ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 690
บทที่ 690 ยาพันธุกรรม
“ผู้อาวุโสอู่เคยพูดเอาไว้ มีวัยรุ่นหั้วจิ้งปรากฏตัวออกมา พวกเขาใช้ยาในการกระตุ้นศักยภาพของพวกเขา ในการบรรลุเหมือนกันหรอครับ?” เฉินเฟิงถามด้วยความไม่เข้าใจ
“อื้ม ใช่และไม่ใช่ ถึงแม้สูตรยาของตระกูลที่สืบทอดกันมาของพวกเขาจะไม่เหมือนกันเสมอไป แต่ผลลัพธ์สุดท้ายเหมือนกัน วัยรุ่นหัวจิ้งในครั้งนี้ พวกเขาพัฒนาแดนโดยผ่านยาพันธุกรรม!”
“ยาพันธุกรรม คือยาที่สามารถเปลี่ยนแปลงยีน ถ้าร่างกายของนายยังไม่ได้รับการพัฒนา ไม่มียาช่วยให้เพิ่มสูงขึ้น เช่นนั้นการฉีดยาพันธุกรรมเข้าไป จะทำให้ความสามารถพุ่งทะยานขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ!”
“จากตอนที่ฉันพูดคุยกับอู่จื่อโจว รู้จากปากของเขา ของรางวัลในครั้งนี้ ก็คือยาพันธุกรรม!”
เย่หนานเทียนพูดถึงตอนท้าย ก็พูดข้อมูลสำคัญออกมา
“ใช่หรอ!”
สีหน้าของเฉินเฟิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ถ้าได้รับยาพันธุกรรมนี้ ถึงเวลานั้นการบรรลุหั้วจิ้งชั้นกลางน่าจะเป็นเรื่องง่ายแล้ว
“จากข้อมูลที่สหพันธ์บูโดได้รับ คนของกองกำลังใต้ดินเป็นคนคิดค้นยาพันธุกรรมนี้ขึ้นมา อีกทั้งแย่งข้อมูลทางพันธุกรรมของฉันไป ส่วนมากเป็นเพราะสิ่งเหล่านี้!”
“นายสามารถจินตนาการได้ไหม สมมุติว่าถ้าวันหนึ่งมียาพันธุกรรมแบบนี้ถูกผลิตออกมาจำนวนมากๆ ถ้าอย่างนั้นจะนำพาความหายะมาสู่โลก ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่สหพันธ์บูโดเป็นกังวล!”
เย่หนานเทียนพูดถึงตอนท้าย คิ้วขมวดเป็นปม สีหน้าเป็นกังวล
“ถูกต้อง ถ้ายาพวกนี้อยู่ในกำมือของคนไม่ดี จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่ากลัวแค่ไหน!”
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆเฉินเฟิงก็รู้สึกมีแรงกดดันมาก
“ถึงเวลานั้น อาศัยกำลังของพวกเรา ไม่สามารถหยุดยั้งเอาไว้ได้ อีกทั้งจากความสามารถในตอนนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะหยุดยั้ง!”
เย่หนานเทียนพูดขึ้น:“ถ้าไม่อยากถูกคนอื่นควบคุม ก็มีแค่ตัวเลือกเดียว ซึ่งก็คือกลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง เสี่ยวเฟิง ตอนนี้นายต้องรีบพัฒนาความสามารถของนายให้เร็วที่สุด ถึงเวลาที่เข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ต้องคว้าที่หนึ่งมาให้ได้ ฉันรู้ดีว่าเรื่องนี้มันยาก แต่นายจำเอาไว้ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่สำหรับนาย เกี่ยวข้องกับประเทศหวาทั้งประเทศด้วย นายต้องทำสู้สุดฝีมือ!”
เฉินเฟิงชะงัก เขาได้ยินความเคร่งเครียดจากคำพูดของเย่หนานเทียน ลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วพูด:“หรือว่าสหพันธ์บูโดอยากทำการวิจัยเกี่ยวกับยาพันธุกรรมพวกนั้น?”
“อื้ม ถูกต้อง แต่นายวางใจเถอะ สหพันธ์บูโดไม่มีวันช่วงชิงรางวัลของนายไป ฉันคิดว่าคงจะทำการวิจัยก่อนที่นายจะฉีดเข้าร่างกาย เรื่องนี้หลังจากที่นายไปถึงวาติกัน อู่จื่อโจวต้องคุยกับนายแน่ ฉันบอกกับนายตอนนี้ ก็แค่เพื่อให้นายเตรียมใจเอาไว้!”
เย่หนานเทียนตบไหล่ของเฉินเฟิง เพื่อจะบอกให้เขาว่าไม่ต้องคิดมาก
“จริงด้วย!”เย่หนานเทียนพูดกำชับ:“น้องต้องจำเอาไว้ ถึงแม้ชัยชนะในครั้งนี้จะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ห้ามฝืน ถ้าหากตกอยู่ในอันตรายถึงกับชีวิต นายไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ทำแค่ซ่อนตัว ทำแค่ไหน เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเกียรติและศักดิ์ศรีไม่ใช่อะไรทั้งนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือรักษาชีวิตเอาไว้ เข้าใจไหม?”
“ศิษย์พี่วางใจ เรื่องบางเรื่องผมจะยอมแพ้แต่เรื่องศัตรูของศิษย์พี่ ผมไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน ฆ่าพวกเขาในสถานที่แบบนั้น คลายความแค้น แม้ว่าผมต้องตาย ก็ถือว่าทำสุดความสามารถแล้ว ไม่มีคำพูดแค้นเคืองแม้แต่น้อย!”
ถึงแม้เฉินเฟิงจะพูดด้วยคำพูดค่อยๆ แต่คำพูดของเขามีความมุ่งมั่น เย่หนานเทียนสัมผัสได้
เย่หนานเทียนคิดไม่ถึงว่าเฉินเฟิงจะพูดแบบนี้ เวลานี้ภายในใจของเขาสั่นเทา และตื้นตันใจมาก เพียงแต่สติสัมปชัญญะบอกกับเขา ต้องพูดเกลี้ยกล่อมให้เฉินเฟิงใจเย็นลงถึงจะดีกว่า
“ศิษย์พี่ไม่ต้องพูดอะไรมากมายหรอกครับ ผมตัดสินใจแล้ว ด้วยศิลปะการต่อสู้ของผมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และประสบการณ์ในการต่อสู้กับศัตรู สามารถฆ่าผู้สูงส่งของตระกูลพวกนั้นได้ โดยที่ไม่สามารถโจมตีกลับ!”
คำพูดของเฉินเฟิงเต็มไปด้วยความมั่นใจและทระนง ซึ่งมาจากความสามารถของเขา มาจากผู้สูงส่งหลายๆคนที่เขาฆ่าทิ้ง
ถ้าขวัญอ่อนกลัวเกิดปัญหา แล้วจะเป็นการกระทำของเฉินเฟิงได้ยังไง อีกอย่าง ถ้าแม้แต่ผู้สืบทอดของศัตรูก็ยังเอาชนะไม่ได้ จึงอย่าพูดถึงว่าจะช่วยเย่หนานเทียนแก้แค้นได้ ถ้าแม้แต่ผู้สืบทอดของศัตรูของเย่หนานเทียนยังไม่สามารถสู้ได้ แล้วจะพูดเรื่องช่วยเย่หนานเทียนแก้แค้นได้ยังไง?
สถานที่จัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกในครั้งนี้จัดขึ้นที่วาติกัน
วาติกันเป็นนครรัฐที่ตั้งอยู่ในตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโรมซึ่งเป็นเมืองหลวงของอิตาลี
เพราะมันเป็นประเทศที่ขนาดเล็กที่สุด ประชากรน้อยที่สุด อีกทั้งทั้งสี่ด้านยังมีประเทศอิตาลีล้อมรอบ จึงถูกเรียกว่า “ประเทศในประเทศ”
ถึงแม้พื้นที่ของวาติกันจะมีขนาดเล็ก แต่นั่นเป็นหัวใจหลักของคาทอลิกทั่วโลก——คูเรียที่พระสันตะปาปาเป็นประมุขสูงสุด ทั้งยังเป็นที่อยู่ของศาสนาที่คนสองในแปดของโลกนับถือ
การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกในครั้งนี้จัดขึ้นที่วาติกัน วาติกันดึงดูดสายตาของคนทั่วโลกอีกครั้ง
อีกสามวันก็จะถึงวันแข่งขันระดับโลกแล้ว จอมยุทธ์ทั่วทุกมุมโลกเริ่มมุ่งหน้าไปที่วาติกัน
ท่ามกลางพวกเขามีผู้สูงส่งเข้าร่วมการแข่งขัน และมีจอมยุทธ์ที่ไปล่วงหน้าเพื่อชมการแข่งขัน นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญของวงการศิลปะการต่อสู้ทั่วโลก
ขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งหน้าไปวาติกัน เฉินเฟิงที่เป็นหนึ่งในคนที่เข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก ยังไม่ไปไหน เขาในเวลานี้ยังคงเก็บตัวถือศีลในที่พักของเย่หนานเทียน
เฉินเฟิงในตอนนี้จิตใจสงบลงแล้ว จิตใจแน่วแน่ เตรียมที่จะทำความเข้าใจกระบวนท่าหักแม่น้ำ หวังว่าสามารถบรรลุกระบวนท่าเหล่านี้ได้ แล้วพัฒนาความสามารถของตน
“เวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ ผมบรรลุมาถึงช่วงคอขวดของหั้วจิ้งชั้นต้นแล้ว จากนั้นการพัฒนาความสามารถก็ช้าลง รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่าง ยังคงไม่สามารถบรรลุผ่านหั้วจิ้งชั้นต้น เข้าสู่หั้วจิ้งชั้นกลาง!”
พระอาทิตย์ขึ้น แสงแดดสาดส่อง เฉินเฟิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้าเหมือนปกติ เงยหน้าเข้าหาพระอาทิตย์ฝึกกำหนดลมหายใจ จากนั้นไม่นานเขาก็ลืมตาขึ้น เหมือนมีความคิดบางอย่าง คว้าอะไรบางอย่างได้
นึกถึงตอนนั้น ตอนที่เขาอยู่ในระดับอ้านจิ้งชั้นสูงสุดบรรลุมาระดับหั้วจิ้ง เพราะในใจมีปม ทำให้ไม่สามารถมุ่งมั่นกับศิลปะการต่อสู้ แดนหยุดลงสองปี บางทีนี่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาไม่สามารถก้าวเข้าสู่หั้วจิ้งชั้นกลาง
“กริ๊งๆๆ!”
เสียงโทรศัพท์ของเฉินเฟิงดังขึ้นทำลายความคิดของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดูพักหนึ่ง ศีลสามเป็นคนโทรมา
วันนั้นศีลสามถูกปรมาจารย์ฟางเจิ้งลากกลับไป จากนั้นก็ติดตามปรมาจารย์ฟางเจิ้งออกไปจากยันเจียง ก่อนจะไปเขาขอเบอร์เฉินเฟิง
“น้องใหญ่ ตอนนี้นายอยู่ไหน ยังอยู่ที่ยันเจียงหรอ?” ปลายสายมีเสียงของศีลสามดังขึ้น
“ฉันยังอยู่ที่ยันเจียง!”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เฉินเฟิงได้ยินเสียงของศีลสาม ก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงประตูไนท์คลับ รู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ปรมาจารย์อู่บอกแล้ว คนที่ถูกคัดเลือกของประเทศหวาในครั้งนี้อยู่ที่ยันเจียงหลายคน นายรอฉันอยู่ที่นั่น ฉันไปหาเดี๋ยวนี้!”
ศีลสามยังไม่ทันพูดจบ ก็มีเสียงร้องดังขึ้น
“เพี๊ยะ!”
เฉินเฟิงชะงัก เสียงนี้คุ้นมาก ต้องเป็นเสียงที่ปรมาจารย์ฟางเจิ้งใช้มือ “ลูบจับ” หัวล้านของศีลสามอย่างแน่นอน
“ใช่เฉินเฟิงรึเปล่า? ฉันจะบอกให้นายฟัง ถ้านายพาศีลสามไปสถานที่แบบนั้นอีก ฉันเอาเรื่องนายไม่จบไม่สิ้นแน่!”
ปลายสายมีเสียงโมโหของปรมาจารย์ฟางเจิ้งดังขึ้น