ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 606
บทที่ 606 อันดับสองของชาร์ตการแข่งขันรถใต้ดิน
ได้ยินคำวิจารณ์เหล่านั้น จิตใจของเหล่านักแข่งหวาเซี่ยที่มาถึงก่อนก็เต็มไปด้วยความกังวลและแปลกใจ พวกเขารู้จากปากของเจ้าหน้าที่สนามแข่งรถใต้ดิน ผูชางจวู้นให้บอดี้การ์ด 2 นายมาเฝ้ารถแข่งของเขาโดยเฉพาะ ไม่ให้ห่าง เพื่อป้องกันคนมาทำตุกติกกับรถแข่งของเขา บูกัตติ เวย์รอนสีขาวที่ติดทะเบียนประเทศกาวลี่ ตั้งแต่ไหนมาไม่เคยมีใครได้สัมผัสเลย ถึงขนาดไม่มีใครเคยได้เฉียดในระยะ10เมตร
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สนามแข่งรถใต้ดินยังบอกพวกเขาอีกว่า ที่ลู่แข่งก็ไม่มีการตุกติก
ซึ่งหมายความว่า เฉินเฟิงต้องใช้ฝีมือในการชนะผูชางจวู้นอย่างบริสุทธิ์เปิดเผย!
เช่นนี้…จะไม่ให้พวกเขาแปลกใจได้อย่างไร?
5นาทีต่อมา ท่ามกลางการจับจ้องของฝูงชน เฉินเฟิงพาหวู่เหวินโป๋กับจี้หงมายังจุดสตาร์ท จี้หงนำกุญแจรถบูกัตติ เวย์รอนยื่นให้ตรงหน้าเฉินเฟิง
“ชาร์ตการแข่งรถใต้ดินในฤดูกาลใหม่ล่าสุดประกาศออกมาแล้ว ผูชางจวู้นติดอันดับ2ของชาร์ต! เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมปีที่แล้วในคืนคาร์นิวัลไนท์คืนนั้นเขาเอาชนะราชารถอเมริกาเหนือได้ในการแข่งขันรถใต้ดินที่โตเกียว!”
นาทีถัดมา ขณะที่เฉินเฟิงรับกุญแจรถ นักแข่งรถหวาเซี่ยที่สนใจในชาร์ตการแข่งขันรถใต้ดินมาตลอดพอเห็นชาร์ตการแข่งขันรถใต้ดินฤดูกาลใหม่ล่าสุดก็อดอุทานด้วยความตกใจไม่ได้
เฮ้ย!
คำอุทานที่หลุดจากปากของนักแข่งหวาเซี่ยรายนั้น สีหน้าของเหล่านักแข่งรถหวาเซี่ยที่อยู่รอบๆ ตัวเขาก็ถอดสีไปด้วย!
เพราะพวกเขา รู้ดีถึง ความหมายของชาร์ตที่เปลี่ยนแปลง——ผูชางจวู้นเป็นรองแค่หวังเก๋อเซินนักแข่งรถยุโรปในวงการแข่งขันรถใต้ดินบนโลกใบนี้!
ไม่ใช่แค่พวกเขา สีหน้าของจี้หงก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน!
ภายใต้แสงไฟ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจลึกๆ กระทั่งมือที่กุมกุญแจเอาไว้ก็สั่นเทา
ที่ตกใจ ก็เพราะเขาไม่เคยรู้ว่าผูชางจวู้นเอาชนะราชารถอเมริกาเหนือได้——ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เขาเคยท้าแข่งกับราชารถอเมริกาเหนือ สุดท้ายพ่ายแพ้ไปในที่สุด อีกทั้งยังทิ้งห่างไม่น้อย!
ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าคนที่ต้องแข่งขันกับผูชางจวู้นเป็นเขา ความเป็นไปได้ที่จะแพ้สูงมาก!
“ฮ่าๆ พวกนายเห็นสีหน้าของนักแข่งหวาเซี่ยพวกนั้นไหม? น่าตื่นตาจริงๆ !”
“หึ เวลานี้ต่อให้พวกหวาเซี่ยงี่เง่าพวกนั้นรู้สึกเสียใจทีหลัง ให้ราชารถหวาเซี่ยมาลงแข่งมันก็เท่านั้น——ในหวาเซี่ย ในวงการแข่งรถใต้ดินไม่มีใครเป็นคู่แข่งของผูชางจวู้นได้!”
