ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 30
บทที่ 29 เสี้ยหยุนเส็งมาเอง
“ไม่มีทาง! เฉินเฟิงแกคิดก็ไม่ต้องคิดเลย!” เสี้ยฉีชาวยัง
ไม่ทันได้พูดอะไร เสี้ยห้าวกลับร้อนใจขึ้นมาก่อน โครงการ ยู่ฉวนซานนั้นเป็นต้นเงินต้นทองของเขาคนเดียว เขาจะไป มอบให้คนอื่นได้ยังไง “นี่คือท่าทีที่นายมาขอโทษคนอื่นเหรอ?” เฉินเฟิงพูดขึ้น เสียงเรียบ เขาเข้าใจอยู่แล้ว ว่าตระกูลเสี้ยไม่มีทางมอบ
โครงการยู่ฉวนซานออกมาแน่ ๆ ที่เขาพูดไปแบบนั้น ก็แค่
ต้องการแหย่เสี้ยห้าวเล่นเท่านั้น
“เฉินเฟิง ขอโทษก็ส่วนขอโทษ แต่นายต้องเข้าใจว่า โครงการยู่ฉวนซานต้องมอบให้เสี้ยห้าวเท่านั้น เราสามารถ ชดเชยอย่างอื่นให้เมิ่งเหยาได้” เสี้ยฉี่ชาวพูดเสียงเข้ม
“อย่างอื่น? อย่างเช่นอะไรล่ะ? ให้เมิ่งเหยากลับไปบริษัท อีกครั้งเหรอ?” เฉินเฟิงยิ้มแล้วถาม
สีหน้าของเสี้ยฉีชาวเริ่มดูไม่ได้ แน่นอนเขาต้องฟังออก น้ำเสียงเยาะเย้ยในคำพูดของเฉินเฟิง แต่เวลานี้เขาได้แต่ พยายามสะกดกลั้นความโกรธที่อยู่ในใจแล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่ เพียงแค่นี้ พวกเราไม่เพียงให้เมิ่งเหยากลับเข้ามาบริษัท ใหม่ ยังจะคืนตึกอสังหาริมทรัพย์ที่ทิศตะวันออกของเมือง ให้เมิ่งเหยาอีกครั้ง และที่สำคัญยังจะแบ่งผลกำไรจาก โครงการยู่ฉวนซานให้เมิ่งเหยาอีก5%ด้วย”
หลังจากพูดจบแล้ว เสี้ยฉี่ชาวก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทาง
เฉินเฟิง นี่ถือเป็นการถอยก้าวที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว เขาเชื่อว่าข้อตกลงนี้ มากพอที่จะทำให้เฉินเฟิง และเสี้ยเมิ่งเหยาจิตใจหวั่นไหวได้แล้ว
แต่ใครจะรู้ เฉินเฟิงกลับสีหน้ายังเปลี่ยนสีสักนิด
“5%ของผลกำไรเหรอ? คุณลุงใหญ่ คุณนี่ช่างใจกว้าง จริง ๆนะ” เฉินเฟิงยิ้มอย่างดูถูก
“เฉินเฟิง นายอย่าไม่รู้จักพอแบบนี้นะ ! 5%ของผลกำไร ก็มากพอให้นายอยู่ได้อย่างสบายทั้งชีวิตแล้ว !” เสี้ยฉีชาว คิ้วขมวดกันเป็นปมพูดขึ้น เขารู้สถานการณ์ปัจจุบันของ เฉินเฟิงดี ต้องวิ่งไปมาส่งของท่ามกลางสามลมสายฝน ทำ แทบตายเดือนหนึ่งก็ได้อยู่แค่หกเจ็ดพัน แต่ผลกำไรของ โครงการยู่ฉวนซานถึงแม้จะแค่5% แต่ทุกปีก็มีสูงถึงสิบ ล้าน พูดอย่างอลังการหน่อยก็คือ ต่อให้เฉินเฟิงทำงานส่ง อาหารสิบชาติก็หาเงินเยอะขนาดนี้ไม่ได้
“เอาล่ะ คุณลุงใหญ่ พวกคุณกลับไปได้แล้ว และก็ฝาก ไปบอกเสี้ยหยุนเส็งด้วยว่า เรื่องบริษัทนั้น เมิ่งเหยาไม่มี ทางกลับไปอีกแล้ว นอกซะจากว่าเขาเสี้ยหยุนเสิ้งจะมาขอ โทษเมิ่งเหยาที่นี่ด้วยตัวเอง และยกโครงการยู่ฉวนซานให้ เมิ่งเหยาดูแลจัดการเรื่องนี้เราถึงจะคุยกันได้” น้ำเสียง ของเฉินเฟิงราบเรียบ แต่คำพูดที่พูดออกมานั้น กลับทำให้ สองพ่อลูกเสี้ยฉีชาวตกใจจนตาแทบจะถลนออกมาแล้ว
จะให้เสี้ยหยุนเส็งมาขอโทษถึงที่งั้นเหรอ? และยังต้อง ยกโครงการยู่ฉวนซานให้เสี้ยเมิ่งเหยาดูแลอีกเหรอ?
