ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 476
บทที่ 476 ศิษย์พี่หวัง
“แหะๆ พี่ พี่พูดถูกแล้วครับ ต่อไปผมจะเอาใจพี่นะ” หวู่เหวินโป๋ยิ้มแหะๆ พี่สาวของเขานี่โง่ได้โล่เลย ตู้ไห่อิงพูดซ่อนความนัยชัดขนาดนี้ เธอกลับฟังไม่ออก
แต่ฟังไม่ออกก็ดี ถ้าฟังออกจริง เธอคงจะคิดทำเรื่องอะไรวุ่นๆออกมาแน่
“ค่อยยังชั่วหน่อย” หวู่เหวินเชี่ยนพยักหน้าอย่างพอใจ เธอทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ และมองไปทางตู้ไห่อิง: “ลุงอิง ศิษย์พี่หวังมาพรุ่งนี้ล่ะสิ?”
“ใช่ครับ หวังเฉียนมาพรุ่งนี้” ตู้ไห่อิงผลกหัวเล็กน้อย
หวู่เหวินเชี่ยนกลอกตาไปมา จู่ๆก็พูดขึ้น: “ลุงอิง ลุงว่า ถ้าฉันให้ศิษย์พี่หวังไปจัดการหมอนั่น ศิษย์พี่หวังจะรับปากไหม?”
“คุณหนู ไม่ได้เด็ดขาดนะครับ!” พอเห็นหวู่เหวินเชี่ยนเบนเป้าหมายไปที่หวังเฉียน ตู้ไห่อิงร้อนรนขึ้นมาทันที
หวังเฉียนเป็นอัจฉริยาของมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ที่ร้อยปีจะมีสักคน ตอนนี้เขาพึ่งอายุยี่สิบหกปี แต่แดนของเขากลับไปถึงระดับปลายอ้านจิ้งแล้ว ขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็จะเข้าขั้นหั้วจิ้งกลายเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้
ถ้าเขาสามารถเข้าขั้นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ก่อนอายุยี่สิบแปดปี เขาจะเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่อายุน้อยที่สุดของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ยเลยทีเดียว!
ไม่ต้องสงสัยเลย หวังเฉียนเป็นของล้ำค่าของมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ที่ใหญ่ที่สุด!และเป็นยอดคนในหมู่อัจฉริยาของมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ด้วย!
หวู่เหวินเชี่ยนคิดจะใช้หวังเฉียน เท่ากับจะหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ
ถ้าให้ระดับสูงของมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่รู้เข้า อย่างน้อยหวู่เหวินเชี่ยนก็ต้องโดนกักบริเวณหลายเดือนล่ะ
“ลุงอิง ลุงกลัวอะไรล่ะ? หรือลุงคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหมอนั่น?” หวู่เหวินเชี่ยนเบ้ปาก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมตู้ไห่อิงบอกไม่ได้ หวังเฉียนเป็นอัจฉริยะเบอร์หนึ่งของมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ ในวงการศิลปะการต่อสู้นี้อันดับของหวังเฉียนอยู่อันดับต้นๆ เขาจะจัดการเฉินเฟิงเท่ากับแค่เล่นๆเท่านั้นเอง
“คุณหนูครับ ไม่ใช่ว่าเป็นคู่ต่อสู้หมอนั่นไหม แต่ฐานะศิษย์พี่หวังของคุณพิเศษมากจริงๆ เขาเป็นยอดคนในหมู่อัจฉริยะมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ และยังเป็นว่าที่เจ้าสำนักคนต่อไป คุณน่าจะรู้นะว่า ผู้อาวุโสของมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ของเราฝากความหวังไว้ที่เขาแค่ไหน เขาจะเกิดปัญหาอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”
“ถ้าให้ผู้อาวุโสในสำนักรู้ว่าคุณยุยงให้ศิษย์พี่หวังคุณไปลงมือกับหมอนั่น ผู้อาวุโสในสำนักจะต้องลงโทษคุณแน่ ต้องกักบริเวณคุณสามเดือนเป็นอย่างน้อย” ตู้ไห่อิงพูดอย่างจริงจัง
หวู่เหวินเชี่ยนไม่รู้เลยจริงๆว่า สำหรับมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่แล้วหวังเฉียนหมายถึงอะไร
ศิษย์มหาปรมาจารย์ด้านกระบี่คนอื่นออกมาปฏิบัติหน้าที่ จะพาผู้คุ้มครองมาแค่คนเดียว และผู้คุ้มครองที่มาจะไม่ได้เก่งกว่าตัวอัจฉริยะมากนัก
แต่สำหรับหวังเฉียน ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติหน้าที่ จะต้องมีผู้คุ้มครองอย่างน้อยสามคน และในสามคนนั้นต้องมีหนึ่งคนเป็นอย่างน้อยที่เป็นระดับหั้วจิ้ง นั่นก็คือปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้!
