ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่192 จะขาดคุณไปได้อย่างไร
บทที่192 จะขาดคุณไปได้อย่างไร
บนใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉินปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยปากขึ้น “เป็นไปได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าคุณคอแข็งหรอกหรือ ดื่มต่อเถอะ! ถ้ายังไม่ถึงขนาดอาเจียนออกมาก็ถือว่าคุณไม่ให้หน้าผม”
ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะมีรอยยิ้มอยู่ แต่ใครๆก็ฟังออกว่าคำพูดของจิ้นเฟิงเฉินนี้มีเลศนัย คนรอบข้างล้วนมองไปที่ประธานหลิวอย่างสงสาร แต่กลับไม่มีใครกล้าออกหน้าช่วย”
ประธานหลิวรู้สึกขมขื่นอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าคำพูดนี้คุ้นหู ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาเพิ่งจะพูดแบบนี้กับเจียงสื้อสื้อไป หรือว่าเป็นเพราะเธอที่ทำให้จิ้นเฟิงเฉินวางแผนอยากเมาเหล้าเขา?
คิดถึงตรงนี้ ประธานหลิวก็รู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมา ตนอยู่ของตนดีๆแต่กลับไปรังแกเจียงสื้อสื้อทำไม
ในห้องน้ำ ที่เจียงสื้อสื้อแอบหนีออกมาไม่ใช่เพียงเพราะประธานหลิว แต่ยังเป็นเพราะจิ้นเฟิงเฉินด้วย
ทุกครั้งที่เห็นเขาคนนั้น ในใจของเจียงสื้อสื้อก็จะเกิดความวุ่นวายขึ้นมา เธอพยายามปลอบโยนตนเอง เจียงสื้อสื้อ เธอมาทำงานต่างหาก เลิกคิดมากได้แล้ว
จัดการกับอารมณ์ของตนเองเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็กลับมายังห้องอาหารอีก
หลังจากเดินกลับเข้ามาแล้วเห็นว่าทุกคนกำลังผลัดกันชนแก้วกับประธานหลิวอยู่ เธอก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
สวีหน้ารีบเข้าไปดึงตัวเธอมายืนข้างๆ ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆให้เธอฟัง
“พี่สื้อสื้อ ประธานจิ้นทำแบบนี้เพื่อพี่แน่เลย ประธานหลิวนี่ก็น่าสงสารจริงๆ ชอบใครไม่ชอบดันมาชอบพี่ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาดื่มเข้าไปกี่แก้วแล้ว ตอนนี้ก็ยังดื่มไม่หยุด ฉันรู้สึกไม่ดีแทนจริงๆ”
ฟังสวีหน้าพูดจบ นัยน์ตาของเจียงสื้อสื้อก็เกิดความประหลาดใจขึ้นมา เธอมองไปยังจิ้นเฟิงเฉินโดยไม่รู้ตัว
จิ้นเฟิงเฉินรับรู้ได้ว่า เจียงสื้อสื้อกลับมาแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้มองเธอ แต่ซูชิงหยิงที่อยู่อีกทางนั้นมีสีหน้าที่ย่ำแย่มาก
เพื่อช่วยเอาคืนให้กับเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินกลับทำเรื่องแบบนี้ได้ ซูชิงหยิงกำมือแน่นขึ้นไปอีก ในใจริษยาจนแทบคลั่ง
ตอนสุดท้าย ประธานหลิวดื่มจนไร้สภาพ ก่อนจะถูกพาออกไป สภาพแบบนี้ของเขาเกรงว่าพรุ่งนี้จะลุกไปทำงานคงจะลุกไม่ขึ้น ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องนึกถึงเรื่องที่จะได้ร่วมงานกับเจียงสื้อสื้อเลย
ธุรกิจนี้ก็ถูกพับเก็บไปเรียบร้อย เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเหลือบมองไปที่จิ้นเฟิงเฉิน ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับสวีหน้า
หลังจากเจียงสื้อสื้อจากไป จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่อยากจะอยู่ในห้องอาหารต่อไปแล้ว ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับซูชิงหยิง ซูชิงหยิงเอ่ยปากขึ้น “เฟิงเฉิน ไม่คุยงานธุรกิจแล้วหรือ?”
