ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่940 มันเป็นอุบัติเหตุ?
เรื่องนี้ได้บทสรุปไปแล้ว ฟางรุ่ยยังไม่ยอม
“ยู่เชินยังเด็กเกินไป ยังไม่มีความสามารถที่จะบริหารบริษัทให้ดีได้”
“ถ้าเกิดว่าผมไม่มีความสามารถ แล้วจะสามารถร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปได้ยังไงกัน? ” ฟางยู่เชินหันหน้าไปมองจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกว่าตัวเองก็ควรแสดงท่าทีเหมือนกัน ก็เลยยืนขึ้น ริมฝีปากบางเปิดออกเบา ๆ และเสียงต่ำและเย็นก็ดังขึ้น “ผมเชื่อในอนาคตภายใต้การบริหารของยู่เชิน จิ้นกรุ๊ปกับฟางซื่อกรุ๊ปจะต้องร่วมมือกันแล้วได้ผลประโยชน์ยิ่งใหญ่แน่นอน”
ความหมายก็คือ เขาเชื่อว่าฟางยู่เชินมีความสามารถที่จะบริหารฟางซื่อกรุ๊ปได้ดี
“ใครไม่รู้บ้างว่าการที่เขาได้การร่วมมือนี้มา เพราะอาศัยเจียงสื้อสื้อ” ฟางเย้นชิงถากถาง
จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้ามอง สายตาแหลมคม “คุณเองก็เป็นพี่ชายของสื้อสื้อเหมือนกัน ถ้ายังงั้นคุณกล่อมให้ผมอยากร่วมงานด้วยได้ไหมล่ะ? ”
ฟางเย้นชิงอึ้งไป แล้วก็ซ่อนตัวเงียบๆ อยู่ด้านหลังพ่อของเขา
ในที่สุดครอบครัวของฟางรุ่ยก็ตระหนักได้ถึงความเป็นจริง สถานการณ์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์
ความวุ่นวายในทรัพย์สินของครอบครัวได้สิ้นสุดลงชั่วคราว สองครอบครัวฟางรุ่ยและฟางเฉิงก็กลับไปด้วยสีหน้าที่ดูแย่
เจียงสื้อสื้อก็ทรุดตัวลงกับโซฟา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
วันนี้ทั้งวัน เธอเหนื่อยยิ่งกว่าวิ่งมาราธอนเสียอีก
และมันเป็นการเหนื่อยทั้งกายและใจ
“ไม่สบายเหรอ? ” จิ้นเฟิงเฉินเห็นว่าสีหน้าเธอไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก ก็ถามด้วยความเป็นห่วง
“เปล่า”
เจียงสื้อสื้อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ค่อยๆ พูดต่อ “ฉันแค่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องของฉันเหนื่อยจริงๆ จากการใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวแบบนี้”
ซ่างหยิงที่กำลังเดินมาได้ยินแบบนี้ ก็ถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ยิ่งกว่าความเหนื่อยล้า ก็คือต้องระมัดระวังทุกทางว่าจะมีคนมาทำร้ายเขา”
“น้าสะใภ้เล็ก”เจียงสื้อสื้อรีบนั่งตัวตรงทันที
“มา ดื่มนมให้อิ่มท้องหน่อย ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน” ซ่างหยิงส่งแก้วนมในมือในพวกเขาทั้งสองคน
“ขอบคุณครับ” จิ้นเฟิงเฉินขอบคุณอย่างเกรงใจ
ซ่างหยิงคลี่ยิ้ม “ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก”
เจียงสื้อสื้อดื่มนมลงไป ทันใดนั้นก็คิดอะไรขึ้นได้ “น้าสะใภ้เล็ก น้าเล่าเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุของคุณตาให้หนูฟังหน่อยได้ไหมคะ? ”
“หนูอยากรู้อะไร? ”ซ่างหยิงนั่งลงตรงข้ามเธอ
“หนูอยากรู้ว่าอุบัติเหตุนี้มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ รึเปล่า? ”
