ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 462
บทที่ 462 ไม่เปิด พังมันทิ้ง
ตอนที่เฉินเฟิงเดินมาถึงตรงหน้า หัวใจของหวู่เหวินโป๋ หยุดเต้นในทันที!
จากนั้น ตัวของเขาแข็งทื่อไปหมด ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง
ความหวาดกลัว ความรู้สึกไม่ปลอดภัย……
รวมถึงความไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก!
“พี่เปียว นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?!”
ในที่สุด หวู่เหวินโป๋ทนไม่ไหวแล้ว เขาพยายามอดกลั้นความหวาดกลัวในใจ พูดออกไปด้วยเสียงแหบพร่า
ทว่าหวังเปียว ยังคงไม่ตอบคำถามของเขา
หวังเปียวในเวลานี้ ไม่กล้าตอบ!
เขากลัวเป็นอย่างมาก ถ้าตนพูดผิดไปแค่คำพูดเดียว ทำให้เฉินเฟิงโมโห แล้วตนคงต้องตาย
เวลานี้ มีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น ที่จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด!
“พี่ครับ พี่พูดอะไรสักหน่อยสิ!”
ด้านหลัง หวังทาวพูดด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ
เขาคิดไม่ตก ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ หวังเปียวเอาปืนไปด้วยถึงสามกระบอก
เป็นปืนที่มีกระสุนจริงๆ!
ไม่ใช่ปืนของเล่น!
สุดท้าย มือของหวังเปียว กลับขาด
และในเวลานี้ แม้แต่คำพูดสักคำยังไม่กล้าพูด!
“นายทำได้ยังไง?”
เวลานี้ หวู่เหวินโป๋มองไปที่เฉินเฟิงอีกครั้งแล้วพูดด้วยเสียงแหบพร่า ถึงแม้ความจริงตรงหน้ายากที่จะเชื่อ แต่เขาต้องยอมรับ
หวังเปียว แพ้แล้วจริงๆ!
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังแพ้ก่อนที่จะจับตัวเฉินเฟิงได้ทั้งๆที่มีปืนในมือถึงสามกระบอก!
เฉินเฟิงคลายยิ้มบางๆ เขาไม่ได้ตอบคำถามหวู่เหวินโป๋ แต่กลับเดินมาตรงหน้าอีกหนึ่งก้าว
“แก……แกจะทำอะไร?!”
ก้าวนี้ ทำให้หวู่เหวินโป๋ตกใจจนเลิ่กลั่กไปหมด
“ฉันจะบอกอะไรให้แกฟัง พ่อของฉันคือหวู่เหวินเฉิงยิง เขาคือประธานของเฉิงยิงกรุ๊ป มูลค่าในตัวของเขาสูงถึงหมื่นล้าน ในเมืองจงไห่ทั้งแวดวงมาเฟียและด้านถูกกฎหมาย ไม่มีใครกล้าไม่ให้เกียรติพ่อของฉัน ถ้าแกกล้าทำอะไรฉันแม้แต่ปลายเล็บ พ่อของฉันไม่มีวันปล่อยแกไปแน่!”
“หรอ?” เฉินเฟิงกระตุกยิ้มมุมปาก หวู่เหวินเฉิงยิง ฟังดูแล้วเป็นคนที่สุดยอดมาก แต่ใช่ว่าเขาไม่เคยยุ่งกับคนระดับหวู่เหวินเฉิงยิง
“ใช่ๆๆ!พ่อของฉันเก่งมาก” เมื่อเห็นเฉินเฟิงมีท่าทีเหมือนตกใจ หวู่เหวินโป๋จึงรีบพยักหน้าเหมือนลูกไก่
“เพื่อน มีอะไรเราพูดกันดีๆ อย่าลงไม้ลงมือเลย ระหว่างพวกเรา มีเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่เรื่องเข้าใจผิดพวกนี้ ยังไม่ถึงขั้นที่ไม่สามารถจัดการได้…….” หวู่เหวินโป๋เอ่ยปากอธิบาย เขาพยายามทำให้อารมณ์ของตนเองสงบลงมา จากสถานการณ์เบื้องต้น ฝีมือของเฉินเฟิง เก่งจนขั้นที่เขาไม่สามารถคาดเดาได้
แม้แต่นักฆ่าที่พกปืนไปแล้ว ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้ อธิบายได้เพียงแค่ข้อเดียว เฉินเฟิง คือจอมยุทธ์ในตำนานที่ถูกพูดถึง!
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์ เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถจัดการได้ ต้องดูหวู่เหวินเฉิงยิง
“แกพูดถูก พวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดกัน และมันก็ไม่ถึงขั้นที่ไม่สามารถจัดการได้” จู่ๆเฉินเฟิงก็สำรวมท่าทีของเขา ความเป็นจริง เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรหวู่เหวินโป๋ตั้งแต่ก่อนที่จะมาที่นี่อยู่แล้ว
ไม่ได้เป็นเพราะกลัวหวู่เหวินโป๋
แต่เป็นเพราะ หวู่เหวินโป๋ไม่ได้ทำผิดอะไรต่อเขามากมาย ถ้าจะบอกว่าสิ่งที่ทำผิดต่อเขาก็คือ หวู่เหวินโป๋ทำรถคันใหม่ของเขาพังเท่านั้น ส่วนเรื่องนักฆ่าของหวู่เหวินโป๋ในตอนหลัง ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเขาแม้แต่น้อย
ให้เขาฆ่าหวู่เหวินโป๋ หรือทำให้เขาพิการเพราะสาเหตุนี้……
มันคงจะเกินไปหน่อย
แต่ว่า สิ่งที่ควรสั่งสอน ก็ควรที่จะสั่งสอน
“รถของพวกเรา แกเป็นคนทำพังใช่ไหม” เฉินเฟิงถามเสียงเรียบ
“ใช่……ใช่ฉันเป็นคนทำพังเอง” ถูกเฉินเฟิงถามคำถามนี้ หน้าผากของหวู่เหวินโป๋มีเหงื่อไหล่ออกมา ในเวลาเดียวเขาก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นเพราะเขาดูถูกคน
ครั้งแรกที่เห็นเฉินเฟิงขับรถออดี้A6 ดังนั้นเขาจึงคิดอยากจะแย่งที่จอดรถของเฉินเฟิง สุดท้ายไม่เพียงแต่ไม่สามารถแย่งที่จอดรถของเขาได้ แต่ยังถูกเฉินเฟิงตบอย่างแรงอีกหลายที
หลังจากถูกเฉินเฟิงตบ ถ้าเขารู้ตัวสักหน่อย ก็คงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเฉินเฟิงแล้ว เรื่องก็คงจบแค่นั้น แต่เขากลับถูกความแค้นบังตา พังรถของเฉินเฟิง
พังรถของเฉินเฟิงไปแล้วยังไม่พอใจ เขาจ้างนักฆ่า พาเฉินเฟิงมาที่บ้าน
พูดได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเขาเป็นต้นเหตุ
“พี่ใหญ่คนนี้ครับ ผม……ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษพี่ด้วย ขอโทษด้วยนะครับ!”
“ผมไม่ควรไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
“ผมไม่ควรดูถูกคน!”
“เพี๊ยะ”
ขณะที่พูด หวู่เหวินโป๋ตบหน้าตนเอง
ภาพนี้ ทำให้คนที่อยู่ด้านหลังอย่างหวังทาวและหลิวเถียนพวกเขาตกใจไม่น้อย พวกเขาเคยเห็นเสียที่ไหน หวู่เหวินโป๋ที่มีชื่อเสียงเรื่องกร่างไปทั่วทั้งเมืองจงไห่ พูดกับคนอื่นด้วยท่าทีอ่อนน้อมแบบนี้
เมื่อเห็นหวู่เหวินโป๋จะตบหน้าตนเองอีก เฉินเฟิงจึงพูดเสียงเรียบ:“พอได้แล้ว ไม่ต้องมาแสร้งทำต่อหน้าฉันหรอก”
“ฉันมาที่นี่ ไม่ได้มาเพื่อดูนายแสแสร้งแกล้งทำ”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ หวู่เหวินโป๋หยุดตบตนเองทันที
“พี่ใหญ่ ความหมายของพี่คือ…..” หวู่เหวินโป๋มองไปที่เฉินเฟิงอย่างลองเชิง เริ่มแรกเดิมดี ตอนที่เฉินเฟิงปรากฏตัวมานั้น เขานึกว่าเฉินเฟิงมาที่นี่เพื่อฆ่าเขา แต่ว่าดูจากตอนนี้ เฉินเฟิงมาเพราะจุดประสงค์อื่น
“รถคันนั้นของฉัน คงถูกนายพังไปฟรีๆไม่ได้รึเปล่า” เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ
หวู่เหวินโป๋ฉลาดขึ้นมาทันที เขารีบพูด:“พี่ใหญ่ ผมสั่งให้คนไปเอารถคันใหม่มาให้พี่ตอนนี้เลยครับ”
“อีกเรื่องหนึ่ง เพื่อที่จะความขอโทษต่อพี่ใหญ่ รถแลมโบกินี่ของผม ตั้งแต่ตอนนี้ เป็นของพี่ใหญ่ครับ”
หวู่เหวินโป๋พูด แล้วหยิบกุญแจรถบนโต๊ะ ยื่นให้กับเฉินเฟิง
เฉินเฟิงคลายยิ้มบางๆ :“หลี่เล่อ”
“มีอะไรรึเปล่าครับ พี่เฟิง?” หลี่เล่อเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน เขาเดินไปตรงหน้าเฉินเฟิง
“แลมโบกินี่ ขับเป็นไหม?” เฉินเฟิงยิ้มแล้วเอ่ยถาม
เมื่อได้ยินเฉินเฟิงถามคำถามแบบนี้ หลี่เล่อนิ่งค้างไปครู่หนึ่งก่อน จากนั้นก็รีบพยักหน้าด้วยความดีใจ :“ครับเป็นครับ!”
รถยนต์แลมโบกินี่ของหวู่เหวินโป๋ เป็นรถยนต์รุ่นท็อปลิมิเต็ดอิดิชั่นของประเทศ ราคาประมาณสิบล้านหยวน
“ถ้าขับเป็นก็ไปเอากุญแจมา ตั้งแต่ตอนนี้ รถแลมโบกินี่คันนี้ เป็นของนาย” เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ รถยนต์แลมโบกินี่คันนี้ของหวู่เหวินโป๋ เป็นการตอบแทนที่วันนี้หลี่เล่อถูกตบ และเป็นรางวัลให้กับหลี่เล่อที่คอยติดตามเขามานาน
หลี่เล่อได้ฟัง สีหน้ากระวนกระวายทันที:“พี่เฟิง เอ่อ……แบบนี้ไม่ได้ครับ มันแพงเกินไป……”
“ไม่ขับ ก็พังมันซะ” เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หวู่เหวินโป๋ดวงตาเบิกกว้าง คล้ายกับไม่อยากจะเชื่อว่าเฉินเฟิงจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา นี่มันเป็นรถยนต์แลมโบกินี่มูลค่าสิบล้านหยวนเชียวนะ นายบอกว่าจะพังก็พังง่ายๆแบบนี้เลย? ต่อให้เอาให้คนอื่นแล้วเขาไม่เอา นายก็สามารถเอาไปขายได้หนิ
“พัง?”
มุมปากของหลี่เล่อกระตุกอย่างบ้าคลั่ง ถ้าคนอื่นพูดคำนี้ เขาไม่สงสัยแม้แต่น้อยว่าคนนั้นกำลังพูดโว แต่คำพูดนี้ออกมาจากปากเฉินเฟิง เขากลับไม่สงสัย
ถ้าวันนี้เขาไม่รับรถแลมโบกินี่คันนี้ เฉินเฟิงคงพังมันเดี๋ยวนี้แน่ๆ
“ครับ พี่เฟิง รถยนต์คันนี้ ผมขับครับ!”
สุดท้าย หลี่เล่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับกุญแจรถมาจากมือของหวู่เหวินโป๋