ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 505
บทที่ 505 ตรวจสอบกล้องวงจรปิด
“ใช่ ฉันไม่มีหลักฐาน แต่เมื่อสักครู่เขาจับก้นฉันจริงๆ” หลิ่วซวนยังคงหน้าด้านต่อ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอไม่มีทางถอยกลับได้แล้ว ทางรอดทางเดียวของเธอก็คือโยนความผิดนี้ไปให้เฉินเฟิง
ฉู่ชีงฉือเป็นดาราดังแล้วยังไง? เป็นดาราไม่ต้องมีเหตุผลก็ได้อย่างนั้นหรือ?
“เธอแน่ใจนะ?” สีหน้าของฉู่ชีงฉือเย็นชากว่าเดิม
“แน่ใจ!” หลิ่วซวนกัดฟันพูด
“ดี” ฉู่ชีงฉือพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปหาชายชราสวมเสื้อขนนกที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ลุงหวังไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที!”
“เอาบันทึกกล้องวงจรปิดของบริเวณดาดฟ้าชั้นนี้มา!”
“ครับคุณหนู” ชายชราสวมเสื้อขนนกโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินจากไป
เมื่อได้ยินคำว่าบันทึกกล้องวงจรปิด สีหน้าของหลิ่วซวนก็เปลี่ยนไปทันที บนเรือนี้มีกล้องวงจรปิดด้วยหรือนี่?
“เดี๋ยวก่อน!”
ชายชราสวมเสื้อขนนกยังเดินไม่ถึงไหนหลิ่วซวนก็เอ่ยปากขึ้น
เธอไม่สามารถให้ชายชราคนนี้ไปเอาบันทึกกล้องวงจรปิดได้ หากชายชราเอาบันทึกกล้องวงจรปิดมาเปิดให้ทุกคนดู เธอคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
เสียหน้าถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่สำคัญกว่าก็คือฉู่ชีงฉือและเฉินเฟิงไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่!
“คุณฉู่ ฉันอาจจะจำผิดเอง” เมื่อเห็นว่าฉู่ชีงฉือมองมาที่ตนด้วยสายตาเยือกเย็น หลิ่วซวนก็พลั้งปากพูดออกมา
“จำผิดอย่างนั้นหรือ?” มุมปากของฉู่ชีงฉือยกขึ้นเล็กน้อย
“ใช่…… เมื่อสักครู่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้จับก้นฉัน เขาอาจจะแค่มาโดนตัวฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ” หลิ่วซวนเอ่ยอย่างหน้าไม่อาย
“แค่ไม่ได้ตั้งใจโดนตัวเธอสินะ?” ฉู่ชีงฉือเอ่ยขึ้นพร้อมกับสีน่าสมเพช มาถึงขั้นนี้แล้วหลิ่วซวนยังกล้าโกหกอีกหรือ
“ใช่……”
“ลุงหวัง ไปเอาบันทึกกล้องวงจรปิดมา เห็นทีว่าหากไม่เอาบันทึกกล้องวงจรปิดมา คนบางคนคงจะไม่ยอมพูดความจริง” ฉู่ชีงฉือเอ่ยเสียงเรียบ
“อย่านะ!” เมื่อเห็นว่าฉู่ชีงฉือตัดสินใจเด็ดขาดแบบนี้ หลิ่วซวนก็ร้อนรนขึ้นมาทันที
“ฉันพูด ฉันยอมพูดความจริงแล้ว!”
“ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ลวนลามฉัน ฉันเองที่ให้ท่าเขาก่อน” ภายใต้สถานการณ์คับขัน หลิ่วซวนก็ยอมพูดความจริง
ให้ท่าก่อนอย่างนั้นหรือ?!
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิ่วซวน ฉับพลันก็มีเสียงวิจารณ์ดังขึ้นจากรอบข้าง
คนจำนวนไม่น้อยมองมาด้วยสายตาดูถูก
ส่วนวัยรุ่นเลือดร้อนที่เข้าข้างหลิ่วซวนในตอนแรกก็อับอายมากจนแทบจะขุดหลุมแล้วมุดหนีไป
“ให้ท่าไม่สำเร็จเลยตลบหลังสินะ?”
