ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 524
บทที่ 524 จุดอ่อนของอิ่งซา
เจ้าหมอนี่รู้ได้ไงเนี่ย?!
หลังจากอู่หลงกับอิงจิ่งฟูลงจากเวทีไป การประลองรอบที่สามกำลังจะเริ่มขึ้น
สมาคมการค้าจงไห่ส่งหยางเสี่ยนหมิงเข้าประลอง
ส่วนทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยส่งชายหนุ่มร่างเล็กซึ่งสูงไม่ถึงร้อยหกสิบเซนต์คนหนึ่งลงมา
“เสี่ยนหมิง เดี๋ยวพอขึ้นเวทีนะ ถ้ารู้สึกว่าเอาชนะไม่ได้ ก็ยอมแพ้เลย อย่าฝีนทน” ฉู่ยี่เฟยกำชับอย่างเคร่งเครียด ตอนนี้ข้อมูลชายหนุ่มร่างเล็กที่ทางสมาคมการค้าจงไห่มีไม่มากนัก อย่างเดียวที่ทางสมาคมรู้คือ ชายหนุ่มร่างเล็กคนนี้คาดว่าจะเคยไปขอเรียนวิชาที่นักบุญมีด
พูดอีกอย่างคือ ชายหนุ่มร่างเล็กคนนี้เป็นไปได้มากว่าจะเป็นศิษย์นักบุญมีด
ถ้าเขาเป็นศิษย์นักบุญมีดจริงๆ งั้นฝีมือของเขามีก็แค่เก่งกว่าจายเถิงจวั่นจู้ ไม่มีทางอ่อนกว่า!
“ครับ” หยางเสี่ยนหมิงพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด ก่อนขึ้นเวทีประลอง
เขายืนประจันหน้ากับชายหนุ่มร่างเล็ก เอาแค่รูปร่าง หยางเสี่ยนหมิงสูงกว่าชายหนุ่มร่างเล็กเกินครึ่ง แต่ถ้าดูจากออร่า ชายหนุ่มร่างเล็กกลับสยบหยางเสี่ยนหมิงซะอยู่หมัด
“นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ยอมแพ้ซะเถอะ” ชายหนุ่มร่างเล็กมองหยางเสี่ยนหมิงหนึ่งครั้งและพูดออกมาเสียงเรียบ
หยางเสี่ยนหมิงเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร ถึงเป็นไปได้อย่างมากว่าเขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มร่างเล็ก แต่ให้เขายอมแพ้นี่ไม่ต้องคิดเลย
เห็นหยางเสี่ยนหมิงไม่มีท่าทีจะยอมแพ้ ชายหนุ่มร่างเล็กยิ้มหยันมุมปาก
“เริ่มได้!”
วินาทีต่อมา การประลองเริ่มต้นขึ้น
ตามหลังคำประกาศของกรรมการวัยกลางคน ชายหนุ่มร่างเล็กขยับตัวแล้ว
ร่างเขาแบ่งออกเป็นสาม ทั้งสามร่างถือมีดพุ่งเข้าฟาดฟันหยางเสี่ยนหมิงพร้อมกัน
ด้านล่างเวที เฉินเฟิงขมวดคิ้วมุ่น
ชายหนุ่มร่างเล็กนี่เป็นศิษย์นักบุญมีดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ตอนนี้วิชาอิ่งซาที่ชายหนุ่มร่างเล็กแสดงออกมาเหมือนกับวิชาอิ่งซาที่นักฆ่าที่ไล่ฆ่าเขาตอนนั้นเป๊ะเลย!
ชายหนุ่มร่างเล็กที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในสามเงาร่างนี่เลย
หยางเสี่ยนหมิงจะแพ้แล้ว…
เฉินเฟิงถอนหายใจออกมา พอเขาคิดจบ ก็เห็นแขนขาดข้างหนึ่งลอยขึ้นมาจากบนเวที
สิ่งที่ตามมากับแขนขาดข้างนั้น คือ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในอากาศ
“ฉันยอมแพ้!”
หลังจากเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเสียงหนึ่งดังขึ้น หยางเสี่ยนหมิงร้องยอมแพ้ออกมา
และในตอนนี้มีดยาวของชายหนุ่มร่างเล็กอยู่ห่างจากคอหอยหยางเสี่ยนหมิงไม่ถึงหนึ่งฟุด
ถ้าเพียงหยางเสี่ยนหมิงร้องยอมแพ้ช้าไปนิดเดียว ตอนนี้หัวกับตัวเขาคงแยกร่างกันเรียบร้อย
ตามมาด้วยการประกาศผลของกรรมการ สีหน้าของคนทางสมาคมการค้าจงไห่ดำทะมึนถึงขีดสุด
หยางเสี่ยนหมิงพิการแล้ว เขาโดนตัดแขนขาดไปข้างหนึ่ง
ตั้งแต่เริ่มการประลองมา ทางสมาคมการค้าจงไห่ยังไม่มีใครบาดเจ็บหนักขนาดนี้มาก่อน
“คนญี่ปุ่นคนนั้นใช้วิชาอะไรเนี่ย?” หวู่เหวินเชี่ยนตกใจจนหน้าซีดขาด เธอไม่เคยเห็นภาพนองเลือดแบบนี้มาก่อน
“ไม่รู้” คนสมาคมการค้าจงไห่มากมายพากันส่ายหัวโดยพร้อมเพรียง หวาเซี่ยเข้าใจนักบุญมีดไม่มาก ดังนั้นลักษณะเฉพาะของวิชานักบุญมีด พวกเขาก็ไม่รู้ เหมือนเมื่อกี้ พวกเขายังไม่รู้เลยว่าหยางเสี่ยนหมิงแพ้ได้ยังไง
พวกเขารู้แต่ว่า จู่ก็มีเงาร่างสามร่างโผล่หน้าหยางเสี่ยนหมิงพร้อมกัน จากนั้นพอหยางเสี่ยนหมิงพยายามออกหมัดไปกันไว้ แขนข้างหนึ่งก็โดนตัดขาดเลย
“อิ่งซา”
ตอนนี้เอง เฉินเฟิงที่เงียบขรึมมานานก็พูดขึ้น
จะว่าไปเรื่องนี้เขาเองก็เผอเรอไปเหมือนกัน ที่จริงเขาควรจะบอกเตือนหยางเสี่ยนหมิงก่อนเรื่องจุดอ่อนของอิ่งซา หยางเสี่ยนหมิงก็คงไม่ถึงกับไม่มีแผนป้องกันอะไรเลย
“อิ่งซา?”
ทุกคนหันไปมองเฉินเฟิงด้วยสายตาตกตะลึง เฉินเฟิงรู้ได้ยังไง?
“ใช่ อิ่งซา”
“ผมเคยเจอมาก่อน”
เฉินเฟิงพูดลักษณะพิเศษของอิ่งซาออกมา แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เคยเจอนักฆ่าญี่ปุ่นมาก่อน
แต่ถึงกระนั้น หลังจากทุกคนฟังจบ ต่างมีสีหน้าแปลกพิกล ใครก็ไม่คาดคิดว่า เฉินเฟิงที่ดูไม่โดดเด่นที่สุดกลับเคยประมือกับศิษย์นักบุญมีดมาก่อน แล้วยังรอดมาได้ด้วย
“พูดแบบนี้ ร่างจริงของคนที่ใช้อิ่งซาไม่อยู่ในสามเงาร่างนั่นเลย?” หวู่เหวินเชี่ยนพูดขึ้น
เฉินเฟิงส่ายหัว: “ไม่แน่ ผมคิดว่าอิ่งซาที่แท้จริง ร่างจริงน่าจะเปลี่ยนไปได้เสมอ บางทีอยู่ในสามเงาร่างนั่น หรืออาจจะอยู่ที่อื่นไปเลย”
อิ่งซาเป็นวิชาเฉพาะที่นักบุญมีดคิดค้นขึ้น วิชานี้ไม่มีทางเหมือนตอนนี้ที่ดูง่ายแบบนี้ มันต้องมีลักษณะเฉพาะของมันอยู่
“งั้นจะแยกแยะร่างจริงได้ไงล่ะ?” หวู่เหวินเชี่ยนขมวดคิ้ว ถ้าไม่สามารถแยกร่างจริงได้ ก็ไม่มีทางจะเอาชนะอิ่งซาได้ จะมาคอยป้องกันทุกเงาร่างก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
หวังเฉียนที่เงียบขรึมมาตลอดขมวดคิ้ว คนต่อไปจะเป็นตาเขาแล้ว
ถึงตอนนั้นเขาคงต้องประลองกับชายหนุ่มร่างเล็ก ถ้าหาจุดอ่อนของอิ่งซาไม่ได้ เขาคงต้องเหนื่อยมากถึงจะเอาชนะชายหนุ่มร่างเล็กได้
“รังสีอำมหิต” เฉินเฟิงพูดเสียงขรึม “อยากจะแยกแยะร่างจริงของอิ่งซา ต้องลงมือจากรังสีอำมหิต”
“หมายความว่าไง?” หวู่เหวินเชี่ยนอึ้ง
“รังสีอำมหิต จะมีแค่คนเท่านั้นที่มี ร่างเงาไม่สามารถมีรังสีอำมหิตได้ อยากเอาชนะศิษย์นักบุญมีด ต้องหาต้นตอของรังสีอำมหิตซะก่อน” เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ
วันนั้นที่เขาเอาชนะนักฆ่าญี่ปุ่นได้ ก็อาศัยพลังหั้วจิ้งของเขา ต่อมาเขาเคยคิดถึงปัญหาหนึ่งว่า ถ้าเกิดเจอจอมยุทธ์ที่มีพลังเท่ากับเขาใช้อิ่งซา เขาจะรับมือยังไงดี?
คำตอบคือรังสีอำมหิต
มีเพียงคนเท่านั้นถึงจะสร้างรังสีอำมหิตได้ เงาร่างต่อให้ทำเหมือนจริงแค่ไหน มันก็เป็นแค่เงา
มันไม่สามารถสร้างรังสีอำมหิตแบบคนได้
ดังนั้นขอเพียงหาต้นตอของรังสีอำมหิตได้ ก็จะหาร่างจริงของอิ่งซาได้
“พูดแบบนี้ ถ้าเพียงศิษย์พี่หวังรับรู้ได้ถึงต้นตอของรังสีอำมหิต ก็จะสามารถเอาชนะชายหนุ่มร่างเล็กได้?” หวู่เหวินเชี่ยนพูดอย่างตื่นเต้น
“ประมาณนั้น” เฉินเฟิงยิ้ม ที่จริงด้วยฝีมือของหวังเฉียน ต่อให้ไม่รับรู้ถึงต้นตอของรังสีอำมหิต เขาก็สามารถเอาชนะชายร่างเล็กได้ แต่แบบนั้นหวังเฉียนต้องเหนื่อยใช้พลังมากซะก่อน ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการประลองรอบต่อไปของเขา
แผนเดิมของสมาคมการค้าจงไห่คือ หวังเฉียนจะสามารถเอาชนะจอมยุทธ์ญี่ปุ่นไปได้อย่างน้อยสี่คน
หวังเฉียนมองเฉินเฟิงอย่างแปลกใจ เดิมเขาคิดว่าสมาคมการค้าจงไห่ไม่มียอดฝีมืออะไร ตอนนี้ดูท่าเฉินเฟิงดูน่าสนใจไม่น้อยเลย
สำหรับจางเทียนเซอ…
เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาตั้งแต่แรกแล้ว
กำลังคิดๆอยู่ การประลองครั้งที่สามเริ่มขึ้นแล้ว
หวังเฉียนก้าวขึ้นเวทีไม่พูดอะไรสักคำ คู่ต่อสู้ยังเป็นชายหนุ่มร่างเล็กคนเดิม
เทียบกับการประลองรอบที่แล้ว สีหน้าชายหนุ่มร่างเล็กดูตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัดมาก
เขารู้จักหวังเฉียน
ไพ่ตายที่ใหญ่ที่สุดของสมาคมการค้าจงไห่!
การเอาชนะหวังเฉียนเสมือนกับเป็นการคว้าชัยชนะของการประลองครั้งนี้ไปได้เลย
“เริ่มได้”
กรรมการไม่พูดมาก ประกาศให้เริ่มเลย
ตามหลังเสียงกรรมการประกาศเริ่ม ชายหนุ่มร่างเล็กเหยียบพื้นอย่างแรก และทะยานขึ้นฟ้าประหนึ่งจรวดพลังแรงสูงพุ่งเข้าใส่หวังเฉียน
หวังเฉียนถือกระบี่ตั้งรับด้วยสีหน้านิ่งเฉย