ครั้งนี้หวังเฉียนออกมาปฏิบัติหน้าที่ที่จงไห่ และจะเข้าร่วมการประลองในฐานะตัวแทนสมาคมการค้าจงไห่ มหาปรมาจารย์ด้านกระบี่เลยจัดการส่งรองเจ้าสำนักที่เป็นระดับปลายหั้วจิ้งออกมาติดตามซะเลย
เรียกได้เลยว่า มหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ให้ความสำคัญกับหวังเฉียนแค่ไหน
หวู่เหวินเชี่ยนกล้าคิดจะใช้หวังเฉียน เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
พอได้ยินตู้ไห่อิงบอกว่าต้องโดนกักบริเวณ หวู่เหวินเชี่ยนหดคอทันที ถึงเธออยากจัดการเฉินเฟิง แต่ถ้าผลตอบแทนของการจัดการเฉินเฟิงคือการโดนกักบริเวณ งั้นเธอไม่หาเรื่องดีกว่า
“พรุ่งนี้หวังเฉียนจะมาถึงจงไห่ หลายวันนี้คุณหนูพยายามไม่ไปรบกวนเขานะครับ เขาต้องเตรียมตัวสำหรับการประลองระหว่างสมาคมการค้าจงไห่และสมาคมการค้าเชียสุ่ย จะวอกแว่กไม่ได้” ตู้ไห่อิงกำชับเข้าให้อีกดอก
“ประลองกับสมาคมการค้าเชียสุ่ย? ต้องเตรียมตัวอะไรล่ะ ฝีมืออย่างศิษย์พี่หวัง ต่อให้ใช้แค่มือเดียวก็เอาชนะได้ทั้งหมดสมาคมการค้าเชียสุ่ยนั่นแหละ” หวู่เหวินเชี่ยนเบ้ปาก เธอมั่นใจในฝีมือหวังเฉียนมาก อัจฉริยะของคนหนุ่มสาวในมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่มีแค่สองพวก พวกแรกคือหวังเฉียน อีกพวกคือทุกคนยกเว้นหวังเฉียน
รู้ได้เลยว่า หวังเฉียนแก่งแค่ไหน
“อย่าพูดแบบนี้ สมาคมการค้าเชียสุ่ยใช่ย่อยนะ” ตู้ไห่อิงพูดซีเรียส การประลองกับสมาคมการค้าเชียสุ่ยครั้งนี้จะจัดศิษย์ของสำนักเสิ่นหยิ่นและนักบุญมีดลงประลองมันไม่ใช่ความลับอะไร
และเพราะเป็นแบบนี้ ทางสมาคมการค้าจงไห่ถึงได้จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่
เดิมตู้ไห่อิงคิดว่า มหาปรมาจารย์ด้านกระบี่คงจะจัดหาศิษย์อัจฉริยะคนอื่นที่ไหนก็ได้มาลงประลองเป็นตัวแทนสมาคมการค้าจงไห่ แต่ไม่คิดว่า ทางมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่จะส่งหวังเฉียนซึ่งเป็นไพ่ไม้ตายออกมา
ส่งหวังเฉียนลงประลอง หมายความว่า เรื่องมันต้องหนักหนากว่าที่คิดไว้มาก
อัจฉริยะมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ปกติ ไม่แน่จะเป็นคู่ต่อสู้ของศิษย์สำนักเสิ่นหยิ่นกับนักบุญมีด
พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านมาวันที่สอง หลังจากถึงเวลาที่นัดหมายกับหลินหลัน เฉินเฟิงขับรถไปที่บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป
พอถึงบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป เฉินเฟิงก็เห็นหลินหลันกับเสี้ยเมิ่งเหยาที่ยืนรออยู่หน้าประตูบริษัท
หลินหลันยังอยู่ในชุดหรูเมื่อวานเลย เทียบกันแล้ว เสี้ยเมิ่งเหยากลับดูเรียบร้อยกว่ามาก เธอใส่ชุดสูทสีครีม และใส่กระโปรงสั้นสีดำ รวมกับรองเท้าส้นสูงแบบรองเท้าแก้วของGucci เผยให้เห็นขาเรียวยาวคู่หนึ่ง
เฉินเฟิงขับรถมาจอดหน้าทั้งคู่ และลดกระจกข้างลง
“เฉินเฟิง มาแล้วหรอ?” หลินหลันทักทายอย่างเป็นกันเอง
“ครับ”
“ไปลูก ขึ้นรถเร็ว” หลินหลันพูดพลางเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้เสี้ยเมิ่งเหยา แต่ไม่คิดเลยว่าเสี้ยเมิ่งเหยาจะเปิดประตูที่นั่งด้านหลังและก้าวขึ้นไปนั่งเฉยเลย
ทำอะไรไม่ได้ หลินหลันเลยได้แต่ขึ้นไปนั่งที่นั่งด้านหลังข้างลูกสาว
พอทั้งคู่ขึ้นรถ เฉินเฟิงก็ปิดกระจกข้างตามเดิม และขับเคลื่อนรถออกไป
“ฉันไม่ได้มองผิดใช่ไหม ประธานเสี้ยขึ้นรถผู้ชายออกไป?”
“เธอไม่ได้มองผิด ฉันก็เห็น”
ถึงเฉินเฟิงจะจอดรถที่หน้าบริษัทไม่ถึงหนึ่งนาที แต่ฉากที่เสี้ยเมิ่งเหยาขึ้นรถก็ตกอยู่ในสายตาพนักงานที่คอยจับผิดของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปอยู่ดี
พริบตาเดียวทุกคนก็เริ่มวิจารณ์กันเมามันส์
“ผู้ชายคนนั้นใครน่ะ? นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ประธานเสี้ยขึ้นรถผู้ชายแปลกหน้าใช่ไหม?”
“ไม่รู้สิ คุณแม่ของประธานเสี้ยเหมือนจะรู้จักผู้ชายคนนั้นนะ”
“คงไม่ใช่…สามีเก่าประธานเสี้ยหรอกมั้ง!”
ไม่นานก็มีคนเดาถึงฐานะเฉินเฟิงได้
“เป็นไปได้มาก! ดูจากท่าทางประธานเสี้ยและคุณแม่ ผู้ชายคนนั้นมีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นสามีเก่าของเธอ!”
“ประธานเสี้ยหย่ากับเขาแล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมยังติดต่อกันอีกล่ะ?”
“แค่หย่ากัน ไม่ได้โกรธแค้นอะไรกันสักหน่อย ทำไมจะติดต่อไม่ได้ล่ะ?”
“เหมือนผู้ชายคนนั้นจะขับออดี้46ใช่ไหม?”
“ออดี้46 ราคาประมาณห้าแสนกว่า แถมยังซื้อใหม่ซะด้วย”
“ที่แท้ก็ขับออดี้46 มิน่าประธานเสี้ยถึงหย่ากับเขา” มีบางคนเบ้ปาก ออดี้46ในสายตาคนทั่วไปถือเป็นรถหรูพอควร แต่ต่อหน้าเสี้ยเมิ่งเหยาที่เป็นประธานสาวสวยแบบนี้ ออดี้46ถือว่าไม่หรูเลย เทียบกับรถแม่บ้านยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เขาเป็นลูกเชยแต่งเข้าบ้านเมีย นายจะให้เขาขับรถดีแค่ไหนล่ะ?”
“ก็จริงนะ ลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียขับออดี้46ได้ ก็ถือว่าเก่งมากแล้วนะ”