ในขณะที่นักแข่งรถหวาเซี่ยกำลังตกใจกับชาร์ตการแข่งขันรถใต้ดินที่เปลี่ยนแปลง บรรดานักแข่งรถกาวลี่รู้มานานแล้ว ก็ยิ้มพรั่งพรูขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
“ไม่ต้องห่วง เขาจะติดชาร์ตอันดับไหนก็เหมือนกัน”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของพวกนักแข่งกาวลี่ที่อื้ออึงในหู ลอยไปยังสีหน้าที่หวาดผวาของจี้หง เฉินเฟิงตบไปที่หัวไหล่ของจี้หง แล้วก็รับกุญแจรถมา ก้าวเท้าเดินไปยังรถบูกัตติ เวย์รอนสีดำที่จอดอยู่จุดสตาร์ทในลู่แข่ง
“อาจารย์ จากที่เจ้าหน้าที่ในสนามแข่งบอก หมอนั่นไม่ได้ให้ใครแอบเล่นตุกติกในลู่แข่ง อาจารย์ว่าเขาคิดจะทำอะไร?”
ในเวลาเดียวกัน หลี่ตงชิงที่อยู่หน้ารถบูกัตติ เวย์รอนสีขาวที่ติดป้ายทะเบียนประเทศกาวลี่คันนั้น อดที่จะเอ่ยปากถามขึ้นมาไม่ได้
เมื่อ20นาทีก่อนหน้านี้ เขากับผูชางจวู้นรู้ฐานะของเฉินเฟิงผ่านเว็บข่าวจากตระกูลหลี่ แต่ไม่ได้บอกนักแข่งกาวลี่คนอื่น
“ฉันไม่สนว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่ฉันแน่ใจว่า เขาไม่มีความหวังแม้แต่ริบหรี่ที่จะชนะการแข่งขัน!”
ผูชางจวู้นหัวเราะพูดอย่างเยือกเย็นว่า: “ต่อให้เสร็จการแข่งขันรู้ผลแล้ว ตุกติกเบี้ยวสัญญา อย่างน้อยพวกเราก็ชนะเงินเดิมพันพันล้านดอลลาร์ แล้วหวาเซี่ยในวงการแข่งขันรถใต้ดินจะตกต่ำกลายเป็นตัวตลกให้หัวเราะเยาะของวงการแข่งขันรถใต้ดินทั่วโลก และเขาก็จะกลายเป็นนักโทษของวงการแข่งรถใต้ดินหวาเซี่ย!”
“ก็จริง”
หลี่ตงชิงพยักหน้า แล้วก็มองดูเฉินเฟิงกับพรรคพวกอีกสองคนเดินเข้ามาใกล้ พูดด้วยความไม่พอใจว่า: “ว่าแต่ ไอ้เวรนี่ก็ยโสเหลือเกิน เกิดมันกล้าเบี้ยวสัญญา ถ้าไม่เพราะอยู่ในดินแดนหวาเซี่ย ผมเอามันตายไปแล้ว!”
หืม?
เสียงลดต่ำลง สีหน้าของหลี่ตงชิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาสัมผัสได้ว่าถูกล็อกเป้าด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก!
“จำคำพูดพวกนายไว้ให้ดี!”
เฉินเฟิงจ้องมาที่หลี่ตงชิงกับผูชางจวู้นอย่างเยือกเย็น เผยยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มเหมือนการเพรียกหาของเทพแห่งความตาย!
คำพูดของเฉินเฟิงที่ดังอยู่ในหู รู้สึกถึงความหนาวเหน็บในพงไพร สายตาของเฉินเฟิง ไม่ว่าจะเป็นหลี่ตงชิง หรือผูชางจวู้นต่างรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมา ความรู้สึกเช่นนั้นราวกับถูกสัตว์ร้ายตัวหนึ่งจ้องเอาไว้
เฉินเฟิงไม่ได้พูดอะไรมากอีก ทว่าแตะหัวไหล่ของผูชางจวู้นกับหลี่ตงชิงแล้วก็เดินผ่านยังข้างตัวรถบูกัตติ เวย์รอนสีดำ เปิดประตูรถออก เข้าไปในรถ นั่งลงตรงที่คนขับ รอเริ่มการแข่งขัน
“อาจารย์ เขาเต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์กับเรา จะให้ผมติดต่อภายในประเทศ เตรียมตัวรับมือ เผื่อเอาไว้ก่อนไหม?” ในเวลาเดียวกัน หลี่ตงชิงที่จากเมื่อครู่หวาดผวากลับมามีสติ ขอคำแนะนำ
“ไม่ต้อง เขาไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก”
ใบหน้าผูชางจวู้นดูมั่นใจ ตระกูลซงจิ่งเป็นหนึ่งในตระกูลเศรษฐีของกาวลี่ เป็นที่น่าเกรงขามในดินแดนกาวลี่ ถึงขั้นส่งผลต่อการเมืองได้
เขาไม่เชื่อว่าถ้าเฉินเฟิงแพ้การแข่งขันแล้ว จะกล้าล่วงเกินตระกูลของผูชางจวู้น เขาต้องได้รับผลตอบแทนที่กล้าทำให้ตระกูลผูชางจวู้นจนถึงดินแดนกาวลี่ขุ่นเคือง
เพราะอย่างไร จะทำให้กระทบต่อความสัมพันธ์ของหวาเซี่ยกับกาวลี่สองดินแดนนี้ได้! ส่วนถ้าเฉินเฟิงชนะการแข่งขัน…
สำหรับเขาแล้ว ความเป็นไปได้เช่นนั้นไม่มีอยู่แล้ว!
พอได้ยินคำพูดของผูชางจวู้น สัมผัสได้ถึงความมั่นใจของผูชางจวู้น หลี่ตงชิงก็เลิกครุ่นคิด และเข้าใจในกุญแจสำคัญ จึงไม่ต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก เดินจากไปอย่างรู้ความ
ส่วนผูชางจวู้นก็เข้าไปในรถ มองไปข้างหน้าลู่แข่งที่ไม่มีขีดสิ้นสุด เช่นเดียวกับเฉินเฟิง ที่รอเริ่มการแข่งขัน
“สุภาพบุรุษ สุภาพสตรีผู้มีเกียรติทุกท่าน การแข่งขันรถครั้งสุดท้ายระหว่างหวาเซี่ยกับกาวลี่ในค่ำคืนนี้กำลังจะเริ่มขึ้น! ฝ่ายกาวลี่ยังคงเป็นผูชางจวู้นราชารถกาวลี่เป็นผู้ลงสนาม ส่วนทางฝ่ายหวาเซี่ยเป็นเฉินเฟิงลงสนามแทนราชารถหวาเซี่ยหวังจี้หง !”
หลังจากเฉินเฟิงกับผูชางจวู้นเข้าไปในรถตามลำดับ เสียงที่คุ้นหูของเจ้าหน้าที่สนามแข่งก็ดังเข้ามา เสียงของเธอผ่านลำโพงดังสนั่นขึ้นท้องฟ้าไปทั่วสนามแข่ง กระจาย
บรรยากาศก่อนการแข่งขัน “จากที่พวกเราในสนามแข่งรู้ข่าวมา ก่อนหน้านี้เฉินเฟิงนักแข่งรถหวาเซี่ย ไม่เคยมีเรคคอร์ดว่าเคยเข้าร่วมการแข่งรถใต้ดินมาก่อน แล้วทำไมเขาต้องลงแข่งขันแทนราชาหวาเซี่ยหวังจี้หงด้วยล่ะ? แล้วเขาจะสามารถเอาชนะผูชางจวู้นจากกาวลี่ได้หรือไม่? เราจะมาคอยติดตามชมกัน!”
“พี่เฟิงสู้ ๆ !”
“คุณชายเฉินต้องชนะ!”
“คว่ำไอ้ขี้ข้ากาวลี่มันเลย!”
……
เมื่อเสียงของเจ้าหน้าที่ในสนามแข่งลดลง หวู่เหวินโป๋ก็ตะโกนเสียงนำเชียร์เฉินเฟิง จากนั้นนักแข่งรถหวาเซี่ยและฝูงชนสองข้างทางเต็มพื้นที่ในสนามก็ส่งเสียงเชียร์กันเกรียวกราว
แม้พวกเขาจะคิดว่าความเป็นไปได้ที่เฉินเฟิงคิดจะใช้ฝีมือเอาชนะผูชางจวู้นมีเพียงริบหรี่ จนแทบไม่มีอยู่ แต่ลึกๆ ในจิตใจของพวกเขาก็ยังหวังว่าเฉินเฟิงจะสามารถสร้างตำนานในวงการรถแข่งใต้ดินได้!
“หึ! คิดไม่ถึงว่าพวกเขายังเพ้อฝันว่าคนหวาเซี่ยจะเอาชนะอาจารย์ได้ !”
“ถ้าไปคว้าหมาแมวบนท้องถนนที่ไหนมาชนะอาจารย์ได้ งั้นอันดับรถใต้ดินก็คงเป็นเรื่องตลก!”
“หึ! คนหวาเซี่ยชอบใช้ชีวิตอยู่ในความเพ้อฝัน เป็นชนชาติที่มีปมด้อย ขี้ขลาดและน่าสงสาร เมื่อก่อนเป็นอย่างไร ตอนนี้และต่อไปก็ยังเป็นอย่างนั้น !”
“ฮ่าๆๆ …”