ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 653
บทที่ 653 สแลชมังกร
“ใช่สิ หมัดนั้นของจิ่งเถิงเมื่อกี้เรียกได้ไร้คู่ต่อสู้จริงๆ นี่เป็นเฉินเฟิงนะ ถ้าเป็นจอมยุทธ์ระดับต้นหั้วจิ้งคนอื่นคงโดนฆ่าไปแล้วล่ะ!” บางคนเออออเห็นด้วย
“อาการบาดเจ็บของเฉินเฟิงไม่เบาเลย เขาไม่เพียงแผลปริแตก ดูท่าอวัยวะภายในก็ได้รับบาดเจ็บด้วย ไม่งั้นคงไม่มีเลือดไหลที่มุมปากหรอก” บางคนวิเคราะห์ออกมาตามสภาพของเฉินเฟิง
“เดิมคิดว่าเฉินเฟิงจะสามารถเสมอต่อไปได้เรื่อยๆ ตอนนี้ดูแล้วศึกวันนี้เขาน่าจะไม่ไหวแล้ว!”
“นั่นสิ เขารับมือท่าไม้ตายขั้นสุดของจิ่งเถิงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ต้องโดนจิ่งเถิงฆ่าตายแน่!” หลังจากวิพากษ์วิจารณ์กันเสร็จ พวกศิษย์สำนักน้อยใหญ่บนเรือลำที่หนึ่งพากันสรุปแบบนี้ออกมา พวกเขาคิดว่าเฉินเฟิงต้องแพ้แน่ และการแพ้หมายถึงตาย!
“หมัดหยินหยางสมคำร่ำลือจริงๆ พลังน่ากลัวมาก หาดูได้ยากจริงๆ!”
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด วันนี้เฉินเฟิงคงตายแน่ๆ”
ไม่เพียงศิษย์สำนักน้อยใหญ่บนเรือลำที่หนึ่ง แม้แต่ปรมาจารย์ด้านการต่อสู้บนเรือลำที่สองก็อดเอ่ยปากไม่ได้ พวกเขาคิดว่าเฉินเฟิงจะแพ้และตายนั้นอยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
พวกเขาที่ว่าไม่รวมปรมาจารย์ระดับสุดยอดอย่างก่วนหนานเทียน อู่จื่อโจว ปรมาจารย์คงเหมิง ปรมาจารย์จาง จ้าวอู๋เต้าและเฉียวอู่โต่
พวกเขากลุ่มนี้คงรักษาความนิ่งไม่ออกความเห็น
ความแกร่งของเฉินเฟิงเหนือกว่าที่พวกเขาคิดไว้มากนัก แต่กลับโดนทำร้ายบาดเจ็บหลังจากที่จิ่งเถิงใช้ท่าไม้ตายของหมัดหยินหยาง หมัดหยินหยางน่ากลัวกว่าที่พวกเขาคิดไว้มากนัก!
ถ้าวันนี้เฉินเฟิงตาย กวาดตามองไปทั่วทั้งหวาเซี่ย นอกจากผู้สืบทอดของหลายตระกูลที่ยังไม่ออกสู่ยุทธภพแล้ว สำนักอื่นจะส่งอัจฉริยะประจำตระกูลออกมารับมือจิ่งเถิง ก็เละเป็นโจ๊กเท่านั้น พวกเขาไม่มีสิทธิ์ในการประลองกับจิ่งเถิงเลยสักนิด!
พวกหวู่เหวินโป๋บนเรือลำที่สามเงียบสนิท
จิ่งเถิงใช้หมัดเดียวชกเฉินเฟิงกระเด็น ทำให้เฉินเฟิงได้รับบาดเจ็บ เหมือนกับราดน้ำเย็นเฉียบลงบนหัวพวกเขา ทำให้พวกเขาได้สติจากการดีใจราวไก่ตีปีกกลับมา บนใบหน้าไม่เหลือร่องรอยความตื่นเต้นอยู่อีก เหลือเพียงแต่ความกังวล
“ไอ้หมอ แกกร่างมากไม่ใช่หรือไง? ทำไมไม่กร่างต่อล่ะ?”
ในตอนนี้เอง จิ่งเถิงที่ยืนนิ่งไม่โจมตีและไม่พูดอะไรอยู่บนกาบเรือจู่ๆก็เอ่ยปากออกมา น้ำเสียงและคำพูดเต็มไปด้วยความประชดประชันและดูถูก “แกบอกว่าจะฟันฉันให้เหมือนฟันหญ้าไม่ใช่หรือไง? มาสิ ฉันยืนอยู่นี่แล้วไง มาฆ่าฉันเลยสิ?”
เฉินเฟิงนิ่งเงียบไม่ตอบคำ
ส่วนสองพ่อลูกจิ่งหยุนเฟิงและจิ่งเซ่อเหมิงต่างยิ้มเย็นไม่พูดอะไร
พวกเขารู้ดีว่า ที่เมื่อกี้จิ่งเถิงไม่โจมตีต่อ เป็นเพราะว่าท่าไม้ตาย “หยินหยางฆ่า”นี่ ใช้พลังภายในถึงสามส่วน เรียกได้ว่าแทบเอาชีวิตเข้าต่อสู้ ถ้าไม่สามารถฆ่าและทำร้ายศัตรูให้เจ็บหนักได้ ตัวเองก็อันตรายเหมือนกัน หลังจากใช้หยินหยางฆ่าแล้ว พลังภายในจะหลุดการควบคุมชั่วขณะ ไม่สามารถเข้าไปกระหน่ำโจมตีต่อได้
นี่เป็นจุดด้อยเพียงข้อเดียวของหยินหยางฆ่า และถือเป็นผลข้างเคียงด้วย
เมื่อกี้จิ่งเถิงไม่เพียงเอ่ยปากแล้ว พลังภายในใจร่างกายก็ดูมั่นคง แสดงว่าเขากลับเป็นปกติแล้ว
และตอนนี้เฉินเฟิงไม่เพียงได้รับบาดเจ็บ เห็นได้ชัดว่าลมปราณยังไม่สงบ แสดงว่าไม่น่าจะสู้ดีนัก
ทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด!
“เถิงเอ๋อ อย่าเสียน้ำลายกับเขาต่อเลย ส่งมันเดินทางซะ!” หลังจากยิ้มเย็นเสร็จ จิ่งเซ่อเหมิงเอ่ยปากเตือนจิ่งเถิง เขากลัวยิ่งเวลาผ่านไปมากขึ้น จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีก
ถ้าจิ่งเถิงอาศัยช่วงจังหวะดีใช้หยินหยางฆ่าลงมืออีกครั้งล่ะก็ ต่อให้ไม่สามารถฆ่าเฉินเฟิงได้ ก็ต้องทำให้เฉินเฟิงเจ็บหนักได้แน่ จะทำให้การประลองครั้งนี้รู้ผลได้สักที
“ไอ้หมอ ฉันอยากจะดูซักหน่อยว่า แกจะสามารถตั้งรับฉันได้สักกี่หมัด?” หูแว่วได้ยินเสียงจิ่งเซ่อเหมิง จิ่งเถิงยิ้มเย็นออกมา และพุ่งเข้าไปโจมตีเฉินเฟิงอีกครั้ง
ฮุ!
แค่ช่วงกระพริบตา จิ่งเถิงก็โผล่มาตรงหน้าเฉินเฟิง และชกหมัดขวาออกไปอีกครั้ง
เขาใช้ท่าไม้ตายสุดยอดหยินหยางฆ่าอีกครั้ง รังสีทั้งตัวเขาน่ากลัวขั้นสุด!
ครั้งนี้
เฉินเฟิงไม่ได้เลือกแข็งชนแข็งอีก และไม่ได้รอให้จิ่งเถิงเข้าประชิดตัวได้ เขาเลี่ยงถอยหลังหลบการโจมตีของจิ่งเถิงไป
“เหอะ แกวิ่งไหวหรือไง?”
หมัดหนึ่งไม่ได้ผล จิ่งเถิงยิ้มเย็น ตามติดเป็นเงาตามตัว และปรับความเร็วขึ้นขีดสุด ตามติดเฉินเฟิง กะจะฆ่าเฉินเฟิงให้ได้
สามเมตร สองเมตร!
ท่ามกลางสายตาประชาชี จิ่งเถิงใช้ความเร็วลดระยะห่างกับเฉินเฟิง
หนึ่งเมตร!
“เอาชีวิตมา!”
พอเห็นเข้าระยะโจมตีได้ จิ่งเถิงยิ้มเย็นอีกครั้ง เขาขับเคลื่อนลมปราณในตัวอย่างบ้าคลั่ง คิดจะใช้หยินหยางฆ่าอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้
เฉินเฟิงเร็วกว่าเขาซะอีก!
“ตาย!!”
ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง ร่างเฉินเฟิงพลันกระตุก หมุนติ้วเป็นเกลียว หันไปประจันหน้ากับจิ่งเถิง ในเวลาเดียวก็เดินลมปราณ ตะคอกเสียงดังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
หลังจากตะโกนเสร็จ หมัดเหล็กชกออกไป!
ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง แขนขวาของเฉินเฟิงตวัดตามการเคลื่อนไหวของร่างกายแทงออกไปที่จิ่งเถิงประหนึ่งไม้ทวนแท่งหนึ่ง
กระบวนท่าที่สองที่คิดเอง
สแลชมังกร!
นี่เป็นไม้ตายที่แกร่งที่สุดของเขา!
ในช่วงที่เก็บตัวเข้าฌาน เฉินเฟิงพยายามคิดค้นวิทยายุทธ์ของตัวเอง ในที่สุดตัดสินใจใช้กระบวนท่ากระบี่โบราณมาเป็นหลัก ผสานกับเคล็ดลับวิชาศิลปะการต่อสู้ของหลายตระกูลในหวาเซี่ย ผนึกรวมกับสถานการณ์จริงของศิลปะการต่อสู้ในปัจจุบัน คิดค้นวิชาที่เหมาะสมกับการต่อสู้ผ่านความเป็นความตายที่สุด
เขาตั้งชื่อวิชานี้ว่า กระบี่สแลชมังกร ท่าไม้ตาย ‘หักแม่น้ำ’ที่เคยคิดค้นเป็นแบบแรก และ’กระบี่สแลชมังกร’ที่กำลังใช้ในตอนนี้เป็นแบบที่สอง
กระบี่สแลชมังกรเป็นวิชาที่เฉินเฟิงใช้ ‘กระบี่ฮุ่ยหลิ่ว’ที่มีชื่อเสียงในเรื่องปืนโบราณเป็นพื้นฐาน ผสานกับวิขาหมัด วิชาย่างก้าวมาพัฒนาเพิ่มเติม
และนอกจากนี้แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน และมั่นใจในระยะทางและเวลาลงมือกับคู่ต่อสู้ด้วย
ทั้งหมดนี้ หลายวันก่อนเฉินเฟิงทำได้แล้ว แต่รู้สึกเหมือนยังขาดอะไรบางอย่าง หลายวันนี้เฉินเฟิงเอาแต่ครุ่นคิดและฝึกยุทธ์ไม่หยุด สุดท้ายเลยเข้าใจว่าขาดอะไรไป—ผ่านการโจมตีโดยใช้เสียงบวกกับข่มขู่ด้วยออร่า เพื่อทำให้คู่ต่อสู้หวั่นไหว บนพื้นฐานของการกระหน่ำโจมตีจนคู่ต่อสู้เผอเรอ ทำให้อีกฝ่ายสติไม่นิ่ง ทำการหลบหลีกหรือป้องกันไม่ทัน
นี่เป็นสิ่งที่เหมือนกันอย่างน่าประหลาดกับท่าไม้ตายหยินหยางฆ่าของหมัดหยินหยาง!
เมื่อกี้เฉินเฟิงโดนจิ่งเถิงใช้หยินหยางฆ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ สถานการณ์โดนพลิกกลับมา และแทบจะทำให้ทุกคนคิดว่าเขาคงต้องมีอันตรายถึงชีวิตแน่
จากนั้นจิ่งเถิงได้ทีตามรุกต่อ บีบให้เฉินเฟิงต้องถอย ท่าทีได้เปรียบหายสิ้น ทำให้ทุกคนรวมถึงจิ่งเถิงยิ่งแน่ใจว่าเขาบาดเจ็บหนัก แถมเฉินเฟิงยังแกล้งทำเหมือนลมปราณสับสน จากนั้นแกล้งยอมให้จิ่งเถิงลดระยะห่างระหว่างกัน และเตรียมพร้อมลงมืออีกครั้ง
ตอนนี้เอง…เฉินเฟิงลงมือก่อนได้เปรียบ!
เขาเดินลมปราณ ใช้วิชาที่คล้ายคลึงกับ ‘สิงโตคำราม’ตะคอกเสียงดังหนึ่งทีประหนึ่งสายฟ้าฟาด ทำเอาจิ่งเถิงตกใจกระตุกวูบ สีหน้าเหม่อลอยไปชั่วครู่
ในขณะเดียวกัน เฉินเฟิงย่อขาลงในท่าขี้ม้า สองขาจิกแน่นราวกับตอกหมุดลงพื้น หมัดขวากำแน่นพุ่งเข้าหาจิ่งเถิงเร็วปานลูกกระสุน
หมัดหนึ่งพุ่งออกไป ลมปราณในกายเฉินเฟิงพุ่งสูงถึงขีดสุด พลังภายในระเบิดออกมาระดมไปที่หมัดขวา ผสานพลังและลมปราณ และเกิดเป็นพลังที่น่ากลัวในกำปั้น ซึ่งมันครอบคลุมจิ่งเถิงไว้หมด
“ปึ้ก!”
“พลั่ก!”