ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 444
บทที่ 444 แม่ที่ไม่เหมือนกัน
“คุณหนูหู ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้ว่าคุณหนูเป็นเด็กไร้เดียงสา ผม…ผมแค่ล้อเล่นกับน้องชายคนนี้เท่านั้นเอง…” ตอนนี้หัวหน้ายามใกล้ร้องไห้เต็มที่แล้ว ตีให้ตายเขาก็คิดไม่ถึงว่า เขาแค่หัวเราะเยาะไอ้กระจอกคนหนึ่งกลับทำให้เจ้าของหญิงที่แท้จริงของ Tianshan Living Areaไม่พอใจซะงั้น
“น้องชาย?!”
“แกเป็นใคร! กล้าเรียกพี่เฟิงว่าน้องชายหา!”
หูเซอร์หยวนปรี๊ดแตกทันที เจ้าคนดูถูกคนจากรูปลักษณ์ภายนอกนี่ กล้าเรียกเฉินเฟิงเป็นน้องชาย นี่ไม่ได้เหยียดหยามเฉินเฟิงหรือไง?!
พี่เฟิง?
พอได้ยินสรรพนามที่หูเซอร์หยวนเรียกเฉินเฟิง บรรดายามเกิดอาการอ้าปากค้างลิ้นแข็ง
คนที่อาศัยที่Tianshan Living Area ใครไม่รู้บ้างว่า หูเซอร์หยวนคือลูกสาวของหูจิงไห่ที่รวยเป็นอันดับหนึ่งของซูโจวรุ่นก่อน ปกติหูเซอร์หยวนถือตนเย่อหยิ่งจนเลื่องลือ คนธรรมดาอย่าว่าแต่จะให้เธอเรียกพี่เลย แค่ให้หูเซอร์หยวนมองเขาเต็มตายังไม่ได้เลย
แต่วันนี้หูเซอร์หยวนกลับเรียกไอ้กระจอกที่ขับออดี้คนนี้ว่าพี่เฟิง
ไอ้กระจอกนี่เป็นใครกันแน่?!
ยามหลายคนอดเบนสายตามองไปทางเฉินเฟิงไม่ได้ แต่กลับเห็นเฉินเฟิงส่ายหัวยิ้มแหย
“แก แก พวกแก เก็บข้าวของไสหัวกันไปได้เลย!”
ตอนนี้หูเซอร์หยวนมองยามหลายคนด้วยสายตาเย็นชา และไล่ออกอย่างไม่แคร์เลย พอพวกเขาได้ยินอย่างนั้นสีหน้าเปลี่ยนกันทันที:
“คุณหนูหู ให้โอกาสพวกเราอีกครั้งเถอะครับ พวกเราผิดไปแล้ว ต่อไปไม่กล้าดูคนแค่ภายนอกอีกแล้ว…”
“ยังคิดจะมีต่อไปอีกหรอ?!” หูเซอร์หยวนขมวดคิ้วแน่น กัดฟันกรอดพูดว่า: “ไสหัวกันไปเดี๋ยวนี้เลย!”
“คุณหนูหู…”
“เซอร์หยวน ให้โอกาสพวกเขาอีกครั้งเถอะ” ตอนนี้เองเฉินเฟิงพูดขึ้นยิ้มๆ
หูเซอร์หยวนมองเขาอย่างแปลกใจ แต่ก็เห็นเขายิ้มบอกว่า:
“พวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไร แค่พยายามทำตามหน้าที่ตัวเองเท่านั้น ถ้าจะมีอะไรไม่สมควร ก็คงเป็นท่าทีพวกเขาเท่านั้นแหละ”
“ขอบคุณคุณเฉินมากครับ!”
“ขอบคุณคุณเฉินมากครับ!”
พอได้ยินเฉินเฟิงช่วยพูดให้พวกตน ยามหลายคนซาบซึ้งใจน้ำตาไหลพราก
คิ้วของหูเซอร์หยวนที่ขมวดมุ่นค่อยคลายลง “ในเมื่อพี่เฟิงขอร้องแทนพวกนาย งั้นฉันจะให้โอกาสพวกนายอีกครั้ง แต่เตือนไว้ก่อนเลยนะ ต่อไปฉันไม่อยากเห็นเรื่องแบบนี้เกิดอีกเป็นครั้งที่สอง เข้าใจไหม?!”
“เข้าใจเข้าใจครับ! คุณหนูหู คุณวางใจได้ ต่อไปพวกผมไม่กล้าแล้วครับ!” ยามหลายคนปาดเหงื่อที่หน้าผาก รีบรับประกัน
“เหอะ เอาให้ได้อย่างที่พูดละกัน” หูเซอร์หยวนแค่นเสียงหึ โชคดีที่เฉินเฟิงไม่ถือสา ไม่งั้นวันนี้เธอจะจับยามพวกนี้ถลกหนังแน่
“เอาล่ะ พี่เฟิง พวกเราเข้าไปกันเถอะค่ะ” เธอเบนสายตามาที่เฉินเฟิง หูเซอร์หยวนก็เปลี่ยนเป็นสีหน้ายิ้มแย้ม
เฉินเฟิงพยักหน้าเบาๆ และเดินตามไปขึ้นรถหูเซอร์หยวน ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นรถของหูเซอร์หยวนก็หยุดลงที่หน้าคฤหาสน์ใกล้ทะเลสาบ
คฤหาสน์มีกำแพง สูงมาก เป็นสีขาว ประตูใหญ่ทำด้วยทองแดงกันกระสุน จากการประเมินคร่าวๆ ค่าตกแต่งต้องมีอย่างน้อยสิบล้านขึ้นไป
พอเข้าไปในเขตกำแพง ตึกรโหฐานโดดเด่น ข้างหนึ่งเป็นตึกหลัก อีกข้างเป็นสวนดอกไม้
สวนดอกไม้จัดแต่งเป็นสไตล์เรียบง่ายแบบสมัยใหม่ มีถนนก้อนหินสลับพื้นหญ้า บลูสโตนจัดเรียงทับซ้อนกันเป็นระเบียบเรียบร้อย
พอหันไปมองตึกหลัก เสาหลักทำจากหินอ่อน ยึดผิดเป็นอิฐสีแดง มองแวบแรกเหมือนหลุดเข้าไปในยุคปฏิวัติของสาธารณรัฐจีน
การตกแต่งของคฤหาสน์นี้แตกต่างจากคฤหาสน์อื่นใกล้เคียงโดยสิ้นเชิง
คฤหาสน์อื่นส่วนมากจะเป็นสไตล์ยุโรปสมัยใหม่
แต่คฤหาสน์นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นสไตล์ย้อนยุคช่วงปฏิวัติสาธารณรัฐจีน
และดูท่าจะคงสไตล์นี้มาหลายสิบปีแล้ว
ถึงคฤหาสน์จะไม่มีคนอยู่ แต่ก็ได้รับการทำความสะอาดเอี่ยมอ่อง
พอเฉินเฟิงเข้ามา แทบจะไม่เจอฝุ่นเลย
ตลอดทางหูเซอร์หยวนแนะนำโครงสร้างคฤหาสน์ให้เฉินเฟิงฟังอย่างละเอียด แต่เรื่องของแม่กลับไม่พูดเลยสักคำ
ในเมื่อหูเซอร์หยวนไม่พูด เฉินเฟิงก็ไม่ถาม
หลังเดินอ้อมตึกหลักไปแล้ว หูเซอร์หยวนก็เดินมาถึงตึกเล็กตึกหนึ่ง
ตึกเล็กนี้มีสามชั้น สูงประมาณเก้าเมตร สไตล์สถาปัตยกรรมออกแนวเจดีย์
ประตูเป็นสีแดง และเต็มไปด้วยฝุ่นเกาะเต็มไปหมด แม่กุญแจล็อคที่มีแค่อันเดียวก็มีสนิมเกาะแล้ว
ตอนนี้เอง หูเซอร์หยวนหยิบกุญแจพวงหนึ่งออกจากกระเป๋า
“พี่เฟิง สิบกว่าปีก่อนคุณน้าซูเคยมาพักที่นี่ระยะหนึ่ง ก่อนจากไปก็มอบกุญแจที่นี่ไว้ให้คุณพ่อฉัน ให้คุณพ่อช่วยเก็บรักษาไว้”
“ตอนนี้พี่มาแล้ว งั้นกุญแจนี้ควรจะคืนให้พี่ซะที” หูเซอร์หยวนยื่นกุญแจให้เฉินเฟิง
เฉินเฟิงรับมาอย่างสงบนิ่ง และสอดกุญแจไขแม่กุญแจปลดล็อค ใช้แรงนิดหน่อยล็อคก็ปลดออก เฉินเฟิงดึงแม่กุญแจออก และเปิดประตูเข้าไป
จากนั้นกลิ่นเหม็นเน่นก็ลอยมากระทบจมูกเขา
เฉินเฟิงไม่ได้ขยับตัว ตอนนี้สายตาเขาพุ่งไปที่เปียโนตัวหนึ่ง
เปียโนวางอยู่ในตำแหน่งที่ตรงข้ามกับประตูพอดี วัสดุของเปียโนมันธรรมดามาก เป็นเปียโนที่เห็นได้ทั่วไป
แต่เปียโนตัวนี้กลับทำลายความคลางแคลงใจทั้งหมดที่เฉินเฟิงมีต่อหูเซอร์หยวน
ก่อนนี้เขายังสงสัยว่า เรื่องที่หูเซอร์หยวนพูดว่า กุญแจที่แม่เขาเหลือไว้ให้เขาเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ
ตอนนี้เขาไม่สงสัยอีกแล้ว
แม่ทิ้งกุญแจไว้ให้เขาจริงๆ!
และยังมอบกุญแจให้พ่อของหูเซอร์หยวนเก็บรักษาไว้
เพราะเปียโนตรงหน้าตัวนี้เป็นตัวเดียวกับที่แม่เคยใช้เมื่อสิบกว่าปีก่อน
เฉินเฟิงไม่มีทางจำผิดแน่
“แม่ผมมีความสัมพันธ์ยังไงกันแม่กับพวกคุณ?”
เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก็เบนสายตามามองหูเซอร์หยวน เห็นได้ชัดว่าแม่เชื่อใจตระกูลหูมาก ไม่งั้นคงไม่มอบของแบบนี้ให้ตระกูลหูดูแล
แต่ในสิบกว่าปีมานี้ เขาไม่ได้เคยได้ยินเรื่องตระกูลหูจากปากแม่เลย ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้หูเซอร์หยวนพาเขามาที่นี่วันนี้ บางทีเขาคงไม่มีวันได้รู้เรื่องตระกูลหูเลยด้วยซ้ำ
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตระกูลหูมีในวันนี้คุณน้าซูเป็นคนให้ค่ะ”
หลังจากหูเซอร์หยวนเงียบงันไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยปากพูดขึ้นช้าๆ แต่สิ่งที่เธอบอกมากลับทำให้เฉินเฟิงตกใจพอดู จากความหมายของหูเซอร์หยวนคือ แม่เป็นคนพยุงตระกูลหูขึ้นมา?
“ยี่สิบกว่าปีก่อน ตระกูลหูเป็นแค่ตระกูลเล็กๆตระกูลหนึ่งของซูโจว แต่หลังจากได้เจอคุณน้าซู ตระกูลหูก็กลายเป็นตระกูลรวยอันดับหนึ่งของซูโจวในเวลาแค่สามปี หูจิงไห่พ่อของฉันยังได้ครองตำแหน่งคนรวยอันดับหนึ่งของซูโจวอยู่หลายปี…” หูเซอร์หยวนเล่าเรื่องต่อ แต่คำที่พูดออกมากลับทำให้เฉินเฟิงตกใจมาก
ตระกูลหู เป็นตระกูลรวยอันดับหนึ่งของซูโจว?! หูจิงไห่ยังเคยติดโผคนรวยอันดับหนึ่งของซูโจว?
จำเป็นต้องบอกจริงๆว่า ข่าวนี้เหมือนคลื่นยักษ์พัดพาปั่นป่วนใจเฉินเฟิง
ในความคิดเขา นอกจากแม่จะมีความสามารถแล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษอีก ถึงขั้นพูดได้เลยว่า เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง
แต่วันนี้แม่จากปากของหูเซอร์หยวนกลับเป็นผู้หญิงแกร่งคนหนึ่ง สามารถประคับประคองตระกูลเล็กๆตระกูลหนึ่งจนกลายเป็นตระกูลรวยอันดับหนึ่งของซูโจว ความสามารถแบบนี้ โลกนี้จะมีซักกี่คนทำได้?