ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 540
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 540 ยอมแพ้ก่อน
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? สรุปว่าแพ้หรือว่าชนะ?”
มีคนกลืนน้ำลายพลางเอ่ยถามขึ้นมา การต่อสู้ดำเนินมาจนถึงตอนนี้ล้วนเกินความคาดหมายของทุกคนไปแล้ว
มีดสายรุ้งของศิษย์นักบุญมีดนั้น หากเป็นจอมยุทธ์ทั่วไป ถึงแม้จะอยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นสุดก็คงถูกฟันจนตาย
ทว่าเมื่อเป็นเฉินเฟิงคนดูไม่มั่นใจเลยจริงๆ
ผ่านไปอีกครึ่งนาที ฝุ่นที่ปกคลุมเวทีเบาบางลงไปมากแล้ว เหตุการณ์บนเวทีก็ปรากฏสู่สายตาอีกครั้ง
หลังจากเห็นภาพบนเวทีอย่างชัดเจน ฉับพลันคนดูก็สูดหายใจครั้งหนึ่ง
บนเวทีมีรอยแยกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งรอยอย่างชัดเจน
รอยแยกนี้ยาวสามเมตรกว่า ลึกประมาณครึ่งหนึ่งของส่วนสูงมนุษย์!
เห็นได้ชัดว่ารอยแยกนี้เกิดจากฝีมือของศิษย์นักบุญมีด!
แล้วเฉินเฟิงล่ะ?
เวทีที่ทำจากคอนกรีตผสมถูกฟันจนเละแบบนี้ เฉินเฟิงคง……
เฉินเฟิงไม่เป็นอะไร!
เฉินเฟิงยังคงอยู่ในท่าเดิมนั่นก็คือยืนเอามือไขว้หลังอยู่กลางเวที
หากจะบอกว่าเฉินเฟิงมีอะไรไม่เหมือนเดิม นั่นก็คือเสื้อผ้าของเฉินเฟิงมีรูเพิ่มขึ้นมาหลายรู ใบหน้าก็ดูซีดเซียวกว่าเดิมเล็กน้อย
ทว่าย้อนกลับไปมองชายหนุ่มเจ้าของมีดสะท้านฟ้า ตอนนี้กลับอยู่ในท่ากึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของเฉินเฟิง เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด สภาพอเนจอนาถถึงขีดสุด
“ตุบ”
ชายหนุ่มมองเฉินเฟิงอย่างข้องใจ จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น สิ้นลมหายใจในพริบตา
“เฉินเฟิงชนะหรือนี่…..”
หูฉี่ซิงที่อยู่ด้านล่างเวทีเอ่ยขึ้นเสียงสั่น สีหน้าตกตะลึง การต่อสู้สนามที่ผ่านมาเฉินเฟิงจัดการเยาวชนตัวเตี้ยในหมัดเดียว ถึงแม้จะทำร้ายจิตใจเขามากขนาดไหนเขาก็ยังพอรับได้
ทว่าสนามนี้เฉินเฟิงกลับรับมีดสะท้านฟ้านั่นโดยที่ไม่เป็นอะไรเลย
นี่มันพลังอะไรน่ากลัวขนาดนี้?!
ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?
“เขาชนะแล้ว” จางเทียนเซอถอนหายใจครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆหลับตาลง เขาก็ไม่อาจยอมรับผลการต่อสู้ตรงหน้าได้ ทว่าเขาก็จำเป็นต้องยอมรับ
ความสามารถที่เฉินเฟิงแสดงออกมาในตอนนี้ข่มผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดของทั้งสองสมาคมการค้าไปหมดแล้ว
“นี่คือความสามารถที่แท้จริงของนายสินะ?”
หวังเฉียนที่นั่งอยู่บนรถเข็นยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อคืนตอนที่ฉู่ยี่เฟยบอกว่าเขาและเฉินเฟิงสูสีกัน เขายังรู้สึกเหมือนโดนดูถูก
ทว่าวินาทีนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเมื่อคืนที่ฉู่ยี่เฟยพูดแบบนั้นก็เพื่อไว้หน้าเขาเท่านั้น
ความสามารถที่แท้จริงของเฉินเฟิงเกินความสามารถของเขาไปมาก
จะพูดว่าเขาและเฉินเฟิงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันก็ว่าได้
คมมีดที่ศิษย์นักบุญมีดฟันลงมานั้นเขาก็สามารถรับได้ ทว่ารับคมมีดนั้นราคาที่เขาต้องจ่ายคือครึ่งชีวิตของเขา
แต่ราคาที่เฉินเฟิงต้องจ่ายในการรับคมมีดนั้นก็แค่เสื้อผ้าขาดไม่กี่รู
นี่คือระยะห่างระหว่างเขาและเฉินเฟิง!