ในใจของซูชิงหยิงรู้ดีว่าทำไมจิ้นเฟิงเฉินถึงเดินออกมา ก็เป็นเพราะเจียงสื้อสื้ออีกนั่นแหละ นี่เป็นอีกรอบที่เขายอมทิ้งงานไป
“ไม่คุยแล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ!” จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยปาก
นานๆทีจะได้ออกมาพร้อมกับจิ้นเฟิงเฉิน ซูชิงหยิงไม่ยอมที่จะจากไปแบบง่ายๆเช่นนี้ เธอดึงมือของจิ้นเฟิงเฉินไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณแคร์เจียงสื้อสื้อขนาดนั้นเลยเหรอ? เฟิงเฉิน เธอไม่แม้แต่จะสนใจคุณด้วยซ้ำ ผู้หญิงแบบนั้นไม่คู่ควรกับความใส่ใจของคุณ”
ซูชิงหยิงไม่รู้ว่าผู้หญิงอย่างเจียงสื้อสื้อนั้นมีดีอะไร เธอไปนัดดูตัวกับผู้ชายคนอื่นแล้ว จิ้นเฟิงเฉินกลับยังปกป้องเธออยู่
สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินเข้มขึ้น เขามองไปยังซูชิงหยิง ก่อนจะเม้มปากหนัก “เรื่องของผมคุณอย่ายุ่งให้มาก”
พูดจบ เขาก็สะบัดมือของซูชิงหยิงออกและเดินจากไป
ซูชิงหยิงยืนอยู่ที่เดิม ในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ทำไมกัน? ทำไมจิ้นเฟิงเฉินไม่เห็นถึงความดีของตนแม้แต่น้อย
แม้แต่ส่งเธอกลับบ้านก็ทำไม่ได้? เขารีบร้อนเดินจากไปแบบนี้ หรือว่าจะไปหาเจียงสื้อสื้ออีก? ในใจของซูชิงหยิงเกิดความริษยาเพิ่มมากขึ้น
เธอคิดว่าเธอต้องบอกเรื่องนั้นกับจิ้นเฟิงเฉิน เธอต้องให้เขารู้ว่าแท้จริงแล้วเจียงสื้อสื้อเป็นคนเช่นไร เธอต้องการให้เขาตายใจ
ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
……
เดินออกมาจากห้องอาหารแล้ว เจียงสื้อสื้อและสวีหน้าก็กลับบ้านด้วยกัน
ระหว่างทางสวีหน้าเอ่ยขึ้น “พี่สื้อสื้อ เห็นได้ชัดว่าประธานจิ้นแคร์พี่มาก ระหว่างพี่และเขามีเรื่องไม่เข้าใจกันอะไรทำไมถึงไม่แก้ไขแล้วก็คบกันไปเลย!”
ไม่ว่าอย่างไร ถ้าทั้งสองคนนี้ไม่ได้คู่กัน สวีหน้าคงจะรู้สึกเสียดายมาก
เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมา “พอเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องพวกนี้เลย รีบกลับไปเถอะ!”
