ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 512
บทที่ 512 กงปุ่นสองอี
เมื่อเห็นว่าหวางหงอี้แน่วแน่เช่นนี้ เพิ้งเย้นฟางรู้สึกว่าหัวใจกระอักเลือด เพราะว่าการที่เธอเดินชนกำไลจนมันแตกไปนั้น แถมต้องมาจ่ายค่าเสียหายอีกตั้งห้าล้าน เรื่องพรรค์นี้พูดออกไปใครจะไปเชื่อ?
“ก่อนหน้านี้คุณผู้หญิงท่านนี้ก็พูดว่า กำไลหยกมรกตจักรพรรดิของคุณกงปุ่นมีใบรับรอง ไม่ทราบว่าคุณกงปุ่นให้ข้าน้อยหวางดูหน่อยได้หรือไม่” หวางหงอี้หันไปมองกงปุ่นสองอีอีกครั้ง ถึงแม้ว่าตัดสินใจไปแล้วว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กงปุ่นสองอี แต่ก่อนการที่จะไปจ่ายค่าชดใช้ค่าเสียหายนั้น ตั้งมั่นใจว่ากำไลหยกของกงปุ่นสองอีนั้นเป็นหยกจักรพรรดิมรกตของจริง
ถ้ากำไลของกงปุ่นสองอีไม่ใช่หยกจักรพรรดิของจริง แต่มันเป็นการลอกเลียนแบบ งั้นเขาก็ไม่ต้องถูกสวมเขาถูกเอารัดเอาเปรียบแล้ว
“ได้” กงปุ่นสองอีพยักหน้าให้ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เรื่องใบรับรองนั้น เขาย่อมไม่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
แต่ว่า เรื่องโครงสร้างการออกใบรับรอง จะมีเว็บไซต์โดยเฉพาะ ที่สามารถเอาใบรับรองออกมาได้ตลอดเวลา
เรื่องตัวใบรับรองนี้ ยังเขียนรายละเอียดของตัวใบรับรองได้ละเอียดถี่ถ้วนกว่าตัวจริงอีก นอกจากที่มาวัสดุของตัวสินค้าแล้ว ยังมีเอกสารสิทธิ์ของบุคคลที่เป็นเจ้าของด้วย
หวางหงอี้ก็เป็นคนที่ผ่านเรื่องราวมามากมาย เขามองออกว่า ใบรับรองของกงปุ่นสองอี เป็นใบรับรองกงปุ่นสองอีเป็นเอกสารรับรองสิทธิ์ตัวจริง เปลี่ยนคำพูดใหม่ กำไลของกงปุ่นสองอี เป็นหยกมรกตจักรพรรดิของจริง
“คุณหวางคิดเห็นประการใด?” กงปุ่นสองอีเอ่ยปากพูด สำหรับการแสดงท่าทีของหวางหงอี้นั้น เขาถูกใจมาก ถ้าหวางหงอี้เป็นเหมือนเพิ้งเย้นฟางที่พูดมั่วหาเรื่องไปเรื่อย เช่นนั้นเขาคงต้องใช้วิธีการที่เด็ดขาดขึ้นมาแล้ว
“ไม่มีปัญหา กำไลของคุณกงปุ่น เป็นมรกตจักรพรรดิของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย” หวางหงอี้พยักหน้าให้ ความจริงแล้วตั้งแต่แรก เขาก็ไม่คิดที่จะไม่พูดกันตามความเป็นจริงหรือการหลบเลี่ยงที่จะไม่จ่ายเงินค่าเสียหาย
เพราะว่า กงปุ่นสองอีคนนี้สถานะเขาก็เห็นได้ชัดอยู่แล้ว การที่มาใส่กำไลราคาห้าล้านกว่าไม่ต้องไปเอ่ยถึง อีกอย่าง หลังจากที่กำไลมันแตกไปแล้ว เขาก็ยังนิ่งอยู่ เห็นได้ชัดว่า เขาแทบไม่เอาเรื่องกำไลมาใส่ใจเลย
อำนาจคนเช่นนี้ ก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าใครเลย
การมาหาวิธีในการคิดบัญชีกับคนประเภทนี้ จะกลายเป็นว่าตนเองนั้นไม่มีคุณสมบัติที่ดีเลย
“คุณหวางเป็นคนตรงไปตรงมาดี ไม่เหมือนภรรยาเลย” กงปุ่นสองอียิ้มให้เล็กน้อยแล้วมองมาทางเพิ้งเย้นฟาง
เพิ้งเย้นฟางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ไม่กล้าพูดอะไรอีก
หวางหงอี้ยิ้มให้เล็กน้อย “ผู้น้อยหวางพูดคำไหนเป็นคำนั้น กำไลข้อมือคุณกงปุ่นเป็นหยกจักรพรรดิมรกต ราคาห้าล้าน ผู้น้อยหวางจะจ่ายชดใช้ค่าเสียหายให้คุณกงปุ่น แต่ว่า ตอนนี้ตัวข้อน้อยไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น ขอให้คุณกงปุ่นให้เวลาผู้น้อยหวางสามวัน ให้ผู้น้อยได้เตรียมเงินมาได้ไหม?”