เฉินเฟิงนี่มันขี้ขึ้นสมองแล้วเหรอ?
แม้แต่เสี้ยเมิ่งเหยาและหลินหลัน ถึงแม้จะคาดคิดเรื่องนี้ ไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ก็โดนทำให้ตกใจไม่น้อย พูดได้แค่ว่า เฉินเฟิงช่างมีความคิดแปลกประหลาดมากจริง ๆ
“ดูเหมือนนายไม่ได้กะว่าจะพูดคุยต่อแล้ว? นายรู้ไหม ถ้าจะให้ปู่ของเมิ่งเหยามาขอโทษเมิ่งเหยาเองนั้น จะมีผล อะไรตามมาทีหลัง?” เสี้ยฉี่ชาวพูดขึ้นเสียงเรียบ มีความ ข่มขู่ในน้ำเสียงอย่างเห็นได้ชัด
“ผลที่จะตามมาทีหลัง? ผมก็อยากจะลองดูเหมือนกัน ว่า จะเกิดผลอะไรตามมา” เฉินเฟิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ แค่เสี้ย หยุนเส็งตัวเล็ก ๆ คนเดียว ถ้าหากว่าเขาอยากละก็แค่หยิบ มือก็จัดการได้แล้ว เขาก็ไม่ได้กังวลเลยจริง ๆ ว่าจะมีผม อะไรตามมา
“ดี! ดี! ดี! หวังว่าตอนที่ปัญหามาถึงแล้ว ปากนายก็ยังจะ หนักแบบนี้นะ!” เสี้ยฉี่ชาวโกรธจนพูดค่ำว่า ‘ดี” ทีเดียวสาม ครั้งเลย เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า คนน่าสมเพชที่ปกติเทียบ กับหมาตัวหนึ่งยังไม่ได้อย่างเฉินเฟิง ตอนนี้จะมาโอหังได้ ขนาดนี้
นี่มันโอหังจนถึงสวรรค์แล้ว
หลังจากพูดจบ เสี้ยฉี่ชาวก็พาเสี้ยห้าวกระชากประตู ออกไปเลย เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นจะ ต้องพูดคุยกันอีก
หลังจากที่ทั้งสองคนจากไปแล้ว หลินหลันก็มองเฉินเฟิ งด้วยสายตาเย็น ๆ ที่หนึ่ง แล้วถามขึ้น “เฉินเฟิง ตกลงนาย มีอะไรเป็นที่พึ่ง? เมื่อกี้ข้อเสนอที่พวกเสี้ยฉี่ชาวให้มาก็มากมายแล้วนะ ทำไมนายยังไม่ตอบตกลงอีก?”|
“คุณแม่ ผมไม่มีที่พึ่งอะไรจริง ๆ ผมแค่อยากจะเอาคืน แทนเมิ่งเหยาหน่อยเท่านั้นเอง ต้องให้พวกเขารู้ว่า เมิ่ง เหยาไม่ใช่คนที่ใครอยากรังแกก็รังแกได้” เฉินเฟิงพูดขึ้น อย่างเบื่อหน่าย
“อะไรนะ?! นายไม่มีที่พึ่งอะไรเลย แล้วยังกล้าโอหัง ขนาดนี้อีก!”
