ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 637
บทที่ 637 บีบบังคับให้เขารับคำท้า
“ถูกต้อง แต่ว่า ฉันสงสัยมาก เฉินเฟิงเก็บตัวถือศีลแล้วจะได้ผลลัพธ์มากเท่าไหร่? หรือเขาจะบรรลุหั้วจิ้งชั้นกลางขึ้นมากะทันหัน?”
“เฉินเฟิงเพิ่งบรรลุหั้วจิ้งมาได้ไม่นาน อยู่ดีๆจะบรรลุหั้วจิ้งชั้นกลางในเวลาสั้นๆได้ยังไง จากที่ฉันมอง ฉันว่าเขาคงกำลังทำความเข้าใจศิลปะการต่อสู้สักอย่างมากกว่า เพื่อเพิ่มความสามารถ”
“ถ้าอย่างนั้นปัญหาก็มาละ สรุปแล้วเขาจะรับคำท้าหรือไม่?”
…….
เวลาไม่นาน บูโดหวาเซี่ยและพื้นที่อื่นๆก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการประลองอย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างจิ่งเถิงและเฉินเฟิง
แต่ว่า เรื่องนี้ ไม่มีคนที่มีอำนาจในวงการศิลปะการต่อสู้แม้แต่คนเดียวที่จะออกมาพูดแสดงความคิดเห็น ถึงขั้นไม่มีเจ้าสำนักและมหาปรมาจารย์หั้วจิ้งเอ่ยปากพูด คนที่พูดเรื่องพวกนี้มีแค่ลูกศิษย์ในสำนักเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะเจ้าสำนักและมหาปรมาจารย์หั้วจิ้งไม่แน่ใจว่าเฉินเฟิงจะรับคำท้าไหม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือเงียบเอาไว้ ถ้าหากวิเคราะห์ผิดไป วันข้างหน้าจะเป็นการตบหน้าตนเองก็คงแย่
ในขณะที่พวกเขาเงียบ ก็เฝ้ารอคอย รอคอยว่าเรื่องจะไปถึงไหน รอคำตอบจากเฉินเฟิง
สำหรับเรื่องทั้งหมดนี้ เฉินเฟิงไม่รู้แม้แต่น้อย
ห้าวันที่ผ่านมานี้ เขาเอาแต่หมกมุ่นกับการศึกษาและสร้างสรรค์ศิลปะการต่อสู้ ไม่สามารถหลุดออกมาได้——นอกจากเวลากินข้าวและนั่งสมาธิแล้ว เวลาที่เหลือเขาก็เอาแต่ศึกษาศิลปะการต่อสู้
จากนั้น——ผ่านไปห้าวันแล้ว เขายังคงไม่สามารถคิดศิลปะการต่อสู้ที่เป็นของตนเองได้
พูดให้ถูกต้อง เขาไม่สามารถคิดท่าไม้ตายกระบวนท่าที่สองต่อจากหักแม่น้ำ
ไม่มีศิลปะการต่อสู้ใด ที่สามารถคิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน ต่างต้องมีขั้นตอนของมัน จำเป็นต้องลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท้ายที่สุดค่อยประสานเข้าด้วยกัน กลายเป็นศิลปะการต่อสู้ด้านหนึ่ง
พระอาทิตย์ตก เฉินเฟิงราวกับเป็นไฟฟ้า เขาเข้าออกไปมาในสวนของวิลล่า หรือรอยทิ้งเอาไว้ ฟู่!
จู่ๆ เฉินเฟิงหยุดชะงัก ร่างกายบิดหมุนราวกับเป็นเกลียว จากนั้นหัวเข่าทั้งสองข้างงอลง อยู่ในท่าทางนั่งลอยอากาศ เท้าทั้งสองข้างราวกับเป็นตะปูที่ตอกติดพื้น หมัดขวาราวกับเป็นกระบอกปืนขนาดใหญ่ พุ่งตัวกระแทกออกไป
พึ่บ!พึ่บ!พึ่บ!
ต่อยหมัดออกไป อากาศแตกเป็นเสี่ยงๆ พลังของหมัดน่ากลัวมาก
ตามด้วย เฉินเฟิงดึงหมัดกลับ ยืนอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ ครุ่นคิด
“วิชากระบี่ฮุ่ยหลิ่วเป็นหนึ่งในวิชากระบี่ของนักฆ่า ใช้วิชากระบี่นี้มาเป็นพื้นฐานของกระบวนท่าที่สอง แล้วดัดแปลง ขยาย เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมาก แต่รู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่าง
เฉินเฟิงขมวดคิ้วเป็นปม บ่นพึมพำ
หลังจากผ่านการครุ่นคิดและฝึกซ้อมมาถึงห้าวัน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจใช้กระบี่ฮุ่ยหลิ่วเป็นพื้นฐานของกระบวนท่าที่สอง คิดค้นท่าไม้ตายกระบวนท่าที่สอง
หัวใจสำคัญของกระบี่ฮุ่ยหลิ่วไม่ใช่“หันตัวแทง” แต่เป็น“หันม้าแทง” จำเป็นต้องให้ผู้ที่ใช้จงใจหลอกล่อศัตรูให้ตามมา จากนั้นใช้กระบี่แทงด้านหลังของศัตรู(หรือใช้ดาบฟัน) ฉวยโอกาสหมุนเปลี่ยนหัวม้า ใช้ม้าทั้งสองเป็นรูปทรงl แล้วโจมตี
เวลานี้ ศัตรูได้ใช้กระบวนท่าออกมาแล้ว อาวุธไม่สามารถดังกลับมาได้อีก ไม่อาจป้องกันตัว ก็จะถูกแทง(หรือฟัน)ด้วยม้า
จะทำทั้งหมดนี้ สิ่งแรกต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ในอันตราย รองจากนั้นต้องหาจังหวะให้ดี สุดท้ายถ้าใช้ตอนที่อยู่บนหลังม้า ต้องรวมเป็นหนึ่งกับม้าศึก
นี่เป็นหัวใจสำคัญของวิชากระบี่โบราณกระบี่ฮุ่ยหลิ่ว เฉินเฟิงสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถึงขั้นสามารถพัฒนาแก้ไขให้ดีขึ้น
เมื่อเป็นแบบนี้ คนที่ใช้กระบวนท่านี้ จำเป็นรักษาระยะห่างระหว่างตนและศัตรูทั้งยังต้องรักษาโอกาสเอาไว้ให้ดี หากไม่ระมัดระวัง จะเข้าสู่อันตราย ถูกศัตรูฆ่าได้
เฉินเฟิงผ่านการฝึกซ้อมไม่หยุดติดต่อกันหลายวัน นำวิชาหมัดผสานเข้าไปด้านใน เขาได้ดัดแปลงกระบี่ฮุ่ยหลิ่วให้เหมาะกับจอมยุทธ์ปัจจุบันในการฆ่าด้วยมือเปล่าและการฆ่าด้วยกรีซ แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่าง
“ขาดอะไรกันแน่?” เฉินเฟิงเข้าสู่ภวังค์ความคิด โดยที่ไม่รู้เลยว่าด้านนอกวุ่นวายกันแค่ไหนเพราะหนังสือท้าประลองของจิ่งเถิง……
แปดวันแล้ว
นับตั้งแต่จิ่งเถิงผู้สืบทอดตระกูลจิ่งส่งหนังสือท้าประลอง เวลานี้ผ่านมาแปดวันแล้ว แต่เฉินเฟิงยังคงไม่ปรากฏตัวออกมา ไม่ให้คำตอบใดๆ
“เรื่องมาถึงขั้นนี้ สามารถมั่นใจได้แล้วว่า เฉินเฟิงไม่รับคำท้า”
“น่าเสียดายจริงๆ เดิมทียังอยากจะไปทะเลสาบตะวันตกเพื่อดูการต่อสู้ด้วยตาตนเอง ดูว่าจิ่งเถิงผู้สืบทอดศิลปะการต่อสู้แห่งตระกูลใหญ่ที่ซ่อนตัวเอาไว้นั้นเก่งแค่ไหน ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ความปรารถนานี้คงไม่เป็นจริง”
“ไม่ต้องไปดูด้วยตนเองหรอก ความจริงได้พิสูจน์แล้ว——เฉินเฟิงสามารถฆ่าหั้วจิ้งชั้นกลางยอดฝีมือของศิลปะการต่อสู้ แต่ไม่กล้ารับคำท้าของจิ่งเถิง แสดงว่าความสามารถของจิ่งเถิงสูงกว่าจอมยุทธ์หั้วจิ้งชั้นกลาง ถึงขั้นเป็นไปได้ว่าจะสูงกว่าจอมยุทธ์หั้วจิ้งชั้นสูงสุด!”
การเงียบของเฉินเฟิง ทำให้ทุกคนยิ่งเชื่อว่าเขาไม่กล้ารับคำท้า ในเวลาเดียวกันก็ตื่นตกใจกับความแข็งแกร่งของจิ่งเถิง!
ขณะที่คำเล่าลือนี้แพร่ออกไปจากบูโด ในเวลาเดียวกันที่แพร่ไปพื้นที่ต่างๆ จิ่งเถิงที่ชีวิตนี้เพิ่งออกมาจากพื้นที่บรรพบุรุษของตระกูลจิ่งเป็นครั้งที่สอง มาถึงคฤหาสน์ตระกูลจิ่งที่ตั้งอยู่ชานเมืองหนานกุ้ย
การมาของจิ่งเถิง ผู้มีอำนาจในสายตระกูลจิ่งมาต้อนรับด้วยตนเอง
หลังจากงานเลี้ยงต้อนรับ จิ่งหยุนหลินซึ่งเป็นตัวแทนของตระกูลจิ่งในวงการสามัญชนพาจิ่งเถิงไปที่ห้องหนังสือของตนเอง นอกเหนือจากนี้ ยังมีมู่หยางซึ่งเป็นอู่ถงของจิ่งเถิง
“เสี่ยวถึง นายจะรอให้เฉินเฟิงตอบกลับแล้วค่อยมุ่งหน้าไปทะเลสาบตะวันตก หรือจะไปตามแผนการเดิมที่วางไว้ ไปทะเลสาบตะวันตกวันพรุ่งนี้?” หลังจากมู่หยางต้มน้ำชาเสร็จ จิ่งหยุนหลินอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“อื้ม คนบนโลกพากันพูดว่าเฉินเฟิงเหี้ยมโหด บอกว่าเป็นชายหนุ่มอันดับหนึ่งของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ย ใช้เลือดล้างประเทศญี่ปุ่นด้วยกำลังของตนเอง ฆ่าจอมยุทธ์หั้วจิ้งติดต่อกันหลายคน ภายใต้การตามไล่ล่าฆ่าของทั้งประเทศญี่ปุ่น สามารถออกมาจากญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย สร้างตำนานเอไว้” คำตอบของจิ่งเถิงไม่ได้ตอบในสิ่งที่ถาม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก “จากที่ฉันดู ก็เป็นแค่ชื่อเสียงจอมปลอม มันเป็นผู้ชายขี้ขลาดชัดๆ แม้แต่รับคำท้าของฉันยังไม่กล้า!”
“คุณชายครับ จากที่ผมดู เฉินเฟิงอะไรนั่นก็แข็งแกร่งกว่าอัจฉริยะของเส้าหลิน อู่ตังและเอ๋อร์เหมยนิดหน่อยเท่านั้น เขาคงได้ยินเรื่องที่คุณชายเอาชนะอัจฉริยะสำนักใหญ่เมื่อหกปีก่อนตอนที่ออกมาท่องโลก ก็เลยตกใจจนไม่กล้ารับคำท้า แม้แต่โผล่หน้าออกมาก็ยังไม่กล้า” มู่หยางเอ่ยปากพูด จากนั้นหัวเราะในลำคอ:“ไม่ต้องพูดถึงคุณชาย ถ้าได้สู้กัน ผมฆ่าเขาเหมือนเชือดไก่!”
“เสี่ยวเถิง ถ้าเฉินเฟิงไม่ยอมปรากฏตัวออกมาตอบรับคำท้านาย คุณปู่ของนายคิดจะให้นายทำยังไง?” จิ่งหยุนหลินเอ่ยปากพูดอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะเป็นตัวแทนของตระกูลจิ่งสามัญชน แต่ก็มีตำแหน่งภายในตระกูลจิ่ง ดังนั้นเขารู้ดี ที่จิ่งเถิงถ้าประลองกับเฉินเฟิง นอกจากสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลจิ่งแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเหตุผล ซึ่งก็คือตระกูลเฉินร้องขอให้ช่วย ให้ช่วยฆ่าเฉินเฟิงในที่ประลอง!
ภายใต้สถานการณ์นี้ ถ้าเฉินเฟิงไม่ยอมรับคำท้า แผนการของตระกูลเฉินก็ล้มเหลวหมด
เขาที่ถามในเวลานี้ เป็นเพราะอยากรู้ว่าจิ่งเถิงมีแผนสำรองหรือโครงการอะไรไหม
“ถ้ามันไม่รับคำท้า ฉันก็จะบีบให้มันรับคำท้า!”จิ่งเถิงหัวเราะในลำคอ ท่าทีของเขาราวกับถ้าไม่สามารถฆ่าเฉินเฟิงได้ก็จะไม่ยอมหยุดง่ายๆ
“หมายความว่ายังไง?” จิ่งหยุนหลินสงสัยเล็กน้อย
“อาจิ่ง ฉันได้ปรึกษากับคุณปู่แล้ว ถ้าเฉินเฟิงไม่รับคำท้า ฉันก็จะให้มู่หยางส่งคนไป เอาภรรยาของมันมาเป็นผู้หญิงที่คอยปรนนิบัติรับใช้มู่หยาง” จิ่งเถิงหัวเราะเย็นยะเยือก
เมื่อได้ฟัง จิ่งหยุนหลินชะงัก ให้ภรรยาของเฉินเฟิงมาเป็นคนใช้ของมู่หยาง จะสามารถทำให้เฉินเฟิงรับคำท้าหรอ?