ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่176 จิ้นเฟิงเฉินเมา
บทที่176 จิ้นเฟิงเฉินเมา
จิ้นเฟิงเฉินและลู่เจิงมาถึงบาร์ในเวลาไล่ ๆ กัน ทั้งสองคนเดินเข้าไปนั่งที่หน้าบาร์เหล้า สั่งเหล้าและเริ่มพูดคุย
“คิดว่า ประธานจิ้น คงจะชอบสื้อสื้อเหมือนกับผม ใช่ไหมครับ?”
ลู่เจิงเองก็ไม่ใช่คนโง่ จิ้นเฟิงเฉินปรากฏตัวอยู่ข้างกายเจียงสื้อสื้อครั้งแล้วครั้งเล่าหากไม่ชอบแล้วจะเป็นอะไรได้ แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เกินความของลู่เจิงคือในตอนแรกแค่คิดว่าเจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินคือคนรู้จัก แต่ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะชอบเธอด้วย
“ใช่” จิ้นเฟิงเฉินไม่มีข้อแก้ต่าง
“แล้วคุณกับคุณซูล่ะ?” ลู่เจิงมองตาจิ้นเฟิงเฉิน
“นั่นมันข่าวลือมั่ว ๆ ฉันกับเธอไม่มีความเกี่ยวข้องกัน”
เมื่อได้ยินคำตอบลู่เจิงไม่แปลกใจ พนักงานเสิร์ฟน้ำเหล้ามาแล้วล้วนเป็นเหล้าแรง ทั้งสองดื่มเหล้าและลู่เจิงก็พูดต่อ: “ผมรู้จักกับเจียงสื้อสื้อมานานหลายปีแล้ว ในตอนนั้นเธอคบกับหลานซือเฉิน ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตัดใจ แต่ตอนนี้ผมไม่ยอมแล้ว”
ถึงอีกฝ่ายจะเป็นจิ้นเฟิงเฉินก็ตาม ถึงเจียงสื้อสื้อจะปฏิเสธไม่รักเขาเมื่อหลายวันก่อนก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไร ลู่เจิงไม่มีทางยอมแพ้ เขาทำพลาดเรื่องเจียงสื้อสื้อมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เขาจะไม่พลาดอีก
ลู่เจิงคิดในใจ ตระกูลจิ้นเป็นตระกูลใหญ่และมีความซับซ้อน หากเจียงสื้อสื้อคบกับจิ้นเฟิงเฉินจะต้องถูกลากเข้าไปอยู่ในการแก่งแย่งชิงดีมากมาย ในทางกลับกันบริษัทLGเป็นอะไรที่ลู่เจิงสร้างขึ้นมาจากสองมือ เจียงสื้อสื้อคบกับตนจะไม่มีเรื่องให้ต้องปวดหัว
จิ้นเฟิงเฉินดื่มเหล้าที่อยู่ตรงหน้าหมดแล้ว หัวเราะและพูดขึ้น: “งั้นคุณก็ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก”
ไม่ว่าภายในตระกูลจิ้นจะซับซ้อนแค่ไหน จิ้นเฟิงเฉินจะปกป้องเจียงสื้อสื้อให้ดีไม่ให้เธอต้องเจ็บแม้แต่น้อย
“คุณไม่ต้องปล่อยเธอไป ผมเองก็จะไม่ปล่อย” จิ้นเฟิงเฉินพูดขึ้นอีกครั้ง
เป็นเวลาหลายปีกว่าเขาจะได้เจอผู้หญิงที่ทำให้เขาใจเต้นได้ จิ้นเฟิงเฉินจะยอมปล่อยมือเพียงเพราะลู่เจิงเพียงคนเดียวได้อย่างไร เขาไม่เพียงแต่จะไม่ยอมแพ้แต่จะพยายามเต็มที่เพื่อให้ได้มา
“ได้ยินอย่างนั้น ลู่เจิงอดไม่ได้ที่จะมองจิ้นเฟิงเฉิน และจิ้นเฟิงเฉินก็มองกลับ ทั้งสองคนปล่อยรังสีที่รุนแรง บริกรที่อยู่ไม่ไกลแม้จะได้ยินไม่ชัดว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่รู้สึกได้ถึงการปะทะของลูกปืนที่ไร้เสียงนี้ และกลิ่นดินปืนที่คละคลุ้งรอบตัว