ศพของศิษย์นักบุญมีดถูกหามลงจากเวที
จอมยุทธ์หลายคนของทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยมีสีหน้าเหมือนญาติเสีย ส่วนกงปุ่นสองอีนั้นโมโหจนตัวสั่น
สองคนแล้ว!
การต่อสู้ดำเนินมาจนถึงตอนนี้ ศิษย์นักบุญมีดตายไปสองคนแล้ว!
อีกทั้งคนที่ตายเมื่อสักครู่ยังเป็นถึงศิษย์รักของนักบุญมีด
เขาจะอธิบายกับนักบุญมีดยังไง?
“ไร้ยางอาย! ไร้ยางอายที่สุด!”
“ก่วนหนานเทียน คุณให้จอมยุทธ์ขั้นหั้วจิ้งมาเข้าร่วมการต่อสู้ได้อย่างไร?!”
บนที่นั่งวีไอพี กงปุ่นป้านฉางก็โมโหจนตัวสั่นเช่นเดียวกัน วินาทีนี้หากเขายังมองลำดับขั้นที่แท้จริงของเฉินเฟิงไม่ออก เขาก็คงปัญญาอ่อนแล้วล่ะ
หั้วจิ้ง!
ขั้นหั้วจิ้งแน่นอน!
อีกทั้งยังเป็นแบบที่เข้าขั้นหั้วจิ้งมาสักระยะหนึ่งแล้ว!
ไม่อย่างนั้นมันไม่มีทางรับคมมีดนั้นของศิษย์นักบุญมีดได้
“กงปุ่น ตามกฎการต่อสู้เหมือนว่าจะไม่มีข้อไหนที่บอกว่าจอมยุทธ์ขั้นหั้วจิ้งห้ามเข้าร่วมการต่อสู้นะ” ก่วนหนานเทียนยกยิ้มพลางเอ่ยปาก ในตอนนี้เขาสุขใจเป็นอย่างมาก
เขาทั้งสุขใจที่เฉินเฟิงฆ่าศิษย์นักบุญมีดได้และสุขใจกับความสามารถของเฉินเฟิง
เกินความคาดหมายจริงๆ
แม้แต่เขาก็ยังคิดไม่ถึงว่าความสามารถของเฉินเฟิงอยู่ในขั้นหั้วจิ้ง!
หั้วจิ้งตอนอายุยี่สิบห้าปี!
ถือว่าเป็นการสร้างสถิติใหม่เลยก็ว่าได้!
อย่างน้อยในวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ย ไม่เคยมีใครผ่านมาถึงขั้นหั้วจิ้งก่อนอายุยี่สิบห้าปีแน่นอน
ก่อนหน้าเฉินเฟิง วงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ยมีคนที่อายุน้อยที่สุดที่ผ่านมาถึงขั้นหั้วจิ้งได้คือโจวโพ่เทียนเจ้าสำนักของสำนักคุนหลุน
อายุสามสิบสามปี
โจวโพ่เทียนอยู่ในขั้นหั้วจิ้งตอนอายุสามสิบสามปี
เขาคือคนที่ผ่านเข้าขั้นหั้วจิ้งได้เร็วที่สุด
ทว่าในวันนี้สถิตินี้ถูกทำลายโดยเฉินเฟิงแล้ว อีกทั้งยังทำลายสถิติอย่างน่ากลัวด้วยระยะห่างถึงแปดปี
หลังจากวันนี้ชื่อเสียงของเฉินเฟิงก็จะกระฉ่อนไปทั่ววงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ย
กงปุ่นป้านฉางพูดไม่ออก ก็เป็นความจริงที่ว่าในกฎไม่มีข้อไหนที่กล่าวไว้ว่าห้ามจอมยุทธ์ขั้นหั้วจิ้งเข้าร่วมการต่อสู้……
ทว่าเพื่อป้องกันจอมยุทธ์ขั้นหั้วจิ้งเข้าร่วมการต่อสู้ พวกเขาจึงตั้งกฎขึ้นมาว่าจอมยุทธ์ที่อายุเกินสามสิบปีห้ามเข้าร่วมการต่อสู้
แต่ใครจะคาดคิดว่าทางหวาเซี่ยจะมีคนแปลกประหลาดอย่างเฉินเฟิง ถือว่าเขาทำลายกฎเกณฑ์การฝึกวิชาแบบเดิมไปเลยทีเดียว!