ฉู่ชีงฉือมองหลิ่วซวนด้วยความสมเพช
“ใช่” หลิ่วซวนยอมรับแต่โดยดี
ฉู่ชีงฉือพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันไปทางนักท่องเที่ยวที่อยู่รอบข้าง “ได้ยินกันแล้วใช่ไหม”
“ได้ยินแล้ว” มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งตอบรับ และก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่สบตาฉู่ชีงฉือแล้วก้มหน้าลงโดยอัตโนมัติ
“ได้ยินแล้วก็ดี” ฉู่ชีงฉือพยักหน้าเบาๆก่อนจะหันไปทางหลิ่วซวนพลางเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “มีอะไรจะบอกเธออย่างหนึ่ง ความจริงแล้วบนเรือลำนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดหรอก”
ไม่มีกล้องวงจรปิดอย่างนั้นหรือ?!
นี่เธอถูกฉู่ชีงฉือหลอกหรือ?!
หลิ่วซวนเบิกตาโพลง โมโหจนแทบกระอักเลือด
คนรอบข้างถึงกับอ้าปากค้าง ตกใจจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว
หลิ่วซวนและคนรอบข้างจะมีปฏิกิริยายังไงฉู่ชีงฉือไม่สนใจเลยสักนิด
วินาทีนี้ฉู่ชีงฉือเดินยิ้มจนมาหยุดอยู่ที่หน้าของเฉินเฟิง “พี่เฉินทำไมถึงลงมาที่นี่?”
“ฉันมาตามหาคน” เฉินเฟิงตอบกลับยิ้มๆ
“ตามหาคนอย่างนั้นหรือ?” มีความสงสัยพาดผ่านแววตาของฉู่ชีงฉือแวบหนึ่ง “ให้ฉันช่วยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ฉันอาจจะตาฝาดไปเอง เธอกลับขึ้นไปก่อนเถอะ” เฉินเฟิงส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่าย
ความคิดที่จะตามหาคนเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของเขาเท่านั้น
จะตามหาเจอหรือไม่ ความจริงแล้วไม่สำคัญเลยสักนิด
“ค่ะ อย่างนั้นฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อน” ฉู่ชีงฉือพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทว่าเดินไปได้ครึ่งทางเธอก็หันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับยิ้มหวานพลางเอ่ย “พี่เฉินก็รีบพักผ่อนนะคะ”
เฉินเฟิงอึ้งไปสักพักก่อนจะพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ครับ”
มองตามจนฉู่ชีงฉือเดินลับสายตาไป หลิ่วซวนจึงโล่งอกขึ้นมาบ้าง เพียงแต่สายตาที่มองไปยังเฉินเฟิงมีความเกลียดแค้นเพิ่มขึ้นมา
หากเฉินเฟิงไม่ปฏิเสธเธอตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องเสียหน้าขนาดนี้
ต้องโทษเฉินเฟิงคนเดียว!
หลิ่วซวนมองเฉินเฟิงด้วยแววตาอันเกลียดชัง เธอจำหน้าของเฉินเฟิงจนขึ้นใจจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
สายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของหลิ่วซวน เฉินเฟิงไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
กวาดสายตามองคนบนดาดฟ้าอีกรอบ เมื่อมั่นใจว่าไม่พบแผ่นหลังที่คุ้นเคย เฉินเฟิงก็หมุนตัวเดินกลับขึ้นชั้นบนสุด
ในขณะเดียวกัน ภายในห้องพักห้องหนึ่งของชั้นสาม มีเงามืดของคนสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกัน
แสงสว่างในห้องพักค่อนข้างน้อย ทำให้เห็นหน้าตาของทั้งสองคนไม่ชัด เห็นรางๆเพียงแค่ว่าเป็นชายวัยกลางคนสองคน
หลังจากความเงียบอันเนิ่นนาน ชายคนที่อยู่ด้านซ้ายก็เอ่ยปากขึ้นด้วยเสียงติดแหบ “แกมั่นใจใช่ไหมว่าเป็นมัน?”
