ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 31
บทที่ 31 นางพญามารสวีเฟยหรง
ในเมืองชางโจวที่ใหญ่อย่างนี้ จะพูดว่าสิ่งที่ทำให้เฉินเฟิ งกลัวที่สุด ย่อมไม่ใช่แม่ย่าหลินหลันที่เหน็บแนมเสียดสี อย่างแน่นอน
แต่ว่าเป็นเพื่อนสนิทของเสี้ยเพิ่งเหยาสวีเฟยหรง
นี่เป็นนางพญามารที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง เช่นดั่งกับหลิน หลัน ปีนั้นสวีเฟยหรงก็ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของเสี้ย เมิ่งเหยากับเขา
เพื่อทำให้เขารู้ว่ายากเลยยอมแพ้สวีเฟยหรงนับได้ว่าบีบ ค้นจนสุดสมอง
หาสาวๆมายั่วยวนเขา ให้คนข่มขู่เขา…..
ออกสุดวิธีเคล็ดลับร้ายกาจ
แม้กระทั่งถึงสุดท้าย ตอนที่เขากับเสี่ยเมิ่งเหยาเข้าห้อง หอสวีเฟยหรงหยิบกรรไกรด้วยมือตนเอง บุกเข้าไปในห้อง ตะโกนว่าจะตัดจู่เฉินเฟิงให้เฉินเฟิงกลายเป็นขันทีคน สุดท้ายของประเทศ
เฉินเฟิงในปีนั้น ได้รับความทุกข์ทรมานจากฝีมือของสวี เฟยหรง
แต่ว่าก็ยังโชคดี หลังจากเขาแต่งงานกับเสี้ยเมิ่งเหยาไม่ นานสวีเฟยหรงก็ไปเรียนดอกเตอร์สังคมศาสตร์ที่ประเทศ อังกฤษแล้ว
เฉินเฟิงก็เพราะด้วยเหตุนี้ยังทำให้ดีใจอยู่นาน คิดว่าสวี เฟยหรงหญิงบ้าคนนี้ ดีที่สุดก็ไม่ต้องกลับมาตลอดกาลยิ่ง ดี
แต่คิดไม่ถึงว่าสวีเฟยหรงก็ยังคงกลับมาอีกแล้ว อีกทั้ง ล้วนไม่ให้รู้ล่วงหน้าแม้แต่นิด
เฉินเฟิงได้เพียงแค่ลุกจากเตียง เรียกรถไปสนามบินกับ เสี้ยเมิ่งเหยาอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากรออยู่ประตูทางออกผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผู้หญิงที่ ผิวขาว หุ่นสูง สวมแว่นกันแดดเบอร์ใหญ่คนหนึ่ง ลาก กระเป๋าเดินเข้ามาตรงหน้า
ผู้หญิงคนนั้นก็คือสวีเฟยหรงนั่นเอง
ความงดงามของสวีเฟยหรงย่อมไม่ต้องพูดอะไรมาก สามารถเป็นเพื่อนสนิทกับเสี้ยเพิ่งเหยาย่อมไม่แตกต่างกัน ไปไกลอย่างแน่นอน
