ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่178 พี่สะใภ้ได้รับบาดเจ็บ
บทที่178 พี่สะใภ้ได้รับบาดเจ็บ
เพื่อนร่วมงานหลายคนที่สนิทกับเจียงสื้อสื้อ เมื่อได้ยิน หันจิ้ง บอกว่าเจียงสื้อสื้อหาเรื่องก่อนจึงมีคนที่ทนไม่ได้และพูดขึ้นบ้าง:
“สื้อสื้อนิสัยดีมาตลอด เธอจะหาเรื่องเธอก่อนโดยไม่มีเหตุผลได้ยังไง”
“ใช่ ๆ ๆ! หันจิ้ง เธอต่างหากที่หาเรื่องคนอื่นน่ะ?”
ถึงแม้ว่าเจียงสื้อสื้อจะเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน แต่เมื่อได้รู้จักแล้วทุกคนต่างรู้สึกว่าเธอเป็นคนดี ตรงกันข้าม หันจิ้ง เป็นพวกหยิ่งยโส ทำอะไรไม่คิดถึงคนอื่น ทุกคนจึงเข้าข้างเจียงสื้อสื้อ
เมื่อได้ยินแบบนี้ หันจิ้ง จึงโกรธจนกัดฟันแน่น และมองซูซานด้วยความน้อยใจ
“ผู้จัดการซู เจียงสื้อสื้อเป็นคนหาเรื่องจริง ๆ”
สีหน้าของซูซานตึงเครียดลงแล้วสั่งผู้ช่วยของเธอ: “เปิดกล้องวงจรปิดดู”
ที่หน้าห้องแพนทรีนั้นมีกล้องวงจรปิด หันจิ้ง ลืมเรื่องนี้ไป เมื่อได้ยินซูซานพูดอย่างนี้สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนและคิดจะห้ามแต่ก็จนใจ
บันทึกจากกล้องวงจรปิดเล่นภาพตั้งแต่ทั้งสองคนออกมาจากแพนทรี หันจิ้ง จงใจไปชนเจียงสื้อสื้อ อีกทั้งยังทำกาแฟหกใส่
เจียงสื้อสื้อ เจียงสื้อสื้อไม่สนใจและตั้งใจจะหลบออกไปหลายครั้งแต่ก็ถูก หันจิ้ง กันเอาไว้
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน แต่มันก็ชัดเจนว่าเจียงสื้อสื้อไม่สนใจ หันจิ้ง แต่ หันจิ้ง กลับพูดอะไรบางอย่างอยู่ตลอด
จากกล้องวงจรปิดจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า หันจิ้ง เป็นคนจงใจหาเรื่อง
“เธอเป็นคนพูดใช่ไหมว่าเจียงสื้อสื้อเป็นคนหาเรื่อง?”
ดวงตาของหันจิ้ง เป็นประกายด้วยความรู้สึกผิดและเธอพูดอย่างเงียบ ๆ: “ผู้จัดการซู ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ…”
“หันจิ้ง ฉันให้เธอกลับไปคิดเรื่องความสามารถของตัวเองดี ๆ นี่คือสิ่งที่เธอคิดได้เหรอ? หาเรื่องเพื่อนร่วมงานในบริษัท? แล้วยังทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บอีก?”
“ผู้จัดการซู เธอเป็นคนตบฉันก่อนนะคะ ถ้าหากเธอไม่ตบฉัน ฉันก็ไม่มีทาง…”
หันจิ้ง ยังคงคิดเธอไม่ได้ทำอะไรผิด เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งใช้ตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้งานมา แล้วมีสิทธิ์อะไรมาถือตัวต่อหน้าเธอ อีกทั้งยังตบเธอถึงสองครั้ง
“ถ้าเธอไม่ไปหาเรื่องคนอื่น เธอจะตบเธอเหรอ?”
ซูซานโมโห หันจิ้ง จนแทบระเบิด แต่เธอคนนี้เป็นผู้หญิงของเจ้านาย หากว่าเธอได้รับบาดเจ็บแล้วประธานจิ้นรู้เรื่องเข้า…
“ผู้จัดการซูคะ ฉันก็แค่พูดกับเธอไม่กี่คำ ว่าเจียงสื้อสื้อเธอใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้งานมา ถ้าไม่ใช่เพราะฉันพูดถูก เธอก็คงไม่มีทางโกรธฉันหรอกค่ะ ผู้จัดการซู ผู้หญิงไร้ยางอายแบบนี้ต้องไล่ออกนะคะ!” หันจิ้ง พยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องตัวเอง
ซูซานโกรธจนเกือบอยากจะลงมือกับหันจิ้ง “ฉันว่าคนที่ต้องโดนไล่ออกคงเป็นเธอล่ะมั้ง?”
เมื่อได้ยินเสียงที่เย็นชา หันจิ้ง ก็ตระหนก เธอรู้ดีว่าบริษัทให้ความสำคัญกับระเบียบวินัยเสมอ แต่ตัวเองแค่ผลักเจียงสื้อสื้อและเธอก็เป็นแผลเล็กน้อยเท่านั้น ไม่น่าจะต้องถึงกับไล่ออกหรอกมั้ง?
หันจิ้ง อยู่กับซูซานมานาน พูดได้ว่าเงินเดือนเธอในตอนนี้สูงกว่าของคนอื่นมากแล้ว หากว่าโดนไล่ออก เธอจะไปหางานแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก?
“ผู้จัดการซูคะฉันสำนึกผิดแล้วค่ะ ใช่ค่ะ ฉันไม่ควรไปผลักเจียงสื้อสื้อ”
หันจิ้ง เองก็ไม่โง่เธอจึงรีบขอโทษ แน่นอนเธอไม่ได้คิดว่าเรื่องจะบานปลายถึงขนาดนี้ แต่ก็ต้องเข้าใจก่อนว่าบริษัทนี้เป็นของจิ้นเฟิงเฉิน และจิ้นเฟิงเฉินก็ชอบเจียงสื้อสื้ออยู่ แล้วใครจะยอมให้คนที่ทำให้เธอเจ็บตัวยังอยู่ในบริษัทล่ะ
ซูซานถอนหายใจ เธอตำหนิหันจิ้ง แล้วจึงได้โทรหาจิ้นเฟิงเหรารายงานเรื่องที่เกิดขึ้น
เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดจิ้นเฟิงเหราที่กำลังทานอาหาร เขายืนขึ้นแล้วพูด: “อะไรนะ? เกิดอะไรขึ้น? ดี ๆ อยู่แล้วบาดเจ็บได้ยังไง?”
“ที่บริษัทมีพนักงานบางคนมีข้อโต้แย้งกับเธอ จากนั้นสื้อสื้อก็ตบเธอ เธอเลยผลักสื้อสื้อ สื้อสื้อล้มหน้าผากเธอกระแทกกับโต๊ะแตก ตอนนี้ให้เพื่อนพาไปโรงพยาบาลแล้วค่ะ” ซูซานอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
จิ้นเฟิงเหราตกตะลึงเมื่อได้ยิน เขารีบออกจากห้องอาหาร เขาพูดและเดินไปด้วย: “ได้รับบาดเจ็บมากไหม? แล้วพนักงานคนนั้นล่ะ? ไล่ออก ไล่ออกทันที”
คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลงมือกับผู้หญิงของพี่ชายเขา ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปรึเปล่า
“ได้ค่ะ ฉันทราบแล้วคุณชายรอง”
ซูซานรู้อยู่แล้วว่าจิ้นเฟิงเหราจะต้องไล่ หันจิ้ง ออกแน่ ในเมื่อนี่คือผู้หญิงของท่านประธาน ถึงเธออยากจะปกป้องก็คงทำไม่ได้แล้ว ต้องโทษ หันจิ้ง ที่หาเรื่องใครไม่หาเอาแต่หาเรื่องเจียงสื้อสื้อ
… …
เมื่อเกิดเรื่องใหญ่กับเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเหราจึงรีบวิ่งไปบอกจิ้นเฟิงเฉินที่ห้องทำงาน
ตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินเพิ่งจะคุยธุระกับซูชิงหยิงเสร็จ ซูชิงหยิงเพิ่งจะชวนจิ้นเฟิงเฉินไปทานอาหารด้วยกัน
“ตอนอยู่ต่างประเทศเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันเลยนะ? คุณทิ้งฉันให้กลับมาคนเดียว ครั้งนี้เลี้ยงข้าวันไถ่โทษได้ไหมคะ?” ซูชิงหยิงที่พูดขึ้นแบบเหมือนจะพูดเล่น
ได้ยินดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินนิ่งไปสุดท้ายก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อเห็นผู้ชายตรงหน้าหยิบเสื้อนอกขึ้นมา ซูชิงหยิงก็มีสีหน้ายินดีแต่ก็ดีใจอยู่ได้ไม่ถึงสองวินาที…
จิ้นเฟิงเหรารีบเข้ามา เขาไม่ได้สังเกตเห็นซูชิงหยิง เขาพูดกับจิ้นเฟิงเฉิน “พี่ ๆ พี่สะใภ้ได้รับบาดเจ็บ ครั้งนี้เข้าโรงพยาบาลเลย!”