“ได้เลย พี่สื้อสื้อ พี่ก็รีบกลับไปพักผ่อนดีๆล่ะ ราตรีสวัสดิ์”
“ราตรีสวัสดิ์”
ทั้งสองแยกย้ายจากกันตรงทางแยก เจียงสื้อสื้อก็ค่อยๆกลับถึงบ้านตนเอง เพิ่งจะเปิดประตูเข้าบ้าน เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกปวดกระเพาะขึ้นมา คงจะเป็นฤทธิ์ของเหล้าที่ดื่มเข้าไปเมื่อครู่ ก่อนที่เธอจะรีบทานยาเข้าไป
แต่ว่าอยู่ต่อหน้าจิ้นเฟิงเฉินแล้ว ประธานหลิวคนนั้นก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป เธอก็ทำได้แค่รับแก้วเหล้ามาดื่มจนหมด ตอนอยู่ในห้องน้ำเธอก็กังวลว่าจะคุยงานกับประธานหลิวอย่างไร ไม่คิดว่าจิ้นเฟิงเฉินจะออกหน้ามาปกป้องตน
หลังจากทานยาเสร็จ เธอก็นอนพักอยู่บนโซฟา แต่เจียงสื้อสื้อกลับไม่รู้สึกอยากนอนเลย ในสมองเธอกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดที่สวีหน้าพูดออกมาเมื่อครู่อยู่
เธอนึกว่า เมื่อวานที่จิ้นเฟิงเฉินจากไปด้วยความผิดหวังแบบนั้นแล้ว เขาคงจะไม่มายุ่งกับตนอีก แต่กลับตรงกันข้าม
เจียงสื้อสื้อหวังว่าเขาจะไม่มายุ่งกับตนอีก แต่ตอนนี้ เขาดีกับเธอขนาดนี้ ความรู้สึกผิดเริ่มผุดขึ้นมาในใจของเธออีกแล้ว
ไม่รู้ว่าตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินเป็นอย่างไรบ้าง กลับไปหรือยัง
ยิ่งคิดยิ่งนอนไม่หลับ ก่อนจะยกมือถือขึ้นมาเปิดวีแชทขึ้น ก่อนจะเห็นว่า จิ้นเฟิงเหราโพสต์รูปของเสี่ยวเป่า
รูปภาพของเสี่ยวเป่าน่ารักมาก ดูแล้วน่ารักน่าหยิก ก่อนที่จะเห็นว่าจิ้นเฟิงเหราเขียนแคปชั่นประกอบว่า
“เด็กน้อยที่น่าสงสารของบ้านนี้ ถูกคนทอดทิ้งแล้ว”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าคำพูดนี้มีนัยยะบางอย่าง ในใจรู้สึกไม่ค่อยดี ก็ยิ่งข่มตาหลับไม่ลงเข้าไปอีก เธอวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะยกผ้าห่มมาคลุมหัว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ โทรศัพท์ของเจียงสื้อสื้อก็ดังขึ้นมา คุณท่านตระกูลฉินโทรมาหาเธอ
“คุณปู่ฉินคะ ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่เข้านอนอีก?”
“ฮ่าๆ กำลังจะเข้านอนแล้ว แต่ว่าคิดถึงหลานขึ้นมาพอดีน่ะ”
“คุณปู่ ขอโทษทีค่ะ ช่วงนี้ที่บริษัทมีงานยุ่งๆ หนูทำงานจนถึงดึกทุกวันเลย ไม่มีเวลาไปชงชากับท่านเลยค่ะ”
ในใจของเจียงสื้อสื้อรู้สึกผิดขึ้นมา ตอนแรกตกลงกับคุณท่านตระกูลฉินไว้ว่าหลังเลิกงานจะไปหา แต่ตอนนี้…… คุณท่านตระกูลฉินหัวเราะออกมา “ไม่เป็นไร ปู่ไม่ถือสา ที่โทรมาหาหลานเพราะอยากบอกว่า วันมะรืนเป็นวันคล้ายวันเกิดของปู่ ต่อให้หลานยุ่งขนาดไหนงานวันเกิดของปู่ก็ขาดหลานไปไม่ได้!”
“ได้ค่ะ คุณปู่ฉิน ท่านวางใจเถอะ! วันนั้นหนูจะไปร่วมงานแน่นอน”
ต่อให้จะยุ่งขนาดไหน แต่ว่ารับปากไว้แล้ว เจียงสื้อสื้อจะไม่ไปไม่ได้!
ทั้งสองพูดคุยกันอีกสักพักก่อนจะวางสายไป
หลังจากวางสายไป เจียงสื้อสื้อก็ปรับอารมณ์ของตนใหม่ บอกกับตัวเองว่าไม่ต้องไปคิดเรื่องนั้นแล้ว ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติก็พอ