สิ่งที่สวีเฟยหรงโดดเด่นที่สุด คือขาที่ยาวใหญ่ถึงหนึ่งจุด หนึ่งเมตรของเธอ เรียวยาว ขาวจั้ว ตรงเปะ แม้แต่ไม่สวม รองเท้าส้นสูง เธออยู่ท่ามกลางฝูงชนก็เป็นที่โดดเด่นสะดุด ตาคนนั้น
ย่อมมีรัศมีที่แข็งแกร่งติดตัวโดยปริยาย
สวีเฟยหรงเดินไปข้างหน้า เสี้ยเมิ่งเหยายื่นมีอทั้งสอง ข้างออกมา เพื่อนสนิททั้งสองกอดกันไว้อย่างแนบแน่น
“เพื่อนรัก ฉันคิดถึงแกจนจะตายแล้ว”สวีเฟยหรงจูบ ใบหน้างดงามของ เสี้ยเมิ่งเหยาอย่างรุนแรงหนึ่งที่
ต่อเหตุการณ์นี้ เฉินเฟิงชินไปนานแล้วสวีเฟยหรงก็คือ นิสัยอันธพาลหญิงเช่นนี้คนหนึ่ง
แต่กลับเป็นเสี้ยเมิ่งเหยาใบหน้าเล็กๆยังแดงอยู่ กล่าวว่า “ฉันก็คิดถึงแกล่ะ”
“ใช่หรือ?”สวีเฟยหรงยิ้มเจ้าเล่ห์ กล่าวว่า “ถ้าเช่นนี้คืนนี้ นอนเป็นเพื่อนฉันสักคืนเป็นยังไงล่ะ”
“แกจริงจังหน่อยได้ไหม เป็นคนที่อายุมากเท่าไหร่แล้ว”
เสี้ยเมิ่งเหยาพลิกตาขาว
“ฉันจะไม่จริงจังที่ไหนล่ะ แกนอนเป็นเพื่อนสามีแกไป แล้วสามปี นอนเป็นเพื่อนฉันคืนเดียวจะเป็นยังไงหรือ?”สวี เฟยหรงทำปากเบ้พูด
“เฟยหรงหากแกพูดเหลวไหลอีก ฉันก็จะไม่สนใจแก แล้ว”
เสี้ยเมิ่งเหยาทำท่าโมโหพูด หลังจากพูดเสร็จแล้ว เธอ จ้องมองเฉินเฟิงทีหนึ่ง ใบหน้างดงามยิ่งแดงขึ้นแล้วสวี เฟยหรงอันธพาลหญิงคนนี้ พูดไม่เคยแคร์อะไรเลย ล้วน ไม่เคยผ่านสมองออกมา
“ค่ะค่ะค่ะ ไม่พูดแล้ว ดูสิลักษณะสะใภ้เล็กของแกแบบ นั้น”สวีเฟยหรงยิ้ม ฮิฮิ อีก แล้วกลับไปเป็นปกติ “ได้ยินว่าตอนนี้แกเป็นผู้รับผิดชอบโครงการยู่ฉวนซาน
แล้ว ยินดีด้วยนะ นึกไม่ถึงว่าออกจากฉัน แกก็เก่งขนาดนี้ แล้ว”สวีเฟยหรงพูด
“ไม่ใช่ฉันเก่ง เป็นเฉินเฟิงเก่ง คือเขาที่ช่วยฉัน” เสี้ยเมิ่งเหยามุมปากงอขึ้นพูด
“ เฉินเฟิงหรือ? เมิ่งเหยาแกอย่าล้อเล่นล่ะ เฉินเฟิงไม่ใช่ เป็นคนส่งอาหารอยู่หรือ เขาจะเกี่ยวข้องกับยู่ฉวนซานได้ ยังไงล่ะ”สวีเฟยหรงพูดอย่างสงสัย
“จริงนะ ถ้าไม่เชื่อแกถามเขาดูสิ” เสี้ยเมิ่งเหยารีบดึง เฉินเฟิงที่อยู่ข้างๆ เฉินเฟิงยังไม่ทันเอ่ยปากสวีเฟยหรงกลับเอ่ยปากพูดก่อน
แล้ว น้ำเสียงโอเวอร์มากกล่าวว่า ” ไอหย่า ที่แท้นี่คือ
เฉินเฟิงเหรอ เมิ่งเหยาถ้าแกไม่พูด ฉันก็คิดว่าเขาคือคนขับ
รถของแกแล้ว ยืนอยู่ข้างๆเหมือนท่อนไม้”
เฉินเฟิงเส้นสีดำเต็มใบหน้า นางพญามารสวีเฟยหรงคนนี้ จะต้องตั้งใจอย่างแน่นอน
เสี้ยเมิ่งเหยาย่อมต้องมองออกอยู่แล้ว เธอรู้ว่าสวีเฟยหรง ไม่เข้ากันกับเฉินเฟิงมาโดยตลอด ถ้าหากว่าตามใจสวี เฟยหรงพูดต่อไป ทั้งสองคนเกรงว่าต้องทะเลาะกันขึ้นมา ในสนามบินแน่ ฉะนั้นเธอรีบเอ่ยปากกล่าวว่า “เฟยหรงแก ไม่ใช่บอกว่าแกหิวแล้วหรือ พวกเรากลับไปกินข้าวก่อน เถอะ”
ได้ยินว่ากินข้าว ตาที่งดงามของสวีเฟยหรงสว่างขึ้นมา ทันที
“ยังไงก็เป็นเพื่อนรักของฉันยังคงห่วงใยฉัน ของที่เมือง นอก ฉันล้วนกินจนจะอ้วกแล้ว อยากชิมอาหารในประเทศ มานานแล้ว รีบๆไปเถอะ” หลังจากพูดจบแล้ว เห็นเฉินเฟิงไม่ได้ขยับแม้แต่นิด เธอเหลือบมองเฉินเฟิงอีกหนึ่งที่ อารมณ์ไม่ดีกล่าวว่า “เฮ้ คุณยังอึ้งอยู่ตรงนั้นทำไมล่ะ รีบ เข้ามาถือกระเป๋าสิ คุณไม่ถือหรือว่าจะให้เมิ่งเหยาถือหรือ
เฉินเฟิงหัวเราะขมๆเสียงหนึ่ง รับกระเป๋าของสวีเฟยหรง
มาอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นเพื่อนสนิททั้งสองเดินอยู่ข้างหน้า เฉินเฟิงรู้ตัวว่า ต้องเดินตามหลังไป
สองคนกระซิบกระซาบ พูดเล่นพูดหัวตลอดทาง อยู่ทาง เดินยาวในสนามบิน กลายเป็นทัศนียภาพที่สวยงามเส้น หนึ่ง
“เมิ่งเหยาแกกับเฉินเฟิงทำอันนั้นหรือยัง?”สวีเฟยหรง
ถาม
“อันนั้นหรือ?” เสี้ยเมิ่งเหยาอึ้งไปสักพัก ถามว่า “อันไหน
ล่ะ?”
สวีเฟยหรงพลิกตาขาว กล่าวว่า “ก็อยู่บนเตียงไงล่ะ”
ใบหน้างดงามของเสี้ยเพิ่งเหยาแดงขึ้นทันที เธอยังไม่ได้ คิดไปทางนั้นจริงๆ
เห็นสีหน้าเสี้ยเมิ่งเหยานี้ ปากเล็กๆของสวีเฟยหรงก็เปิด อ้าทันที “ไม่น่ะ ไอ้ควาย พวกแกแต่งงานมาแล้วสามปี แก ยังเป็นสาวโสดคนหนึ่งหรือ!”
ใบหน้างดงามของเสี้ยเพิ่งเหยายิ่งแดงระเรื่อ กล่าวนุ่ม นวลว่า “ฉัน…ฉันยังไม่พร้อม”
“เป็นไปได้ยังไง! นี้ไม่ใช่เรื่องที่พร้อมหรือไม่พร้อมแล้ว ฉันยังไม่เคยเห็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง แต่งงานไปแล้วสามปีไม่ ขึ้นเตียง เมิ่งเหยาแกพูดความจริงสิ ใช่หรือไม่ว่าเฉินเฟิ งด้านนั้นมีปัญหา!”สวีเฟยหรงถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ไม่มี!” เสี้ยเมิ่งเหยารีบปฏิเสธ แม้ว่าเธอกับเฉินเฟิงไม่มี การกระทำที่ใกล้ชิด แต่ว่าระหว่างสามีภรรยา ดำรงชีวิต อยู่ด้วยกัน ยังสามารถสัมผัสได้บ้างไม่มากก็น้อย
“นั่นก็คือแกไม่รักเฉินเฟิงเหรอ ถ้าแกรักล่ะก็จะเป็นไปได้ ยังไงว่าสามปีไม่ได้ขึ้นเตียง”สวีเฟยหรงเบ้ปากพูด
“เฟยหรงรักคนคนหนึ่ง ก็จำเป็นต้องขึ้นเตียงกับเขา หรือ?” เสี้ยเมิ่งเหยาไม่ได้ตอบตามตรง แต่ถามกลับไป
“ไร้สาระ รักคนคนหนึ่ง ไม่ขึ้นเตียงยังจะทำอะไรได้อีก ล่ะ ก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว”
เสี้ยเมิ่งเหยาเอามือปิดริมฝีปากแดงอย่างแน่น ไม่ได้พูด อะไรอีก เธอแน่ใจว่า ตอนนี้ตนเองคือรักเฉินเฟิงนะ เฉินเฟิง. .ก็น่าจะรักตัวเองเช่นกัน
นั่นทำไมเขาก็ไม่สามารถอัตโนมัติล่ะ? หรือว่าจะต้องให้ ตัวฉันเองปืนไปบนเตียงของเขาหรือ? ท่อนไม้ท่อนนี้
เสี้ยเมิ่งเหยายิ่งคิดยิ่งละอาย แต่เธอรู้สึกว่า กลับไปครั้งนี้ จะต้องคิดวิธีจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเลย ถ้าไม่อย่างนั้น เฉินเฟิงคงรักษาหน้าไม่ได้
สวีเฟยหรงดูเหมือนล้วนไม่ได้สังเกตถึงความคิดของเสี้ย เมิ่งเหยาในตอนนี้ คิดเองเออเองเหมือนเดิมกล่าวว่า “เมิ่งเหยาหากว่าแกไม่ชอบ เฉินเฟิงนั่นก็รีบทิ้งเขาไปซะเถอะ ฉันแนะนำเพื่อนสักกี่คนให้แก พวกเขาล้วนเรียนจบจาก เมืองนอกมา อีกทั้งฐานะทางครอบครัวก็ไม่เลว มีคนที่ตั้ง โรงงาน มีคนที่ทำธุรกิจระหว่างประเทศ ไม่ว่าคนไหน ล้วน เก่งกว่าเฉินเฟิง…สิบเท่าร้อยเท่า”
“เฟยหรง แกพูดเหลวไหลอะไรล่ะ” เสี้ยเมิ่งเหยาหนี่จึงรู้สึก ตัวกลับมาสวีเฟยหรงพูดอะไรอยู่ “ฉันจะไม่เลิกกับเฉินเฟิง นอกจาก เขาจะเลิกกับฉันเอง” เสี้ยเมิ่งเหยาพูดด้วยสีหน้า จริงจัง
“ไม่ใช่ เมิ่งเหยา เฉินเฟิงเขามีดีตรงไหนล่ะ คุ้มที่ให้แกทุ่ม อย่างสุดจิตสุดใจ เช่นนี้หรือ?”สวีเฟยหรงขมวดคิ้วถาม ถึง แม้ว่าผ่านไปแล้วสามปี เธอยังรู้สึกว่าเฉินเฟิงไม่เหมาะสม กับเสี้ยเมิ่งเหยาเหมือนเดิม โดยเฉพาะคือตอนนี้เสี้ยเมิ่ง เหยากลายเป็นผู้รับผิดชอบโครงการของยู่ฉวนซาน ฐานะ ทางสังคมในวันข้างหน้าจะต้องน้ำขึ้นเรื่อย่อมลอยสูงขึ้น ตาม แต่เฉินเฟิงเป็นคนส่งอาหารคนหนึ่ง ความแตกต่างกับ เธอ เพียงแค่จะยิ่งมายิ่งมาก ระหว่างสองคนจะปรากฏช่อง ห่างช่องหนึ่งที่ยากจะข้ามได้