“มั่นใจ ท่านตู้เปียนให้คนไปตรวจสอบที่ยันเจียงแล้ว มันคือลูกชายของตระกูลเฉินจริงๆ ลูกศิษย์ของนักบุญมืดก็ตายเพราะฝีมือมัน” ชายกลางคนที่อยู่ด้านขวาตอบกลับเสียงทุ้ม “ตอนนี้มันอยู่ในลำดับขั้นไหน?” ชายเสียงแหบเอ่ยถามอีกครั้ง
“เป็นไปได้มากว่าอยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นสุด”
“อ้านจิ้งชั้นสุดอย่างนั้นหรือ?!” ชายเสียงแหบสูดหายใจเข้าครั้งหนึ่ง
“ใช่” ชายกลางคนทางขวาพยักหน้ารับก่อนเอ่ย “ในการต่อสู้ครั้งนี้มันเป็นตัวแทนของตระกูลฉู่”
“ท่านตู้เปียนว่าอย่างไรบ้าง?” ชายเสียงแหบถอนหายใจครั้งหนึ่ง
“หาโอกาสฆ่ามันซะ!”
“ฆ่ามันอย่างนั้นหรือ? ฆ่ายังไง? แม้แต่ลูกศิษย์ของนักบุญมืดยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน……” ชายเสียงแหบขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น
“วิธีการฆ่าคนมีตั้งหลายแบบ ไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง”
“แกหมายความว่า……”
“ไปคิดเอง แกมีโอกาสเข้าใกล้มันนี่” ชายวัยกลางคนเหลือบมองชายเสียงแหบแวบหนึ่งก่อนเอ่ย “การต่อสู้ครั้งนี้มีความสำคัญต่อท่านตู้เปียนมาก ท่านตู้เปียนไม่ต้องการให้ผลลัพธ์มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย ทางที่ดีที่สุดแกอย่าทำให้ท่านผิดหวังจะดีกว่า”
ชายเสียงแหบหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่งก่อนเอ่ย “ฆ่ามันแล้วฉันจะมีทางรอดไหม?”
“มี”
“ขอแค่แกฆ่ามันให้ได้ ท่านตู้เปียนจะหาทางให้แกออกจากสหพันธ์สงครามอย่างปลอดภัย” ชายวัยกลางคนเอ่ย
“แล้วคนในครอบครัวของฉันล่ะ? ท่านจะรับรองความปลอดภัยของพวกเขาได้ไหม?”
“ได้ หลังจากเสร็จเรื่อง ท่านสามารถให้พวกเขาย้ายไปอยู่ประเทศญี่ปุ่น”
“โอเค! ฉันจะฆ่ามัน!”
จากนั้นห้องก็ตกอยู่ในความสงบ
เช้าวันที่สองเฉินเฟิงตื่นแต่เช้า หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จเฉินเฟิงก็ออกจากห้องพักไปยังห้องอาหาร
นี่เป็นห้องอาหารที่เปิดให้บริการเฉพาะลูกค้าวีไอพีชั้นบนสุดเท่านั้น ดังนั้นพื้นที่ของห้องอาหารจึงไม่ใหญ่มาก มีพื้นที่เพียงห้าสิบกว่าตารางเมตรเท่านั้น
เมื่อเฉินเฟิงมาถึงห้องอาหารก็พบว่าฉู่ยี่เฟยและจางเทียนเซอรวมถึงคนอื่นๆมานั่งที่โต๊ะก่อนแล้ว
ฉู่ชีงฉือก็อยู่ข้างๆกัน
วันนี้ฉู่ชีงฉือสวมชุดออกกำลังกายสีขาว สวมรองเท้าออกกำลังกายสีชมพู ถักเปียผมหางม้าสองข้าง ดูรวมๆให้ความรู้สึกทะมัดทะแมงเหมือนวัยรุ่น
“พี่เฉิน ทางนี้ค่ะ”
เมื่อเห็นเฉินเฟิงเดินเข้ามา ฉู่ชีงฉือก็โบกมือเรียกพร้อมกับมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า