หลินหลันโกรธขึ้นมาทันที ผลกำไร5%ของโครงการยู่ฉ วนซาน เมื่อกี้ก็ทำเธอใจสั่นไหวแล้ว ถ้าไม่ใช่ท่าทีที่แกร่ง กล้าขนาดนั้นของเฉินเฟิง ทำให้เธอเข้าใจผิดว่าเฉินเฟิงยัง มีคนหนุนหลัง เธอต้องช่วยเลี้ยเพิ่งเหยาตอบตกลงไปแล้ว แน่ ๆ จากที่เธอดูแล้ว หน้าตาหรือจะไปสำคัญกว่าปากท้อง พวกเขาทั้งครอบครัวถ้ายังไม่มีช่องทางการมาของเงินอีก ก็ต้องไปกินลมชมวิวแล้ว
“แม่ค่ะ คนที่รับผิดชอบโครงการยู่ฉวนซานนั้นเขาเป็น เพื่อนนักเรียนของเฉินเฟิง” เวลานี้เสี้ยเมิ่งเหยาเปิดปากพูด ขึ้นด้วยความเบื่อหน่าย ที่จริงเหตุผลที่ทำให้สองพ่อลูกเสี้ย ฉีชาวมาในวันนี้ เธอพอเดาได้บ้างแล้ว ว่าเป็นเพราะ เฉินเฟิงให้หลินจงเหว่ยกดดันพวกตระกูลเสี้ย ทำให้ตระกูล เสี้ยต้องเจอความลำบากในโครงการยู่ฉวนซานแน่
“เพื่อนนักเรียน?” หลินหลันมองเฉินเฟิงด้วยแววตาสงสัย ที่หนึ่ง แล้วพูดว่า “เพื่อนนักเรียนอะไร ทำไมเขาถึงช่วย นายผิดใจกับตระกูลเสี้ย?”
“เพื่อนสมัยมหาลัยครับ เพื่อนร่วมเตียงชั้นบนชั้นล่างความสัมพันธ์ของพวกเราสนิทกันมาก แบบว่าเกือบจะใส่ กางเกงตัวเดียวกันแล้ว” เฉินเฟิงพูดโกหกได้อย่างหน้าไม่ แดงใจไม่สั่นเลยสักนิด
“มันก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี” หลินหลันเบ้ปาก แล้วพูดขึ้น “ทางที่ดีนายต้องรับประกันว่าเพื่อนคนนั้นของนายมี ประสิทธิภาพมากพอ ถ้าครั้งนี้เมิ่งเหยากลับไปบริษัทไม่ได้ นายก็ไสหัวไปและยอมหย่ากับเมิ่งเหยาซะดี ๆ อย่ามาทำ ลายเมิ่งเหยาอีก”
“คุณแม่ คุณแม่วางใจได้เลยครับ เพื่อนผมเขารับปากผม แล้ว” เฉินเฟิงพูดยิ้ม ๆ
“จบมาจากมหาลัยเดียวกัน ทำไมพวกนายถึงได้ต่างกัน มากขนาดนี้ เขาเป็นถึงผู้จัดการแล้ว แต่นายกลับยังส่ง อาหารอยู่อย่างนี้” หลินหลันพร่ำบ่นอย่างไม่พอใจอีก ในใจ คิด ถ้าหากเมื่อสามปีก่อนตัวเองหาลูกเขยได้คนอย่างหลิน จงเหว่ยก็ดีนะซิ
เฉินเฟิงยิ้ม ๆ แต่ไม่พูดอะไร
เช้าวันที่สอง ก็มีข่าวที่น่าตกใจแพร่สะพัดออกมาคน วงในของตระกูลเสี้ย
เสี้ยหยุนเส็งจะไปบ้านเสี้ยเมิ่งเหยา เพื่อจะไปขอโทษเสี้ย เมิ่งเหยาด้วยตัวเอง!