“ได้” กงปุ่นสองอีพยักหน้าให้
เมื่อเห็นว่ากงปุ่นสองอีตอบตกลง หลิ่วซวนเกิดความร้อนรนขึ้นมาทัน “คุณกงปุ่น เอ่อ…ไม่เหมาะกระมัง ตอนนี้พวกเขายอมตกลง แต่เดี๋ยวพวกเขาวิ่งหนีไปจะทำยังไง? พวกเราหนีไป พวกเราจะไม่มีทางหาพวกเขาได้เจอ…”
“คุณหวางเขาไม่หนีไปไหนหรอก เขาไม่ใช่คนแบบนั้น” กงปุ่นสองอีโบกมือปฏิเสธ เพื่อต้องการให้หลิ่วซวนหยุดพูดต่อ ถึงแม้ว่าเขากับหวางหงอี้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ว่าเขาก็ดูออกว่า หวางหงอี้เป็นคนที่ซื่อสัตย์รักษาคำพูดมาก คนประเภทนี้เมื่อพูดออกมาแล้ว ต้องเป็นคำไหนคำนั้น เรื่องหนีหัวซุกหัวซุนนั้น พวกเขาไม่ทำหรอก
หวางหงอี้มองไปหาหลิ่วซวนพร้อมทั้งพูดว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ถึงแม้ว่าเงินห้าล้านมันจะเป็นเงินที่เยอะมากก็ตาม แต่ข้าน้อยหวางก็ไม่คิดสั้นที่จะหนีเพื่อเงินห้าล้านหรอก ดังนั้นเชิญคุณผู้หญิงท่านนี้วางใจได้เลย เงินห้าล้านของคุณกงปุ่นนั้น ผู้น้อยหวางจะเอามาให้ไม่ให้พลาดไปสักแดงเดียว”
“หึ พูดจนน่าฟังกว่าร้องเพลงเสียอีก” หลิ่วซวนบ่นพึมพำ ความจริงแล้วการที่หวางหงอี้จะหนีเตลิดไปหรือเปล่าย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ การที่เธอต้องมาคอยเตือนกงปุ่นสองอี ก็เพื่ออยากทำให้กงปุ่นสองอีรู้สึกดีเท่านั้นเอง เพราะถึงอย่างไรกงปุ่นสองอีเป็นเงินกองโตที่หาได้ไม่ง่ายสำหรับเธอ ถ้าการทำให้กงปุ่นสองอีวางใจได้นั้น งั้นเธออย่างน้อยปีสองปีนี้ก็ไม่ต้องออกแรงมากแล้ว
หลังจากที่ไม่ได้สนใจหลิ่วซวนแล้ว หวางหงอี้ก็หันไปคุยกับกงปุ่นสองอี “คุณกงปุ่น จะสะดวกไหมถ้าจะขอช่องทางการติดต่อของคุณให้ผู้น้อยหวางได้ไหม สามวันหลังจากนี้ ผู้น้อยหวางจะเอาเงินห้าล้านมาให้ จะได้หาคุณกงปุ่นได้สะดวก”
“ได้”
กงปุ่นสองอียิ้มให้เล็กน้อย จากนั้นก็ให้เบอร์ติดต่อของตนเองไป
เรื่องวุ่นวายของกำไล ก็ผ่านพ้นไปด้วยดีไม่มีอันตรายเกิดขึ้น
หลิ่วซวนกอดแขนของกงปุ่นสองอีเอาไว้ จากนั้นก็เดินออกไปจากที่นี่–พร้อมกับกงปุ่นสองอี
ทว่าเพิ้งเย้นฟางมองไปทางหลิ่วซวนกับกงปุ่นสองอีที่กำลังเดินออกไป หน้าดำคร่ำเครียดพร้อมทั้งสบถด่าออกมา “อีนางจิ้งจอกแพศยา ทำตัวเป็นหมาให้คนญี่ปุ่นมาคอยจูงจมูกเดิน ช่างน่าอับอายขายขี้หน้ายันโคตรเหง้า!”