ทั้งสองคนถึงแม้จะไม่ได้ตีกัน แต่ว่าแก้วเหล้าบนโต๊ะนั้นก็ว่างเปล่า เหมือนเป็นการเผชิญหน้ากันอย่างนั้นแหละ
เพราะต่างชอบเจียงสื้อสื้อและไม่มีใครยอมใคร เหล้ายิ่งดื่มยิ่งเยอะ ขวดเหล้าว่างเปล่าบนโต๊ะยิ่งเพิ่มจำนวนไปทุกที แต่ทั้งสองยังคงครองสติได้ดี
เพียงได้ยินเสียงของลู่เจิงดังมา “ผมจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดกับสื้อสื้อ”
“ผู้หญิงของฉัน เธออยากได้อะไรฉันให้เองได้ ไม่ต้องให้ผู้ชายคนอื่นจัดหาให้” จิ้นเฟิงเฉินขึงขังขึ้น
ลู่เจิงชอบเจียงสื้อสื้อ แต่จิ้นเฟิงเฉินเองก็เช่นกัน เขายิ่งชอบเจียงสื้อสื้อ เขายอมแม้ทิ้งทุกอย่างแล้วเริ่มต้นใหม่กันสองคน ขึ้นอยู่กับว่าเจียงสื้อสื้อจะเลือกอะไร
และไม่รู้ว่าดื่มกันจนถึงกี่โมง สุดท้ายทั้งคู่ก็เมา บนโต๊ะมีแต่แก้วที่ว่างเปล่าเต็มไปหมด พนักงานบาร์โทรหาจิ้นเฟิงเหราเพื่อให้มารับคนกลับไป
เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์กลางดึก จิ้นเฟิงเหราที่ต้องตื่นกลางดึกถึงกับสบถ
“รู้ไหมตอนนี้มันกี่โมงแล้ว? ปล่อยให้คนได้นอนไม่ได้รึไง? มีเรื่องอะไรคุยพรุ่งนี้ไม่ได้รึไง?”
พนักงานบาร์อึ้งไปแล้วพูดเสียงอ่อย: “ขอโทษครับ คุณชายรอง ประธานจิ้นดื่มจนเมาแล้ว คุณมารับเขาได้ไหมครับ?”
พระเจ้าเท่านั้นที่รู้อารมณ์ของพนักงานคนนี้ เขาไม่มีทางปล่อยประธานจิ้นให้นอนตรงบาร์หรอก? ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ต้องคิดว่าจะดำเนินกิจการอย่างไรในวันข้างหน้า เมื่อเผชิญหน้าความโกรธของจิ้นเฟิงเหรา เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี!
จิ้นเฟิงเหราได้ยินแล้วอึ้งไป พี่ชายเขาดื่มจนเมา เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
เมื่อคิด จิ้นเฟิงเหราไม่พูดอะไรอีกเขารีบลุกและสวมเสื้อนอกและไปที่บาร์
ตลอดทางจิ้นเฟิงเหราครุ่นคิดว่าทำไมพี่ชายของเขาจึงดื่มจนเมา? หรือว่าทะเลาะกับพี่สะใภ้? หลายวันก่อนยังกลับจากต่างประเทศด้วยกันดี ๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ? มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เมื่อไปถึงบาร์ เขาเห็นจิ้นเฟิงเฉินที่เมานอนล้มตัวอยู่บนโซฟาแล้ว จิ้นเฟิงเหรารู้สึกตกตะลึง แล้วหันไปมองลู่เจิงที่อยู่อีกด้าน ทันใดนั้นจิ้นเฟิงเหราก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายของเขาจึงดื่มจนเมา
ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นพี่ชายตัวเองเมา แต่ครั้งนี้เพื่อความรักถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจมาก
คิดแล้วจิ้นเฟิงเหราคิดยกย่องลู่เจิงคนนี้อยู่ไม่น้อยที่กล้าต่อกรกับพี่ชายของเขา ถือว่าเจ๋งมาก แต่เขาคิดว่าลู่เจิงคนนี้คงจบเห่แล้วที่ชอบใครไม่ชอบแต่มาชอบพี่สะใภ้ของเขา หึ!