ได้ยินคำว่าพี่สะใภ้ แววตาซูชิงหยิงก็เปลี่ยนไปในใจเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนทันที “เกิดอะไรขึ้น?”
“ซูซานบอกว่ามีเรื่องกับเพื่อนพนักงาน จากนั้นไม่ระวังหัวไปชนกับโต๊ะ ตอนนี้ส่งไปโรงพยาบาลแล้ว”
ซูชิงหยิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอกำมือแน่น เป็นอย่างที่คิดไว้จิ้นเฟิงเฉินหันกลับมาพูดกับตัวเธอ: “ขอโทษนะ กินข้าวเอาไว้วันหลังแล้วกันนะ!”
พูดจบ เขาก็รีบก้าวเท้าออกไปจากห้องทำงาน
“เฟิงเฉิน…” ซูชิงหยิงตะโกนตามหลังแต่จิ้นเฟิงเฉินกลับทำเหมือนไม่ได้ยิน
จิ้นเฟิงเหราหยุดนิ่งไปแล้วทักซูชิงหยิงแล้วออกจากห้องทำงานไป
ซูชิงหยิงลุกขึ้นกระทืบเท้าอยู่ตรงนั้น เป็นนางสารเลวเจียงสื้อสื้ออีกแล้ว ไม่ง่ายที่จิ้นเฟิงเฉินจะรับปากไปกินข้าวกับตัวเอง แต่เจียง สื้อสื้อกลับทำตัวแย่ ๆ ในวันนี้
เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเฉินที่รีบร้อนออกไปอีกครั้ง ซูชิงหยิงอยากให้เจียงสื้อสื้อตายอยู่ที่โรงพยาบาลจริง ๆ
ผู้หญิงสกปรกแบบนี้มีอะไรให้จิ้นเฟิงเฉินสนใจ เมื่อซูชิงหยิงใจเย็นลงแล้วก็บอกตัวเองให้อดทน ไม่ช้าเจียงสื้อสื้อจะต้องไปจากจิ้นเฟิงเฉิน
… …
ทางด้านนี้ แพทย์ได้ทำแผลให้เจียงสื้อสื้อ สวีหน้า ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ได้บ่นขึ้น: “หันจิ้ง ทำเกินไปแล้ว! พี่สื้อสื้อ เธอพูดอะไรก็พูดอะไรก็พูดไป คิดไม่ถึงวันนี้เธอทำพี่เจ็บตัว โชคดีที่พี่ไม่เป็นอะไรมาก!”
หน้าผากจะคงเจ็บอยู่นิด ๆ เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วรู้สึกว่าตัวเองฉันโชคร้าย ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อย ๆ! เฮ้อ…
แพทย์ออกปากกำชับ: “แผลไม่เป็นอะไรมากนะ กินยาตามเวลา ไม่กี่วันก็หาย จำไว้ว่าอย่าทานอาหารรสจัด”
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะหมอ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้าจากนั้นแพทย์ก็ออกไป