ซ่างหยิงส่ายหน้า “น้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนี้ตำรวจกำลังสืบอยู่”
“ช่วงนี้ที่บ้านมีเรื่องอะไรแปลกๆ ไหมคะ? ” เจียงสื้อสื้อถามอีก
“อะไรแปลกๆ เหรอ? ” ซ่างหยิงขมวดคิ้วแล้วคิดอย่างจริงจัง หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่เห็นนะ”
เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินมองหน้ากัน ทั้งคู่ในคำถามมากมายอยู่ในใจ
อุบัติเหตุของคุณท่านมันบังเอิญเกินไป มันเกิดขึ้นก่อนที่จะประกาศผู้สืบทอดพอดี มันทำให้คนอดสงสัยไม่ได้หรอก
แต่ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ“
“ในครัวกำลังเตรียมของกิน กินข้าวเสร็จแล้วจะขึ้นไปพักผ่อนนะ”
ซ่างหยิงยืนขึ้นเตรียมจะออกไป ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ แล้วก็หันหน้ากลับมา “ถ้ายังงั้น อาศัยโอกาสนี้ น้าพาพวกเธอขึ้นไปดูห้องด้านบน มาดูกันว่าต้องเตรียมอะไรอีกบ้าง”
“ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินตามเธอขึ้นไปด้านบน
ซ่างหยิงเตรียมห้องสำหรับพวกเขา อยู่ในส่วนในสุดของทางเดินบนชั้นสอง
“น้าให้แม่บ้านทำความสะอาดไว้ให้แล้ว ผ้าปูก็ปูใหม่แล้ว ดูว่ายังต้องการอะไรอีกไหม แล้วก็บอกน้าได้เลยนะ”
ห้องพักมีขนาดใหญ่และตกแต่งอย่างอบอุ่นราวกับว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน
เจียงสื้อสื้อซาบซึ้ง เธอส่ายหน้า “ไม่ต้องแล้วค่ะ พวกเราไม่ได้ขาดเหลืออะไรเลย”
“ถ้ายังงั้นก็ได้ พวกเธอรีบพักผ่อนนะ เดี๋ยวพอถึงเวลาอาหารแล้วน้าจะมาเรียกอีกที”
หลังจากที่ซ่างหยิงออกไปแล้ว เจียงสื้อสื้อก็นอนลงบนเตียง แล้วก็ถอนหายใจยาวออกมา “ฉันเหนื่อยมากเลย”
จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไป เขาก้มศีรษะลงและมองดูความอ่อนล้าบนใบหน้าของเธอ แล้วก็ทุกข์ใจมาก
“เหนื่อยก็พักผ่อนหน่อยเถอะ”
“โอเค”
เจียงสื้อสื้อหลับตา แล้วก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
จิ้นเฟิงเฉินห่มผ้าให้เธอ เอื้อมมือไปปัดปอยผมออกจากแก้มของเธอ แล้วก็โน้มตัวลงไปจูบลงที่หน้าผากของเธอ
“ฝันดี”
……
วันรุ่งขึ้น ฟางยู่เชินพึ่งจะไปถึงบริษัท พวกคณะกรรมการหลายคนก็มาถึงแล้ว
“ยู่เชิน พวกเรามาคิดดูแล้ว นายยังอายุน้อยมาก ถ้าจะให้มาดูแลฟางซื่อกรุ๊ป พวกเรายังไม่วางใจ”
คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ฟางยู่เชินพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ผมเข้าใจความรู้สึกของพวกคุณลุง แต่นี่คือสิ่งที่คุณปู่ของผมต้องการ”
หมายความว่าถ้าเกิดว่ามีข้อคิดเห็นอะไรก็สามารถพูดกับคุณท่านได้
แต่ว่าตอนนี้คุณท่านยังไม่ฟื้น จะไปได้ยินได้ยังไงว่าพวกเขาพูดอะไร
พวกกรรมการมองหน้ากันไปมา แล้วหนึ่งในนั้นก็พูดว่า “ฉันเข้าใจความต้องการของปู่นาย แต่ปู่ของนายให้ที่นั่งแก่นายโดยที่เราไม่ยินยอม เรารับไม่ได้ ”
ฟางยู่เชินมองพวกเขา ถึงแม้ว่าสีหน้าจะดูสงบมาก แต่ว่าความจริงแล้วยังรู้สึกกังวลอยู่นิดหน่อย
พวกกรรมการบริษัทพวกนี้ถ้าไม่สนับสนุนฟางอี้หมิงก็ฟางเย้นซิน ดังนั้นก็ต้องไม่พอใจในตัวเขาอยู่แล้ว
แล้วจะทำยังไงดี?
ฟางยู่เชินคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้ายังงั้นเราจะจัดประชุมคณะกรรมการอีกครั้งและลงคะแนน เพื่อดูว่ามีคนสนับสนุนผมมากหรือน้อย ”
กรรมการพวกนั้นก็เงียบ
เพราะว่าพวกเขารู้ว่าคนที่สนับสนุนฟางยู่เชินต้องมีเยอะอย่างแน่นอน ยังไงก็มีกรรมการหลายท่านที่ร่วมสร้างฟางซื่อกรุ๊ปมาพร้อมกับคุณท่านฟาง จงรักภักตีต่อคุณท่าน
“คุณลุงคิดว่ายังไงกันบ้างครับ?”
ตอนที่กรรมการยังไม่ทันจะตอบ จู่ๆ ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้น “ประธานฟางได้รับสัญญาการร่วมมือระยะยาวกับจิ้นกรุ๊ปมาแล้ว มีการสนับสนุนจากจิ้นกรุ๊ป ไม่ต้องกลัวบริษัทจะเดินไปไม่ได้ไกลหรอกค่ะ”
พอผู้ช่วยพูดออกมา พวกคณะกรรมการถึงได้นึกถึงเรื่องที่ฟางซื่อกรุ๊ปจะร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปขึ้นมาได้ ทันใดนั้นใบหน้าของพวกเขาก็แปลกมาก
พูดตามตรง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจในฟางยู่เชิน แต่ว่าพวกเขาก็อยากให้ฟางซื่อกรุ๊ปพัฒนาไปได้ด้วยดี แบบนั้นพวกเขาถึงจะได้ผลประโยชน์ที่มากมาย
กรรมการหลายคนพูดคุยกันด้วยเสียงเบา แล้วกล่าวว่า “งั้นก็ได้ เราจะเชื่อนายชั่วคราวแล้วกัน”
หลังจากพูดจบ พวกเขาก็จากใจ
ฟางยู่เชินยกมือขึ้นมาปลดเนกไท แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคดีที่มีการร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ป ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะปล่อยเขาไปง่ายๆ ได้อย่างไร
……
เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมาแต่เช้า กินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็ไปโรงพยาบาลกับซ่างหยิงเพื่อไปดูแลคุณท่าน
ซ่างหยิงเอาผ้าขนหนูเช็ดมือของคุณท่านอย่างระมัดระวัง เธอเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปที่เจียงสื้อสื้อที่ยืนอยู่อีกฝ่ายหนึ่งของเตียงผู้ป่วย คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “สื้อสื้อ หนูอยากฟังเรื่องของคุณตาหน่อยไหม”
เจียงสื้อสื้องุนงง “เรื่องของคุณตาเหรอคะ? ”
“ก็สถานการณ์ของคุณตาในช่วงสองสามปีก่อน” ซ่างหยิงวางผ้าขนหนูไว้ด้านข้าง เงยหน้าขึ้นมอง “อยากฟังไหม”
“อยากค่ะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า
“ไม่รู้ว่าเสว่มั่นเคยพูดเรื่องคุณตากับคุณยายให้หนูฟังรึเปล่า”
“ไม่เคยค่ะ”
เจียงสื้อสื้อตอบตามความเป็นจริง ถ้าเกิดว่าตอนนั้นฟางยู่เชินไม่ได้มาหาเธอ เธอก็ไม่รู้หรือว่าครอบครัวทางฝั่งแม่ของเธออยู่ที่ไหน
ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ แม่ของเธอกลับไม่เคยพูดเรื่องของครอบครัวเธอเลยแม้แต่คำเดียว
ซ่างหยิงไม่แปลกใจ “สมกับเป็นนิสัยของเสว่มั่น”
เธอหยุดอยู่ครู่หนึ่งและพูดต่อ “ตากับยายของหนูมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ดังนั้นตั้งแต่ยายของหนูจากไป สุขภาพของตาก็แย่ลงเรื่อยๆ จนเกือบจะตามยายไปหลายครั้ง”