ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 701
บทที่ 701 แนวหน้าของรุ่นเยาวชน
ฉับพลันบรรยากาศในงานเลี้ยงก็กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ราวกับเรื่องแย่ๆที่เกิดจากข่ายซ่าเมื่อครู่ถูกลืมไปหมดแล้ว
ในระหว่างนี้ก็มีคนคอยเหลือบมองเฉินเฟิงเป็นระยะ เหลือบมองคนที่เจ้าหญิงแอนนี่จะปกป้องโดยไม่กลัวที่จะมีปัญหากับครอบครัวโรโปรี
เจ้าหญิงแอนนี่กลับมามอบรอยยิ้มให้กับแขกตรงหน้าที่เข้ามาอวยพรอีกครั้ง
เมื่อรับมือกับทุกคนเสร็จ เจ้าหญิงแอนนี่ก็เดินฝ่ากลุ่มคนเข้ามาหาเฉินเฟิง
“เฟิง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ฉันขอโทษด้วยนะ!”
ไม่รอให้เฉินเฟิงได้เอ่ยปาก เจ้าหญิงแอนนี่ก็เอ่ยขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“ไม่หรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ!”
เฉินเฟิงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ครั้งนี้คุณมาเพื่อร่วมงานเลี้ยงของฉัน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เป็นแบบนี้ เรื่องนี้จึงเกี่ยวข้องกับฉันโดยตรง!”
เจ้าหญิงแอนนี่โทษตัวเองเป็นอย่างมาก ทว่าเธอก็เปลี่ยนเรื่องก่อนเอ่ย “เฟิง คุณวางใจได้ ขอเพียงมีฉันอยู่ ฉันจะไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายคุณได้!”
ถึงแม้เจ้าหญิงแอนนี่จะไม่ได้อธิบายแต่เฉินเฟิงก็เข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ ทว่าเฉินเฟืงไม่ได้ใส่ใจพลางเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก “หากเขาไม่หาเรื่องต่อ ผมก็จะปล่อยเขาไปก่อน แต่หากเขารนหาที่ตายผมก็ไม่ถือสาที่จะสนองความต้องการของเขา!”
“เอ่อ……”
ฉับพลันเจ้าหญิงแอนนี่ก็นึกอะไรขึ้นได้ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา ถึงแม้จะอยู่ที่อังกฤษอยู่ต่างประเทศ หากเป็นคนอื่นอาจจะมีเรื่องต้องกังวลแต่สำหรับเฉินเฟิงแล้วไม่มีผลเลยสักนิด ไม่มีใครสามารถทำให้เฉินเฟิงอดกลั้นได้ และเฉินเฟิงเองก็ไม่มีทางเก็บความโมโหของตัวเองไปยังถึงวันที่สอง
เรื่องที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นถือว่าเป็นบทเรียนที่ดีที่สุดจากอดีต
การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกถูกจัดขึ้นที่วาติกัน และตอนนี้บรรดาจอมยุทธ์ที่เข้าร่วมการแข่งขันพักอาศัยอยู่ที่กรุงโรมใกล้กับวาติกัน กรุงโรมเป็นสถานที่ที่ถูกจัดเตรียมเป็นที่พักชั่วคราวให้กับแขกที่มาเข้าร่วมการแข่งขันและแขกที่มารับชมการแข่งขัน
เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งวันก็จะถึงช่วงเวลาการแข่งขันแล้ว
ในเวลากลางคืน ดวงจันทร์ส่องสว่าง ณ ห้องหนึ่งในพระราชวังวาติกัน อาเธอร์กำลังยืนครุ่นคิดอยู่ข้างหน้าต่างภายใต้แสงจันทร์
เขาเป็นหัวหน้าของราชองครักษ์ มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพระสันตะปาปาเป็นหลัก ถึงแม้อิทธิพลของพระสันตะปาปาจะน่ากลัวจนไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาปกป้องก็ตาม แต่ในฐานะหัวหน้าของราชองครักษ์ การต้องปกป้องดูแลพระสันตะปาปานั้นหยั่งรากลึกในจิตใจไปแล้ว
“กริ๊ง!”
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น อาเธอร์ลืมตาขึ้นดวงตามีประกายพาดผ่านพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแวบหนึ่งก่อนจะพบว่าเป็นสายจากข่ายซ่า โรโปรีน้องชายของเขา
อาเธอร์ชะงักไปสักพัก ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโทรมาหาเขาในเวลานี้ทำไมแต่เขาก็ยังเลือกที่จะกดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล ผมข่ายซ่าเอง ตอนนี้พี่มีเวลาว่างไหม?”
เพิ่งรับสายก็มีเสียงของข่ายซ่าเอ่ยอย่างเคารพดังมาจากอีกฟากของสาย
ข่ายซ่ารู้ดีว่าถึงแม้เขาจะอยู่ในฐานะทายาทของครอบครัวโรโปรี ทว่าฐานะในทุกวันนี้ล้วนเป็นเพราะพี่ชายของเขา
อาเธอร์หัวหน้าราชองครักษ์คนนี้เป็นถึงผู้แข็งแกร่งของวงการศิลปะการต่อสู้รุ่นเยาวชน คนแบบนี้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนล้วนตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน และจากอิทธิพลของอาเธอร์ในตอนนี้หากไม่มีอะไรผิดพลาด อนาคตต้องแข็งแกร่งกว่านี้แน่นอน
และฐานะทางสังคมของครอบครัวโรโปรีสูงขึ้นเรื่อยๆก็เป็นเพราะมีอาเธอร์อยู่
จะเรียกว่าอาเธอร์คือความภาคภูมิใจของครอบครัวโรโปรีก็ว่าได้
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
อาเธอร์เอ่ยถามเสียงเรียบ
“มีเรื่องจริงๆแหละพี่ชาย ไม่อย่างนั้นผมคงไม่กล้ารบกวนพี่!”
หลังข่ายซ่ากลับถึงวิลล่าก็รีบไปหาซูซานทันที เขาเห็นข่าวนั้นกับตาตัวเอง จากนั้นก็ตรวจสอบหลายช่องทางจนได้ข้อสรุปว่ารายงานข่าวนั้นมีความน่าเชื่อถือสูง
เฉินเฟิงเป็นคนที่ไม่รู้จักความกลัว หากทำให้เขาโมโหล่ะก็ เขาไม่ลังเลที่จะจัดการฝ่ายตรงข้ามโดยไม่สนใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นใครหรือมาจากตระกูลไหน
เมื่อรู้แบบนี้ก็ทำให้ข่ายซ่ารู้สึกกลัวขึ้นมา ย้อนนึกถึงก็พบว่าตัวเองไปสำรวจประตูมัจจุราชมาแล้วรอบหนึ่ง
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้แต่หากไม่แก้แค้นเฉินเฟิงก็ไม่อาจลบล้างความแค้นในใจของเขาได้ คิดไปคิดมาเขาก็คิดถึงใครคนหนึ่ง ซึ่งคนนั้นก็คือความภาคภูมิใจของครอบครัวโรโปรีหรือพี่ชายของเขานั่นเอง
“อืม มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ!”
อาเธอร์เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดซึ่งข่ายซ่าเองก็เคยชินกับเรื่องนี้ไปแล้ว
“พี่ฟังผมนะ……”
ข่ายซ่าจึงเล่าเรื่องที่เจอเฉินเฟิงและเรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นในงานเลี้ยงพร้อมกับใส่สีตีไข่ลงไปด้วย
“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละพี่ พี่ต้องช่วยผมนะ!”
เพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากพี่ชาย ข่ายซ่าจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆราวกับคับข้องใจเป็นอย่างมาก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฝีมือการแสดงของข่ายซ่านั้นยอดเยี่ยมไม่น้อย
อาเธอร์ที่อยู่อีกฟากของสายก็ขมวดคิ้วมุ่น เขาคิดไม่ถึงว่าน้องชายของเขาจะไปมีเรื่องบาดหมางกับเฉินเฟิงได้
“อืม ฉันรู้จักเฉินเฟิง มันเป็นจอมยุทธ์ของประเทศหวา”
อาเธอร์เอ่ยช้าๆ “ฉันรู้ข้อมูลมากกว่าแกอยู่หน่อย เฉินเฟิงไม่เพียงแต่เป็นศัตรูของญี่ปุ่นเท่านั้น มันยังเป็นความภาคภูมิใจของวงการศิลปะการต่อสู้รุ่นเยาวชนประเทศหวา จะบอกว่าความสามารถด้านการต่อสู้ของมันนั้นสูงที่สุดในรุ่นเยาวชนก็ว่าได้!”
“ว่าไงนะ?”
เมื่อได้ฟังกิตติศัพท์ของเฉินเฟิงจากคนเป็นพี่ชาย ข่ายซ่าก็อดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเฉินเฟิงจะแข็งแกร่งขนาดนี้ หลังจากที่เขารู้จักเฉินเฟิงในตอนแรกก็เกิดความกลัวแล้ว คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด
“อย่าง……อย่างนั้นพี่สามารถเอาชนะมันได้ไหม?”
ตอนนี้ข่ายซ่าไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เขาจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่พี่ชายตัวเอง จะสามารถลบล้างความอัปยศได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับครั้งนี้แหละ
“อืม ฉันรู้แล้ว หากเจอมันในการแข่งขันการต่อสู้ ฉันจะให้บทเรียนกับมันสักหน่อย ทำให้มันรู้ว่าคนในครอบครัวโรโปรีไม่ใช่ใครจะมาดูถูกก็ได้!”
ถึงแม้คำพูดของอาเธอร์จะเบาทว่าเต็มไปด้วยความมั่นใจและน่าเกรงขาม
“ถึงแม้จะไม่เจอมันในการแข่งขัน หลังจากจบการแข่งขันฉันก็จะให้มันได้รู้เรื่องนี้!”
“ฮ่าฮ่า อย่างนั้นก็ดีๆ ฝากพี่ด้วยแล้วกัน!”
อีกฟากของสายก็มีคนยินดีจนอดที่จะเอ่ยชมพี่ชายตัวเองไม่ได้
“ไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้สิ่งที่แกต้องทำก็คือคิดหาวิธีว่าจะทำยังไงให้เจ้าหญิงแอนนี่ลืมความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับแกไป เพียงแค่แกเป็นเพื่อนกับเจ้าหญิงแอนนี่ได้ก็จะถือว่าช่วยเหลือครอบครัวของเราได้เป็นมากแล้ว และหากแกคบหากับเจ้าหญิงแอนนี่ได้เช่นนั้นอนาคตของครอบครัวโรโปรีของเราก็จะก้าวหน้าไร้ขีดจำกัด”
ที่อาเธอร์พูดยาวขนาดนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวตัวเอง
“เอ๋ พี่รู้ได้ยังไงว่าผมชอบเจ้าหญิงแอนนี่?”
ข่ายซ่าแปลกใจไม่น้อย
“ความจริงแล้วนี่เป็นความต้องการของพ่อ พ่อเคยให้ฉันแต่งงานกับเจ้าหญิงแอนนี่แต่ฉันปฏิเสธไป ตอนนี้ภารกิจนี้เลยตกอยู่ที่แก!”
อาเธอร์ลังเลเล็กน้อยก่อนจะอธิบาย
“ว่าไงนะ? นี่เป็นเรื่องตั้งแต่ตอนไหน ทำไมผมไม่รู้?”
ข่ายซ่าตกตะลึงจนอ้าปากหวอ อย่างที่เขาบอกเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
“ฮ่าฮ่า ดี พี่วางใจได้เลย ที่พ่อพูดถึงเรื่องนี้ ผมคิดวาพ่อคงจะไปปรึกษากับพระราชา เพียงแค่พระราชาเห็นด้วย ผมเชื่อว่าถึงแม้ผมและเจ้าหญิงแอนนี่จะมีเรื่องบาดหมางไปบ้างก็คงไม่เป็นปัญหา!”
วินาทีนี้ข่ายซ่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากราวกับพบหนทางสว่างอีกครั้ง