ข่าวนี้ ไม่เพียงทำให้คนตกใจ สมาชิกทั้งหมดของตระกูล เลี้ย ยังตะลึงจนตาโตปากค้างอีกด้วย
อยู่ในตระกูลเสี้ยนั้น เสี่ยหยุนเส็งจะเป็นสวรรค์ก็จะได้เป็น จะเป็นเทพเจ้าก็จะได้เป็น!
แต่เสี้ยเพิ่งเหยากลับเป็นแค่บุคคลข้างเคียง ตั้งแต่สามปี ก่อนที่แต่งงานกับเฉินเฟิงแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องตลกที่คอยวน เวียนอยู่ของคนทั้งตระกูลเสี้ย
แต่วันนี้ เทพเจ้าของ ตระกูลเสี้ย กลับจะไปขอโทษคนที่ เป็นเรื่องตลกคนนั้น
สมาชิกทั้งหมดของตระกูลเสี้ยต่างก็ยอมรับความจริงนี้ ไม่ได้
แม้แต่หลินหลันและเสี้ยเมิ่งเหยาก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่า
กำลังฝันอยู่
คำพูดของเฉินเฟิงคิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นจริงแล้ว! คุณ ปู่จะมาขอโทษเธอด้วยตัวเองเหรอ?
เสี้ยเมิ่งเหยารู้สึกมึน ๆ งง ๆ จนกระทั่งเสี้ยหยุนเส็งมา เคาะประตูแล้ว เธอถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่า เสี้ยหยุนเสิ้งมาแล้ว จริง ๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เสี้ยหยุนเส็งมาบ้านของเสี้ยเมิ่งเหยา!
ข้างหลังเขายังมีสองพ่อลูกเสี้ยฉี่ชาวตามมา และกระทั่ง สองพ่อลูกเสี้ยเจิ้งหยู และบุคคลที่มีความสำคัญของตระ กูลเสี้ยเกือบทั้งหมดก็มาด้วย!
หลินหลันและเสี้ยเมิ่งเหยาโดนคณะคนที่เยอะแยะ
มากมายขนาดนี้ทำให้รู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูก มีเพียงเฉินเฟิงเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่ง
เพราะเขาคาดคิดไว้อยู่แล้วว่าเสี่ยหยุนเส็งจะต้องยอม
ก้มหัวลง
บางทีอยู่ในสายตาคนตระกูลเสี้ยคนอื่น ๆ เสี้ยหยุนเสี งอาจจะดูเป็นคนสูงส่ง แตะต้องไม่ได้ แต่สำหรับเฉินเฟิงดู แล้ว ก็คือคนเฒ่าคนแก่ทั่วไปคนหนึ่ง พอเจอปัญหาก็ต้อง ก้มหัว ต้องอ่อนข้อให้ และที่สำคัญเขาอยู่มาค่อนชีวิต ผ่าน ช่วงอายุที่ศักดิ์ศรีสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้นมานานแล้ว
เพราะฉะนั้น ที่เสี้ยหยุนเซิงมาถึงที่นี่นั้น จากที่เฉินเฟิงดู มา มันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว
พอเสี้ยหยุนเสิ้งเข้าประตูมา ก็เริ่มสังเกตปฏิกิริยาของ คนในบ้านทั้งสามคน
สำหรับท่าทางตกใจของหลินหลันและเลี้ยเมิ่งเหยานั้น เขาคาดคิดไว้อยู่ก่อนแล้ว
จากนั้นเขาก็มองไปทางเฉินเฟิงตอนที่เห็นสีหน้าของ เฉินเฟิงไม่มีแม้เศษเสี้ยวความแปลกใจ แถมมุมปากก็ยัง แฝงไว้ด้วยรอยยิ้มอย่างได้ใจนั้น ในใจของเสี้ยหยุนเสิ้งก็ เกิดเสียงตุ่มขึ้นมา เขาเข้าใจแล้ว ครั้งนี้เขามองพลาดไป แล้วจริง ๆ นี่เป็นการมองพลาดครั้งที่รุนแรงที่สุดในค่อน ชีวิตของเขาเลย