“เย้นฟาง อย่าพูดมั่วๆ ไม่แน่คุณผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นล่ามที่คุณกงปุ่นเชิญมาก็ได้…” หวางหงอี้เริ่มพูดด้วยความเบื่อหน่าย
“ล่ามเหรอ? คนญี่ปุ่นคนนั้นพูดภาษาหวาเซี่ยยังคล่องแคล่วกว่าพวกเราอีก เขาต้องไปเชิญล่ามมาคอยแปลด้วยเหรอ? ฉันว่าอีนางแพศยานั้นมันก็อยากจะใช้โอกาสในการปีนขึ้นเตียงกับคนญี่ปุ่นมากกว่า…” เพิ้งเย้นฟางแสยะยิ้มให้
“เฉินเฟิง?!”
เวลานั้นเอง ก็มีเสียงเรียกอย่างประหลาดใจดังขึ้น
หลี่สื้อผิงเบิกตาโต ทำราวกับเห็นผีตอนกลางวันแสกๆ นัยน์ตามีแต่ความไม่อยากจะเชื่อ
ตอนที่เขากำลังหันตัวกลับมานั้น เมื่อหันมาแล้วก็พบว่า เฉินเฟิงมายืนอยู่ด้านหลังเขา!
“ไม่เจอกันเสียตั้งนั้น ผู้จัดการหลี่”
เฉินเฟิงยิ้มให้เล็กน้อย เมื่อครู่เขามัวแต่ยืนหลบด้านหลังของหลี่สื้อผิงอยู่ตลอด เพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เดิมทีก็อยากจะลงมาช่วย แต่ไม่คิดเลยว่า หวางหงอี้จะตัดสินใจกับปัญหาเรื่องนี้ได้ง่ายดายขนาดนี้
“แก…แกมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หลี่สื้อผิงกลืนน้ำลายลงคอ การที่เฉินเฟิงมาปรากฏตัวฉับไวอยู่ที่นี่ มันทำให้เขาตกใจมาก สองสามวันนี้สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือการได้พบกับเฉินเฟิง แต่ไม่คิดเลยว่า กลัวอะไรก็จะเจออย่างนั้น
“ตอนที่พวกคุณกำลังทะเลาะกันอยู่ฉันก็มาแล้ว” เฉินเฟิงขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วมองไปที่หลี่สื้อผิง ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรมากไปหรือเปล่า เขารู้สึกว่านัยน์ตาของหลี่สื้อผิงที่มองมาทางเขามีแต่ความประหลาดใจ มีทั้งความหวาดเกรง และมีทั้งจิตใจห่อเหี่ยว…
“เสี่ยวเฟิง! แกมาที่นี่ได้ยังไง?” เมื่อเทียบกับหลี่สื้อผิงแล้ว สีหน้าของหวางหงอี้เป็นปกติขึ้นมาเยอะ ใบหน้าของเขามีทั้งนอกเหนือจากสิ่งที่คาดการณ์ไว้ แล้วยังมีความตกใจแบบยินดีด้วย
“อาหวาง ผมมาเที่ยวกับเพื่อนของผม คุณล่ะ?”
“ฉันก็มาเที่ยวเหมือนกัน ช่วงนี้ซือหยวนอารมณ์ไม่ค่อยดี ฉันก็เลยพาซือหยวนมาผ่อนคลายหน่อย พอดีเลย น้าเพิ้งกับสื้อผิงของแกก็ไม่มีเรื่องอะไรอยู่ด้วย ฉันเลยให้พวกเขามาด้วยกันเลย” หวางหงอี้ยิ้มให้
“ช่างบังเอิญจริง” เฉินเฟิงยิ้มให้ ก่อนหน้าจงลงทะเบียนขึ้นเรือนั้น เขาก็เห็นด้านหลังของหลี่สื้อผิวแล้ว ในเวลานั้นเขาคิดว่าตัวเองตาฝาดไป เพราะว่าการที่หลี่สื้อผิงกับเขาจะมาขึ้นเรื่องสำราญลำเดียวกันนั้นมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ
แต่ไม่คิดว่า ยังมีความเหลือเชื่อที่อยู่ความเหลือเชื่ออีกขั้นอีก
“ช่างบังเอิญจริงๆ ฮ่า ฮ่า” หวางหงอี้หัวเราะร่า แล้วพูดว่า “สองสามวันก่อนฉันยังติดว่าจะเชิญแกมากินข้าวที่บ้าน แต่ว่าสื้อผิงบอกว่าแกคงมัวแต่ยุ่งกับงานในบริษัท ฉันเลยยกเลิกความคิดนี้ไป ไม่คิดเลยว่า วันนี้พวกเราจะมากันที่นี่”
“ใช่สิ เสี่ยวเฟิง แกกินข้าวหรือยัง? ถ้ายังไม่ได้กินข้าว มากินกับพวกเราไหม ได้ยินว่า บนเกาะนี้อาหารทะเลนั้นเลิศรสมาก” หวางหงอี้ยิ้มให้ตอนพูด