ถึงแม้จะเริ่มฝึกวิชาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาก็ไม่สามารถผ่านขั้นหั้วจิ้งก่อนอายุสามสิบปีได้
“ยังจะแข่งต่อไหม?” ก่วนหนานเทียนหันไปมองกงปุ่นป้านฉาง หากกงปุ่นป้านฉางยังจะแข่งต่อจะได้ให้เฉินเฟิงจัดการอัจฉริยะของประเทศญี่ปุ่นอีกสักคนสองคน
“ไม่แข่งแล้ว ยอมแพ้” กงปุ่นป้านฉางกัดฟังพูด ยังจะแข่งอะไรอีก จอมยุทธ์ขั้นอ้านจิ้งและจอมยุทธ์ขั้นหั้วจิ้งไม่มีอะไรให้แข่งเลยด้วยซ้ำ
อย่าว่าแต่คนเดียวเลย ถึงสมาคมการค้าเชียสุ่ยจะส่งจอมยุทธ์ขึ้นสิบคนพร้อมกันก็ไม่อาจเอาชนะเฉินเฟิงได้
“ยอมแพ้งั้นหรือ?” ก่วนหนานเทียนยกยิ้ม “คุณแน่ใจนะว่าจะยอมแพ้?”
“หากยอมแพ้จริงๆ สมบัติทั้งสองชิ้นนั้นก็จะตกเป็นของสมาคมการค้าจงไห่เลยนะ”
“ฉันแน่ใจ!” กงปุ่นป้านฉางกัดฟังดังกรอด แววตาปรากฏไฟโทสะลุกโชนตลอดเวลา
แพ้แล้ว!
ครั้งนี้แพ้หมดรูปแล้ว!
ถึงเขาไม่อยากจะยอมรับ แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าครั้งนี้สมาคมการค้าเชียสุ่ยแพ้อย่างหมดรูปจริงๆ
เสียอัจฉริยะไปหลายคนยังไม่ว่า เงินพนันสองแสนล้านและสมบัติสองชิ้นนั่นก็ไม่ได้มา
เสียทั้งขึ้นทั้งล่องจริงๆ
ทั้งหมดนี่เป็นเพราะเฉินเฟิงคนเดียว!
“เช่นนั้นก็ให้เสี่ยวซู๋ประกาศผลเถอะ” ก่วนหนานเทียนสั่งการอย่างเสียดาย ตอนแรกยังวางแผนจะให้เฉินเฟิงจัดการอัจฉริยะของประเทศญี่ปุ่นอีกสักสองคน แต่คิดไม่ถึงว่ากงปุ่นป้านฉางจะ ‘รู้ทัน’แบบนี้
เสี่ยวซู๋ที่ก่วนหนานเทียนพูดถึงก็คือผู้ตัดสินวัยกลางคนนั่นเอง
เมื่อได้ยินว่ากุงเปุ่นป้านฉางยอมแพ้ สีหน้าของเสี่ยวซู๋ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
สมาคมการค้าจงไห่และสมาคมการค้าเชียสุ่ยจัดการต่อสู้มาเจ็ดครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ประกาศยอมแพ้ทั้งที่ยังไม่จบการแข่งขัน
“การต่อสู้ในครั้งนี้จบลงเพียงเท่านี้ ฝ่ายที่ได้รับชัยชนะในครั้งนี้คือ–สมาคมการค้าจงไห่!”
เสี่ยวซู๋ประกาศผลเสียงสูงด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ฉับพลันด้านล่างเวทีก็เกิดเสียงอื้ออึงทันที
“หมายความว่ายังไง? ยังเหลืออีกสองสนามไม่ใช่หรือ?ทำไมจู่ๆก็จบการแข่งขันแล้วล่ะ?”
“เหมือนว่าทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยจะยอมแพ้ก่อน”
“ยอมแพ้ก่อนงั้นหรือ?!”
ทั้งสนามมีเสียงดังอื้ออึงดังขึ้นอีกครั้ง สามสิบห้าปีที่ผ่านมาสมาคมการค้าจงไห่และสมาคมการค้าเชียสุ่ยจัดการต่อสู้ไปแล้วเจ็ดครั้ง การต่อสู้ครั้งที่ผ่านๆมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทั้งสองฝ่ายก็จะอยู่จนจบการแข่งขัน
ทว่าครั้งนี้สมาคมการค้าเชียสุ่ยกลับประกาศยอมแพ้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน…