ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 656
บทที่ 656 งานเลี้ยง
ทันใดนั้น ภายใต้สายตาทุกคน เฉินเฟิงเดินลงมาจากดาดฟ้า เดินมุ่งหน้าไปหาพวกก่วนหนานเทียน
นอกจากก่วนหนานเทียน พวกปรมาจารย์คงเหมิงกับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ชั้นสูงหลายคน ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้คนอื่นพวกนั้น มองดูเฉินเฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ
เฉินเฟิงใช้กำลังและความแข็งแกร่งของเขา จนได้รับการยอมรับและความเคารพ จากพวกเขา
ถึงแม้ตอนนี้เฉินเฟิงยังอายุน้อย แต่มีสถานะเช่นเดียวกับพวกเขาในวงการศิลปะการต่อสู้
หลังจากนั้น เฉินเฟิงเดินตรงไปตรงหน้าก่วนหนานเทียน ปรมาจารย์คงเหมิง จ้าวอู๋เต้า จางเทียนซือกับเฉียวอู่โต่ ทั้งห้าคน
“เฉินเฟิง ไม่เห็นหลายวัน ความสามารถของคุณพัฒนามากขึ้นไม่น้อยเลยนะ ยินดีด้วย”
เห็นเฉินเฟิงเดินมา ก่วนหนานเทียนยิ้มพูดแสดงความยินดีเฉินเฟิง ในขณะเดียวกันก็แอบถอนหายใจ เฉินเฟิงช่างเก่งผิดมนุษย์จริงๆ
เพราะเมื่อวันที่อยู่เกาะมุ๋ยลาย ถึงแม้เฉินเฟิงก็เป็นหั้วจิ้งชั้นต้น แต่วันนั้นเขากลับไม่ได้แสดงความสามารถที่แข็งแกร่งขนาดนี้ แต่ตอนนี้ แม้แต่ทายาทตระกูลจิ่ง เขาก็สามารถฆ่าได้
“ท่านประมุขก่วน ชมเกินไปแล้ว” เฉินเฟิงยกมือเคารพตอบ แล้วก็พูดกับปรมาจารย์คงเหมิงว่า “ขอบคุณปรมาจารย์ทุกท่านที่มาชมการต่อสู้ อีกอย่าง ผมได้สั่งคนจัดเตรียมงานเลี้ยงไว้ อยากให้ปรมาจารย์ทุกท่านให้เกียรติ รับประทานอาหารร่วมกัน”
“งั้นพวกเราก็เคารพเทียบไม่ได้กับทำตามคำสั่ง” ทุกคนยิ้มตอบ ก่วนหนานเทียนก็พยักหัวเล็กน้อย บ่งบอกว่าตกลง เดิมเขาก็วางแผนที่มาหาเฉินเฟิง เพื่อคุยกันเรื่องการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก เฉินเฟิงจัดงานเลี้ยงทุกคนทานข้าว เป็นโอกาสดีที่จะได้คุยกับเฉินเฟิงตามลำพัง
ในฐานะรองประมุขของสหพันธ์สงครามหวาเซี่ย สถานะในวงการศิลปะการต่อสู้ของก่วนหนานเทียนสูงที่สุดในหวาเซี่ย เขาตอบตกลง ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้คนอื่นๆพวกนั้นต่างก็ตอบตกลง
หลังจากนั้นสักพัก เรือใหญ่สามลำเทียบท่าทีละลำ จิ่งหยุนเฟิง จิ่งเซ่อเหมิงกับจิ่งหริน ทั้งสามคนหลบซ่อนอยู่ในห้องโดยสารไม่ออกมา เฉินเฟิงกับก่วนหนานเทียนลงจากเรือไปก่อน
ในขณะเดียวกัน เหล่าลูกศิษย์จากทุกสำนักบนเรือใหญ่ลำแรก กับบนเรือลำใหญ่ลำที่สาม พวกคนในยุทธจักร นักธุรกิจ คนของทางการ ต่างก็ลงจากเรือ
เหล่าลูกศิษย์จากทุกสำนักในนั้น ต่างก็มองดูเฉินเฟิงด้วยความนับถือ หลายคนอยากที่จะพูดแล้วก็หยุดลังเล…อยากที่จะทักทายเฉินเฟิง แต่ก็กังวลว่าสถานะของตนเองไม่คู่ควร
“ทุกคน วันนี้ผมจัดงานเลี้ยง ขอเรียนเชิญทุกท่านให้เกียรติมาร่วมด้วย”
เผชิญกับแต่ละสายตาที่มองมาด้วยความนับถือ เฉินเฟิงไม่ได้วางมาด แต่ยกมือเชื้อเชิญเหล่าลูกศิษย์จากทุกสำนักพวกนั้น
ได้ยินคำพูดของเฉินเฟิง เห็นท่าทีของเฉินเฟิง ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้พวกนั้น ต่างก็แอบพยักหัว ชื่นชมท่าทีของเฉินเฟิงที่แสดงออกมา
แม้ก่อนหน้านี้เฉินเฟิงได้เชื้อเชิญพวกเขาแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดถึงลูกศิษย์ของพวกเขา เช่นนี้ พวกเขาจะพาหรือไม่พาลูกศิษย์ไปด้วย ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ลำบากใจ
ตอนนี้ เฉินเฟิงเชื้อเชิญลูกศิษย์พวกเขาด้วยตัวเอง ถือเป็นการให้เกียรติลูกศิษย์ของพวกเขา ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเคารพนับถือที่มีต่อเขากลับสำนักของพวกเขา
“ขอบคุณ”
เมื่อเฉินเฟิงเชื้อเชิญ เหล่าลูกศิษย์ที่มาจากแต่ละสำนักพวกนั้น ต่างก็อึ้งกันไปก่อน จากนั้นต่างก็ยกมือขอบคุณ
“คุณเฉิน” ในขณะเดียวกัน เจี่ยหวั้นเหา ลู๋เจิ้งเฟิง พวกคนในยุทธจักรก็เดินมา ต่างก็เดินมาทักทายเฉินเฟิง
“ขอบคุณทุกคนที่เสียสละอันมีค่ามาชมการต่อสู้ คืนนี้ผมตั้งใจจัดงานเลี้ยง ขอเรียนเชิญทุกท่าน” เฉินเฟิงยิ้มพูด
ถึงแม้เขาจะไม่รู้สถานะที่แท้จริงของคนตรงหน้าพวกนี้ แต่ดูจากท่าทีของคนที่อยู่ตรงหน้าพวกนี้ที่แสดงออกมาก็สามารถรู้ได้ว่า คนตรงหน้าพวกนี้จะต้องเป็นคน ที่มีอิทธิพลในวงการใต้ดินของหวาเซี่ย “ได้ คุณเฉิน” พวกเจี่ยหวั้นเหา ลู๋เจิ้งเฟิงต่างก็ตอบรับ ในขณะเดียวกันในใจก็โล่งอก เฉินเฟิงไม่ได้เข้าหายากเหมือนกับที่พวกเขาคิดไว้แบบนั้น กลับกัน ความรู้สึกที่เฉินเฟิง แสดงออกต่อพวกเขากลับดูเป็นกันเองมาก
“พี่เฟิงเกรียงไกร”
“อาจารย์อาเฉินเกรียงไกร” เฉินเฟิงทักทายกับทุกๆคน พวกหวู่เหวินโป๋เพิ่งโผล่เข้ามา ล้อมเฉินเฟิงไว้ตรงกลาง
“ไอ้เจ้าเด็ก อาการบาดเจ็บไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?”
หลังจากนั้น เจ้าสามหวงก็เดินมา มองดูเฉินเฟิงอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ต้องเป็นห่วง” เฉินเฟิงส่ายหัว
“งั้นก็ดี” ได้ยินเสียงของเฉินเฟิง ในที่สุดเจ้าสามหวงก็โล่งอก ถึงแม้เขาก็เป็นหั้วจิ้งชั้นต้น แต่เมื่อกี้เฉินเฟิงกับจิ่งเถิงต่อสู้กัน กลับทำให้เขาตกตะลึงตลอดการต่อสู้ จิ่งเถิงทำให้เขารู้สึกว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่มีทางที่เอาชนะได้ หากให้เขารับมือกับจิ่งเถิง แม้แต่แค่สามกระบวนท่าเขาก็คงจะไม่รับไม่ไหว ถูกจิ่งเถิงฆ่าตายทันที
“พี่เฉินเฟิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลินหวั่นชีวก็เดินมาอย่างเร่งรีบ ก่อนหน้านี้เพราะแอบมาทะเลสาบตะวันตก ดังนั้นเธอจึงไม่มีสิทธิ์ไปดูเฉินเฟิงต่อสู้ ต่อมาก่วนหนานเทียนเห็นเธอ จึงได้พาเธอเข้ามา
“ผมไม่เป็นไร” เห็นหลินหวั่นชีว เฉินเฟิงอึ้งไปก่อน แล้วก็ส่ายหัว เขาคิดไม่ถึงว่า หลินหวั่นชีวก็มาที่นี่
“ไม่เป็นอะไรก็ดี” หลินหวั่นชีวโล่งอก ก่อนหน้านี้ไม่นานเธอเพิ่งเห็นเฉินเฟิงไปช่วยเธอที่ประเทศญี่ปุ่น เห็นกับตาตัวเองว่าเขาต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งที่สุดหลายคนในประเทศญี่ปุ่นด้วยชีวิต คิดไม่ถึงว่าเพิ่งกลับประเทศ เธอก็เห็นเฉินเฟิงสู้กับนักสู้อัจฉริยะคนหนึ่งด้วยชีวิตอีก
เมื่อเทียบกับครั้งที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นนั้น สู้กับจิ่งเถิงในครั้งนี้ ค่อนข้างอันตรายยิ่งกว่า
“ทุกอย่างผ่านไปแล้ว” เฉินเฟิงพูดไป พร้อมกับหันสายตามองไปยังหลี่เย็นเสวี่ยน
หลี่เย็นเสวี่ยนไม่ได้พูดอะไร เพียงมองดูเขาอย่างยิ้มแย้ม
ภายใต้พระอาทิตย์ตก รอยยิ้มนั้นงดงามมาก ทำให้ในใจเฉินเฟิงตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
ในขณะเดียวกัน
ไม่รู้ว่าพระอาทิตย์ตกลงไปในทะเลสาบตะวันตกเมื่อใด เหลือร่างไว้เพียงครึ่งเดียวอยู่ตรงขอบฟ้า มองจากไกลๆ จะเห็นสายน้ำกับภูเขาเชื่อมเป็นเส้นเดียวกัน สวยงดงามประทับใจมาก
เมื่อพลบค่ำใกล้เข้ามา จำนวนนักท่องเที่ยวในเขตทะเลสาบตะวันตก เริ่มลดน้อยลง แต่การลดก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น คงสามารถพบเห็นนักท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ
ภายใต้พระอาทิตย์ตก เรือลำใหญ่สามลำยังคงจอดอยู่ริมฝั่งทะเลสาบ คนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น ต่างก็กำลังคุยอะไรกันอยู่ บริเวณรอบๆมีการจำกัดเขตอันตราย คนของสหพันธ์บูโดเมืองหางโจวเฝ้าดูแลความปลอดภัย พวกเขายืนอยู่ตรงทางเข้า ห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใกล้
ทันใดนั้น เดิมที่มีการคุยกันยังเสียงดังก็เงียบลง ทุกคนต่างก็หันไปมองเรือลำที่สองอย่างพร้อมเพียงกัน
ภายใต้สายตาของทุกคน จิ่งหยุนเฟิงพาจิ่งเซ่อเหมิงเดินลงมาจากเรือ ในมือจิ่งเซ่อเหมิงหิ้วจิ่งเถิงที่ตายแล้ว กับจิ่งหรินที่สู้จนขาหัก
ส่วนศพของมู่หยาง ยังคงทิ้งไว้อยู่บนดาดฟ้า ความรู้สึกนั้นสำหรับตระกูลจิ่ง ตอนที่มู่หยางมีชีวิตอยู่เป็นหมาตัวหนึ่ง ตอนนี้จึงเป็นหมาตัวหนึ่งที่ตาย ตระกูลจิ่งไม่สนใจแม้แต่จะช่วยเก็บศพ
ภายใต้แสงพระอาทิตย์ตกดิน ทุกคนเห็นอย่างชัดเจน จิ่งหยุนเฟิง จิ่งเซ่อเหมิงทั้งสองคนสีหน้าน่ากลัว คิ้วขมวด ส่วนจิ่งหริน ขาทั้งคู่เปื้อนไปด้วยเลือด ท่าทีดูเจ็บปวดทรมานอย่างยิ่ง
เขาไม่เพียงถูกฉินเฟิงกระทืบเข่าจนละเอียด และก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่จิ่งหยุนเฟิงกับจิ่งเซ่อเหมิง เข้ามาในเรือ เขาทั้งกลิ้งทั้งคลานตามมา บาดแผลถูกเสียดสี เจ็บปวดจนเขาแทบสลบ
เผชิญหน้ากับสายตาแต่ละคู่ ไม่ว่าจะเป็นจิ่งหยุนเฟิง หรือจิ่งเซ่อเหมิง ต่างก็มีความรู้สึกเหมือนถูกถอดผ้า แล้วทิ้งอยู่ข้างถนน แทบอยากที่จะหนีออกไปจากที่นี่ทันที