ?” ฟางยู่เชินถาม
เขาอยากรู้ถึงเหตุผลที่ทั้งคู่ให้เขาไปขอโทษจริงๆ
“แม่เองก็รู้ว่าแกไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ในสายตาของคนอื่นและตระกูลฟางนั้น แกผิดเต็มๆ เพราะแกได้ทำผิดต่อเสี่ยวอี้ไป”
พอซ่างหยิงนึกถึงคำต่อว่าในโลกออนไลน์พวกนั้น มันก็รู้สึกเหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่มาทับไว้ที่อก อึดอัดจนหายใจไม่ออก
“แล้ว? พ่อกับแม่ก็คิดแบบนั้นด้วยเหรอครับ?” ไม่ว่าคนอื่นจะด่าทอเขายังไง เขาก็ไม่สนใจ แต่สิ่งสำคัญคือมุมมองของพวกเขาต่างหาก
“แน่นอนว่าเราไม่ได้รู้สึกแบบนั้นอยู่แล้ว” ซ่างหยิงถอนหายใจ “แม่รู้ว่าแกชอบเวยเวย แต่แกเคยคิดบ้างมั้ยว่าบางทีความรักของแกอาจจะสร้างแรงกดดันให้เธอได้?”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว
“อย่างเช่นครั้งนี้ เพื่อแกแล้ว เธอต้องโดนคนอื่นหาว่าเป็นเมียน้อย ได้รับคำด่าทอทุกอย่าง แล้วแกไม่รู้สึกเป็นห่วงเธอบ้างรึไง?”
เป็นห่วง!
ก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว!
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เลิกงานไปอยู่กับเธอเร็วขนาดนั้นหรอก
ซ่างหยิงขำออกมาเบาๆ แล้วพูดต่อว่า “แต่ถ้าเธอไม่ได้มาคบกับแก เรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เธอก็ไม่ต้องได้รับบาดเจ็บและไม่ต้องถูกคนอื่นต่อว่าด้วย”
ถึงแม้จะไม่ชอบใจในวิธีการของพ่อแม่นัก แต่สิ่งที่แม่พูดมามันก็ถูก ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ชีวิตของเวยเวยก็น่าจะสงบสุขดี
พอเห็นว่าท่าทางของเขาเริ่มผ่อนคลายลง ซ่างหยิงก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป “แกกับเธออยู่คนละโลกกัน ถ้าแกรักเธอจริงๆ ก็ไม่ควรพาเธอเข้ามาอยู่โลกเดียวกับแก มันไม่ยุติธรรมกับเธอเลย”
ฟางยู่เชินที่ก่อนหน้านี้ยังแน่วแน่อยู่ ตอนนี้เริ่มไม่มั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองแล้ว……
นี่เขาทำผิดไปแล้วจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
ฟางยู่เชินเริ่มสงสัยในความรู้สึกของตัวเอง
ซ่างหยิงกับฟางเถิงหันมาสบตากัน ทั้งคู่รู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นมันได้ผล
“ยู่เชิน ก่อนที่จะทำอะไรก็ตาม ก็ต้องคิดในมุมของอีกฝ่ายด้วย ไม่อย่างนั้น แกอาจจะทำร้ายอีกฝ่ายเข้าโดยไม่รู้ตัวก็ได้” ฟางเถิงพูดออกมาด้วยความจริงใจ
ฟางยู่เชินยิ้มออกมา “พ่อครับ แม่ครับ ตอนนี้พ่อกับแม่คงกำลังรู้สึกได้ใจมากใช่มั้ย? ที่รู้จุดอ่อนของผมเข้าแล้ว”
ซึ่งจุดอ่อนของเขาก็คือเวยเวย
เหมือนที่เขาพูดกับเวยเวย เขาอยากปกป้องเธอ ไม่ให้เธอได้รับอันตรายแม้แต่นิดเดียว
แต่ถ้ายังอยู่กับเขาต่อไป เย่เสี่ยวอี้ก็ไม่มีทางหยุดหาเรื่องเธอแน่นอน
ครั้งนี้ได้รับแค่ภายนอก แต่ครั้งต่อไปล่ะ?
เขาไม่กล้าจินตนาการต่อ
มือที่อยู่ข้างตัวค่อยๆ กำแน่น ฟางยู่เชินหายใจเข้าลึกๆ “ผมรู้ว่าต้องทำยังไงแล้ว แต่ว่า ผมก็ยังไม่มีทางขอโทษอยู่ดีครับ”
“นี่แก!”
ฟางเถิงอย่าด่าเขาอีกครั้ง แต่ก็ถูกซ่างหยิงห้ามไว้ “พอแล้ว ลูกก็รู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อ เราเองก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก”
“ขอให้มันรู้จริงๆ เถอะ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ก็ยังไม่จบไม่สิ้น” ฟางเถิงพูดเตือน
ฟางยู่เชินยิ้มเยาะเย้ยออกมา “พ่อครับ พ่อสบายใจได้เลย พ่อต้องพอใจแน่นอนครับ”
พูดจบ เขาก็วิ่งขึ้นข้างบนไป ทิ้งฟางเถิงกับซ่างหยิงไว้สองคนเท่านั้น
“เหล่าฟาง คุณคิดว่ายู่เชินจะทำยังไงเหรอ?” ซ่างหยิงถาม
ฟางเถิงทำเสียงฮึดฮัด “คุณคิดว่าไงล่ะ?”
ซ่างหยิงส่ายหน้า “ฉันเองก็คิดไม่ออกจริงๆ”
“เขารักเวยเวยจริงๆ เขาต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแน่นอน”
ซ่างหยิงถอนหายใจออกมา “หวังว่าเขาจะไม่โทษเรานะ”
ถ้าไม่ต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม บางทีเธออาจจะเห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของลูกชายกับเหลียงซินเวยก็ได้
……
เมื่อวานก่อนที่ฟางยู่เชินจะกลับบ้าน เจียงสื้อสื้อก็ได้หลับไปนานแล้ว
เช้าวันต่อมา ตอนที่เธอลงมาแล้วเจอฟางยู่เชิน จึงรีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงว่า “พี่คะ เรื่องคลิปนี่มันยังไงกันแน่คะ?”
ตอนที่ได้เห็นคลิปเธอก็รู้สึกตกใจมาก
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเย่เสี่ยวอี้จะทำเรื่องที่น่ากลัวแบบนั้นได้ออก “เย่เสี่ยวอี้ไปหาเรื่องเวยเวยที่ร้านอาหาร และถูกลูกค้าถ่ายไว้พอดี” ฟางยู่เชินอธิบายง่ายๆ
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “คนคนนั้นก็เหลือเกินจริงๆ ทำไมถึงโพสต์ลงโซเชียลไปทั้งอย่างนั้นนะ แถมยังกลายเป็นกระแสดังอีก?”
เธอรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าแปลก
“สงสัยชาวเน็ตคงจะว่างกันมากแหละ” ฟางยู่เชินเบ้ปากไปทีหนึ่ง
“พี่เห็นคอมเมนต์รึยังคะ?” เจียงสื้อสื้อถาม
ฟางยู่เชินพยักหน้า “เห็นแล้ว”
“แล้วพี่รู้สึกยังไงบ้างคะ?”
ฟางยู่เชินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “จะให้รู้สึกอะไรล่ะ?”
“แล้วพี่จะปล่อยให้เวยเวยถูกด่าฟรีๆ แบบนั้นเหรอคะ? พี่ไม่คิดจะอธิบายอะไรหน่อยเหรอ?”
เหตุการณ์ครั้งนี้ เหลียงซินเวยไม่เพียงได้รับบาดเจ็บแค่ร่างกาย แต่สภาพจิตใจก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
เจียงสื้อสื้อไม่การจินตนาการเลยว่าตอนนี้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
ฟางยู่เชินเงียบไปพักหนึ่ง แล้วค่อยๆ พูดออกมาว่า “ฉันจะจัดการให้เรียบร้อยเอง ที่สำคัญ……”
ฟางยู่เชินหยุดไปครู่หนึ่ง “ฉันจะเลิกกับเธอ”
“เลิกเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อ ไม่เข้าใจการตัดสินใจของเขา “พี่บ้าไปแล้วรึไง? กว่าพวกพี่จะได้มาคบกันนั้นมันไม่ง่ายเลยนะคะ นี่เพิ่งผ่านไปไม่นาน พี่ก็จะเลิกแล้ว? แล้วเวยเวยจะยอมรับเหรอคะ?”
ฟางยู่เชินเชิดหน้าขึ้น หลับตาลง มุมปากยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ยอมรับไม่ได้ก็ต้องรับ กับคบกับฉัน เธอมีแต่จะได้รับบาดเจ็บมากยิ่งกว่าเดิม”
เขาแค่อยากให้เธอได้อยู่อย่างปลอดภัยเท่านั้น
พอเห็นเขาที่ท่าทางเจ็บปวด หัวใจของเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกก็รู้สึกอ่อนล้าขึ้นมา เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามไปว่า “พี่คะ พี่คิดว่าถ้าเลิกกันไปแล้วมันจะไม่เป็นการทำร้ายเวยเวยเหมือนกันเหรอคะ?”
เวยเวยชอบเขาขนาดนั้น กว่าจะได้คบกันนั้นมันไม่ง่ายเลย ถ้าต้องมาเลิกกันแบบนี้ ความจริงมันจะเป็นการทำร้ายเวยเวยหนักยิ่งกว่าเก่าอีก
“ฉันได้ตัดสินใจไปแล้ว” ฟางยู่เชินตอบ “เจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว”
เขาพูดมาแบบนั้นแล้ว เธอก็ไม่อยากพูดอะไรอีก
“หวังว่าพี่จะไม่เสียใจทีหลังแล้วกัน” เจียงสื้อสื้อบอก
เสียใจทีหลังอย่างนั้นเหรอ?
ฟางยู่เชินยิ้มเยาะเย้ยตัวเองไปทีหนึ่ง เขาจะไปเสียใจทีหลังได้ยังไงล่ะ?
มีใครรู้บ้างว่าการที่เขาตัดสินใจแบบนี้นั้นมันยากและเจ็บปวดแค่ไหน แต่ขอแค่ทำให้เวยเวยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติอีกครั้ง ต่อให้เขาต้องเจ็บปวดแค่ไหนมันก็คุ้ม
ดูออกว่าเขานั้นเจ็บปวดแค่ไหน เจียงสื้อสื้อก็ยังทนดูไม่ได้ จึงได้แนะนำไปคำหนึ่งว่า “พี่คะ เส้นทางของฉันกับเฟิงเฉินก็ไม่ได้ง่ายเลย แต่เราก็สามารถผ่านมันมาได้ ฉันคิดว่า พวกพี่จะน่าจะลองอดทนดูนะคะ”
ฟางยู่เชินไม่ได้พูดอะไร
“บางที ฉันพูดแค่บางทีนะคะ เพื่อให้ได้คบกับพี่ ต่อให้เป็นอุปสรรคที่หนักหนาเพียงใด เวยเวยก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันอยู่แล้ว แบบนั้นพี่ก็ยิ่งไม่ควรยอมแพ้เด็ดขาดเลยนะคะ”
สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ไม่อยากพูดอะไรอีก ได้แต่หวังว่าเขาจะไตร่ตรองให้ดี และไม่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเองต้องรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต