ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 469
บทที่ 469 กลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง
หลินหลันเอาแต่พูดเกลี่ยกล่อมอยู่ข้างๆ ทางด้านหวู่เหวินโป๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างก้มหน้าฟัง สีหน้าของเขาแสดงความเพิกเฉยออกมา
เมื่อวานเขาอ่านประวัติของเฉินเฟิงที่หวู่เหวินเฉิงยิงได้มาอยู่หลายรอบ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่า หลินหลันที่ยืนอยู่ตรงหน้า คืออดีตแม่ยายของเฉินเฟิง
ตอนที่เฉินเฟิงอยู่ตระกูลเสี้ย หลินหลันคือคนที่ดูถูกเฉินเฟิงที่สุด
สุดท้ายการหย่าร้างระหว่างเฉินเฟิงกับเสี้ยเมิ่งเหยา หลินหลันเองก็มีส่วนสำคัญ
คิดไม่ถึง ตอนนี้หลินหลันกลับขอร้องเฉินเฟิงให้กลับไปคืนดีกับเสี้ยเมิ่งเหยา
ถึงแม้ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่หวู่เหวินโป๋กลับไม่รู้สึกว่า เฉินเฟิงจะกลับไปคืนดีแล้วแต่งงานกับเสี้ยเมิ่งเหยาอีก
ไม่ใช่อะไรอื่น เป็นเพราะฉู่ชีงฉือเองก็ชอบเฉินเฟิง
เมื่อเทียบกับเสี้ยเมิ่งเหยา ฉู่ชีงฉือเหมาะสมกับเฉินเฟิงยิ่งกว่า เธอมีทั้งหน้าตาที่สวย มีหุ่นที่ดี อีกทั้งยังเป็นดาราสาวที่โด่งดังที่สุดในหวาเซี่ย……
นอกจากจะเป็นดาราที่โด่งดังแล้วนั้น ฉู่ชีงฉือยังเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของเทพเจ้าแห่งสงครามเก่า เป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลฉู่
เมื่อเทียบกับฉู่ชิ่งฉือแล้ว เสี้ยเมิ่งเหยาไม่มีอะไรคู่ควรให้เอามาพูด
เป็นไปตามที่หวู่เหวินโป๋คิดเอาไว้ หลินหลันยังไม่ทันได้พูดอะไรอีก เฉินเฟิงขมวดคิ้วแล้วพูดตัดประโยคหลินหลัน:“เรื่องกลับมาแต่งงานกันนั้น ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะครับ”
“อนาคต……” หลินหลันชะงัก คล้ายคิดไม่ถึงว่าเฉินเฟิงจะตอบแบบนี้ เท่าที่เธอดูนั้น วันนี้ขอแค่เธอเป็นคนพูดเรื่องกลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง ปูทางให้กับเฉินเฟิง เฉินเฟิงก็จะตอบตกลงทันที
ทว่าคิดไม่ถึง เฉินเฟิงกลับพูดแบบนี้……
หรือว่าเฉินเฟิงไม่รักเสี้ยเมิ่งเหยาแล้ว? สมองของหลินหลันฉุกคิดขึ้นมา จากนั้น สีหน้าของเธอก็ดูแย่ลง ถ้าหากเฉินเฟิงไม่รักเสี้ยเมิ่งเหยาแล้ว เช่นนั้นเรื่องการกลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง เกรงว่าจะไม่มีกำหนดแล้ว
จากสิ่งที่เฉินเฟิงมี ผู้หญิงแบบไหนบ้างที่เขาจะหาไม่ได้?
“เฉินเฟิง……”
หลินหลันเงยหน้าขึ้น อยากจะพูดอะไรอีกสองประโยค แต่ตรงหน้ากลับไม่มีร่างของเฉินเฟิงแล้ว
เวลานี้ เฉินเฟิงเดินเข้าไปในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปแล้ว
กลับมาแต่งงานกับเสี้ยเมิ่งเหยา เป็นเรื่องที่เขาคิดมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลา
ความแค้นระหว่างเขากับตระกูลเฉิน ยังไม่จบลง
การแก้แค้นของเฉินอิงโร ยังมาไม่ถึงสักที
ตอนนี้เขากลับไปแต่งงานกับเสี้ยเมิ่งเหยา จะเป็นการใส่พวงกุญแจล็อคตนเอง และเป็นการทำร้ายเสี้ยเมิ่งเหยาด้วย
“พี่เฟิง……”
“หลี่สื้อผิงและหวางซือหยวนวันนี้ยังไม่มาเลยครับ” เฉินเฟิงเพิ่งเดินเข้าไปในออฟฟิศ หลี่เล่อบอกกับเขาเสียงเบา
“ไม่มาก็ไม่มา” เฉินเฟิงคลายยิ้มบางๆ สำหรับหลี่สื้อผิงและหวางซือหยวน ไม่อยู่ในสายตาของเขา ดังนั้นเขาเองก็ขี้คร้านไปสนใจสองคนนั้น
“พี่เฟิง พี่ว่าหลี่สื้อผิงจะแก้แค้นพวกเราสองคนไหมครับ?” หลี่เล่อถามหยั่งเชิง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขากลับคาดหวังให้หลี่สื้อผิงเป็นฝ่ายแก้แค้นเฉินเฟิง หากเป็นเมื่อก่อน เขาไม่มีวันมีความคิดแบบนี้ แต่ตอนนี้ เขากลับอยากให้หลี่สื้อผิงมาหาเรื่อง
“แน่นอน” เฉินเฟิงพยักหน้าเบาๆ หลี่เล่อตะลึงงัน
“แต่ต้องน้ำเข้าสมองเขาก่อน”
เฉินเฟิงยิ้มแล้วพูดเสริม เป็นจริงตามนั้น ถ้าน้ำเข้าสมองหลี่สื้อผิง เขาก็จะมาแก้แค้นจริงๆ แต่ความเป็นไปได้นี้ น้อยเสียกว่าถูกรางวัลห้าล้านหยวนเสียอีก
“หวังว่าน้ำจะเข้าสมองเขานะครับ” หลี่เล่อถอนหายใจด้วยความผิดหวัง หลี่สื้อผิงไม่ใช่คนโง่ จากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ต่อให้เขาตาบอด ก็คงจะดูออกว่า เฉินเฟิงไม่ใช่คนธรรมดา
กว่าหวางซือหยวนจะตื่นนอนก็สิบโมงกว่าแล้ว ตอนที่เธอเพิ่งตื่นขึ้นมานั้น รู้สึกว่าร่างกายปวดเมื่อยไปหมด
โดยเฉพาะส่วนล่างของตนเอง รู้สึกปวดเมื่อยเป็นอย่างมาก
“เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” หวางซือหยวนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอจำได้เพียงอย่างเดียวว่าหลี่สื้อผิงยื่นไวน์แดงให้เธอ หลังจากดื่มไวน์แดงลงไปแล้วนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง เธอกลับจำไม่ได้เลย
ทว่าเรื่องจำไม่ได้ก็ส่วนเรื่องจำไม่ได้ ความปวดเมื่อยตรงร่างกายท่อนล่างของเธอ กลับเป็นความจริง
สำหรับผู้หญิงที่เคยมีประสบการณ์ด้านนั้นมาก่อน เธอรู้ดีว่า ความปวดเมื่อยนี้เกิดจากอะไร
แต่อาศัยหลี่สื้อผิงเพียงคนเดียว เกรงว่าคงจะไม่ได้!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของหวางซือหยวนเปลี่ยนไปในทันที
“สื้อผิง!”หวางซือหยวนสูดลมหายใจเข้าแล้วร้องตะโกน
หลังจากเธอร้องตะโกนไปได้ไม่กี่วินาที หลี่สื้อผิงที่ใต้ตาดำคล้ำเดินออกมาจากห้องข้างๆ
เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของหวางซือหยวน หัวใจของหลี่สื้อผิงเต้นแรงอีกครั้ง
“ซือหยวน คุณตื่นแล้วหรอ?” หลี่สื้อผิงพยายามฝืนยิ้ม
·”เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” หวางซือหยวนไม่ได้ตอบคำถามหลี่สื้อผิง แต่กลับมองไปที่หลี่สื้อผิงด้วยความเย็นยะเยือกแล้วเอ่ยถาม
“เมื่อคืน…..เมื่อคืนไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหนิ” หลี่สื้อผิงพูดติดขัด ไม่กล้าสบตาหวางซือหยวน ดูจากสีหน้าของหวางซือหยวน เห็นได้ชัดว่าเธอจะรู้แล้ว ถ้าเขาพูดความจริงออกไป หวางซือหยวนคงฆ่าคนแน่ๆ
“เป็นไปไม่ได้!”หวางซือหยวนกัดฟันกรอด ถ้าหากหลี่สื้อผิงพูดออกมาตรงๆว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเธอคงไม่สงสัย แต่หลี่สื้อผิงกลับพูดตะกุกตะกัก ดูแล้ว มีปัญหาชัดๆ!
“คุณวางยาในไวน์ใช่ไหม?!” เหมือนว่าคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หวางซือหยวนกัดฟันถามกะทันหัน ถึงแม้คอของเธอจะไม่แข็งมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นดื่มแค่แก้วเดียวก็เมา
แต่เมื่อคืน ไวน์แดงที่หลี่สื้อผิงรินมาให้เธอนั้น เธอดื่มไปแค่ครึ่งแก้ว ก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว
อีกทั้งวันนี้ตอนเช้า เธอก็ยังจำไม่ได้อีกว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น
อาการแบบนี้ มีเพียงแค่วางยาเท่านั้นที่จะสามารถอธิบายได้!
“เปล่า…..เปล่า!”หลี่สื้อผิงปฏิเสธด้วยความกระวนกระวาย หวางซือหยวนเดาได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ทำให้เหนือความคาดหมายของหลี่สื้อผิง
“คุณเห็นฉันเป็นคนโง่หรอคะ?!” สีหน้าของหวางซือหยวนเขียวไปหมด เธอร้องตะโกน ท่าทีของหลี่สื้อผิง เป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่เธอคาดเดา แก้วไวน์เมื่อคืน ถูกวางยา!
“ซือหยวน ผม…..ผมไม่ได้วางยา คุณคิดมากเกินไปแล้ว……”
“ถ้าคุณยังไม่พูดความจริง ฉันจะแจ้งความ!”
หลี่สื้อผิงอยากจะพูดอธิบาย แต่หวางซือหยวนกลับพูดด้วยสีหน้าโกรธเคือง
เวลานี้เธอแทบจะบ้าแล้ว ถึงแม้ไม่รู้ว่าเมื่อคืนใครเป็นคนนอนกับเธอ แต่ทั้งหมดนี้ เป็นฝีมือของหลี่สื้อผิง
ไม่แน่ หลี่สื้อผิงอาจจะเห็นเธอถูกคนคนนั้นข่มขืนต่อหน้าต่อตา
เมื่อได้ยินคำว่าแจ้งความสองคำนี้ หลี่สื้อผิงตัวสั่นทันที เขาพูดโดยไม่แม้แต่จะคิด:“ห้ามแจ้งความ!”
เมื่อวานก่อนที่หลี่อี้จะไปได้เตือนเขาแล้ว ห้ามทำเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ คลิปในมือของหลี่อี้จะทำให้เขาเสียชื่อ ทางด้านซงเต่าเฟิง ก็ไม่มีวันปล่อยเขาเอาไว้แน่
ดังนั้นห้ามแจ้งความเด็ดขาด!
แจ้งความเท่ากับรนหาที่ตาย!
“ซือหยวน คุณฟังผมนะ เรื่องมันเป็นแบบนี้” เมื่อเห็นหวางซือหยวนที่สติแตกด้วยความโมโหกำลังจะโทรศัพท์ไปแจ้งความ หลี่สื้อผิงรีบไปคว้าโทรศัพท์ในมือของหวางซือหยวนมา เขาพูดด้วยหน้าเศร้า:“ไวน์ที่คุณดื่มเมื่อคืน ผมเป็นคนวางยาจริงๆ”
เมื่อได้ยินหลี่สื้อผิงยอมรับ หวางซือหยวนรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทันที เหมือนมีคนเอาขวานมาฟาด
ผ่านไปนานครู่หนึ่ง กว่าหวางซือหยวนจะดึงสติกลับมา
หลังจากที่เธอดึงสติกลับมาแล้วนั้น ใบหน้าคู่สวยมีน้ำใสๆไหลรินลงมา
“ทำไม? ทำไมคุณต้องวางยาในไวน์ของฉันด้วย?”
หวางซือหยวนเงยหน้าขึ้น ถามด้วยเสียงแหบพร่า