จิ้นเฟิงเหราถอนหายใจแล้วสั่งให้บริกรส่งลู่เจิงไปที่โรงแรม จากนั้นเขาก็พาจิ้นเฟิงเฉินกลับบ้าน
… …
ทางนี้ เจียงสื้อสื้อนอนไม่หลับทั้งคืน เมื่อถึงกลับบ้านแล้วก็ไม่สามารถวางใจคนทั้งสองได้ ดังนั้นจึงได้โทรไปหาจิ้นเฟิงเฉิน แต่ก็ไม่มีใครรับสาย โทรหาลู่เจิงก็เป็นเช่นเดียวกัน
เจียงสื้อสื้อจึงได้แต่ปลอบใจตัวเอง คงจะไม่มีเรื่องอะไรและทั้งสองคนก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางตีกันหรอก
แต่เช้าตรู่ เจียงสื้อสื้อตื่นมาพร้อมกับรอยคล้ำรอบดวงตา
เธอหยิบโทรศัพท์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโทรไปหาจิ้นเฟิงเฉิน เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานกว่าจะมีคนรับสาย เสียงที่แหบพร่าของจิ้นเฟิงเฉินดังขึ้น
“ฮัลโหล…”
เจียงสื้อสื้อนิ่งไปดูท่าแล้วจิ้นเฟิงเฉินคงจะเพิ่งตื่น ถ้าเป็นปกติเวลานี้เขาน่าจะอยู่ที่บริษัทแล้วใช่ไหม?
“จิ้นเฟิงเฉิน เมื่อคืนคุณกับรุ่นพี่…คุณไม่เป็นไรนะคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินตื่นเพราะโทรศัพท์จากเจียงสื้อสื้อ เขาย่นคิ้ว ปวดหัวชะมัด แต่เมื่อได้ยินเสียงที่เป็นกังวลของเจียงสื้อสื้อแล้วกลับอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
“คุณเป็นห่วงผมหรือเป็นห่วงลู่เจิง?”
“คุณพูดอะไรเนี่ย! เห็นพวกคุณเป็นอย่างเมื่อคืน ฉันกลัวพวกคุณจะตีกัน ฉันไม่อยากให้พวกคุณทะเลาะกันเพราะฉัน”
เจียงสื้อสื้อกระตุกมุมปากอย่างช่วยไม่ได้ จนป่านนี้แล้วหมอนี่ยังจะหึงอีก!
จิ้นเฟิงเฉินหยุดยิ้มแล้วเม้มปาก: “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แค่ดื่มเหล้าและคุยกันนิดหน่อย คุณวางใจเถอะ!”
เมื่อได้ยิน เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจ: “งั้นก็ดี”
คนหนึ่งเป็นรุ่นพี่ตัวเองที่รู้จักมานานหลายปี อีกคน…ก็เป็นคนที่เธอชอบ ไม่ว่ายังไงเจียงสื้อสื้อก็ไม่อยากให้พวกเราทะเลาะกันเพราะตัวเอง
จิ้นเฟิงเฉินที่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เปลี่ยนเรื่อง เพียงได้ยินเขาพูด “แต่ว่า คุณไปกินข้าวกับผู้ชายคนอื่นลับหลังผม เรื่องนี้จะต้องคิดบัญชี วันนี้ผมจะไปรับ คุณห้ามหนี”
เจียงสื้อสื้อนิ่งไป เธอจะคิดถึงได้อย่างไรว่าเมื่อคืนจิ้นเฟิงเฉินจะมารอเธอและเจอเขาเข้าหลังจากกลับมาจากทานข้าวกับรุ่นพี่ เมื่อคืนนี้ไม่รู้ว่าดื่มไปแค่ไหน ตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินถึงเพิ่งตื่น เจียงสื้อสื้อคาดว่าคงจะเมาแน่ ยังกับเด็ก ๆ
“ได้ค่ะ รับทราบ”
เจียงสื้อสื้อรับปาก เธอรู้ว่าต่อให้ตัวเองปฏิเสธ ตอนเย็นจิ้นเฟิงเฉินก็มาหาเธออยู่ดี