ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 710
บทที่ 710 มีเพียงหนึ่งเดียว
รอบแรกก็มีคนยอมแพ้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกที่มีคนยอมแพ้ตั้งแต่รอบแรก บรรยากาศในสนามการแข่งขันร้อนระอุ ขณะเดียวกันก็มีคนวิจารณ์กันเสียงเบา
“อาเธอร์คนนี้แข็งแกร่งจริงๆ!”
“ใช่ อาเธอร์ยังไม่ทันได้ลงมือ นีโปคนนั้นก็รีบประกาศยอมแพ้แล้ว รัศมีแบบนี้เรียกได้ว่ามีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!”
“พวกนายไม่เข้าใจหรอก ดูภายนอกถึงแม้อาเธอร์จะยังไม่ได้ลงมือ แต่รัศมีของเขาเมื่อสักครู่นั้นน่าเกรงขามถึงขีดสุด ภายใต้แรงกดดันแบบนี้นีโปจึงไม่กล้าฝืนสู้ด้วย ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะยอมแพ้อย่างชาญฉลาด”
จากการที่นีโปขอยอมแพ้ ฉับพลันภายในสนามก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ
ไม่เพียงแค่ผู้ชมทั่วไปเท่านั้น แม้แต่จอมยุทธ์ที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ก็มีการแสดงความคิดเห็นด้วย เนื่องจากเหตุการณ์นี้ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนคาดไม่ถึง
“หึ ฉันกลับคิดว่าอาเธอร์ตั้งใจยกระดับพลังเพื่อกดดันคู่ต่อสู้มากกว่า นี่ถือว่าเป็นการบีบบังคับให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ นี่มันรังแกกันชัดๆ ชักจะทำเกินไปแล้ว!”
จียุ่นมองร่างที่อยู่บนเวที บวกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เขาจึงอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้
“อืม ดูมีความน่าสงสัยว่าเป็นการรังแกอยู่บ้าง!”
เทียนอิงที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้ารับพลางเอ่ย “เนื่องจากก่อนหน้านี้มีโควตาเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาเป็นหกสิบกว่าคน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้จึงเกิดช่องว่างระหว่างความสามารถที่กว้างมาก ต้องเผชิญกับคนที่มีความสามารถมากกว่าตัวเองมากๆจึงเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง!”
“หากเป็นแบบนี้การแข่งขันต่อจากนี้คงสนุกน่าดู ฉันคิดว่าคงมีเหตุการณ์ที่จัดการคู่ต่อสู้ให้หมอบราบคาบได้ในท่าเดียว หรือไม่ก็ล้มคู่ต่อสู้อย่างสุดกำลังตั้งแต่ขึ้นมาเลย!”
ถึงแม้เฉินเฟิงจะไม่ได้เอ่ยปากแต่เขาเห็นด้วยกับคำพูดของเทียนอิงเป็นอย่างมาก การแข่งขันในครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา อย่างนีโปที่เพิ่งเขาสู่ขั้นหั้วจิ้งชั้นต้นก็มาเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว อย่าว่าแต่เจอกับผู้แข็งแกร่งทั้งสิบหกคนเลยแค่ผู้เข้าแข่งขันทั่วไปเขาก็สู้ไม่ได้แล้ว
การแข่งขันในรอบแรกนี้เรียกความสนใจจากผู้ชมได้ไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่บรรดาผู้อาวุโสในห้องวีไอพี
“ไม่เสียแรงที่อาเธอร์เป็นถึงหัวหน้าราชองครักษ์ ยังไม่ทันได้ลงมือคู่ต่อสู้ก็ยอมแพ้แล้ว เรียกได้ว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”
บริเวณห้องวีไอพี โจ้ส์ในฐานะเลขาธิการของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้หันไปหาพระสันตะปาปาที่อยู่ด้านข้างพลางเอ่ยชมอย่างไม่ปิดบัง
“ฮ่าฮ่า ไม่หรอก อาจจะเป็นเพราะเยาวชนคนนั้นไม่อยากประชันกับอาเธอร์มากกว่า เขาอาจจะอยากเก็บแรงไว้สำหรับการต่อสู้ในรอบถัดๆไปก็ได้!”
พระสันตะปาปาเอ่ยอย่างถ่อมตน เพียงแต่สีหน้าของเขาในตอนนี้หากใครไม่ได้ตาบอดก็จะเห็นว่าเขากำลังลำพองใจ
การแข่งขันในรอบแรก การที่อาเธอร์ชนะตั้งแต่ยังไม่ลงมือถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ เขาในฐานะพระสันตะปาปาจึงได้หน้าไปด้วย
พระสันตะปาปายังเอ่ยไม่ทันจบ อู่จื่อโจวและตัวแทนผู้อาวุโสจากประเทศรัสเซีย อเมริกาก็เอ่ยชมอาเธอร์เช่นเดียวกัน
“เห้อ อาเธอร์คนนี้แข็งแกร่งจริง หากเฉินเฟิงประชันกับเขาไม่รู้ว่าจะสามารถเอาชนะได้ไหม!”
อู่จื่อโจวมองไปยังอาเธอร์ที่อยู่บนเวทีพลางคิดวิเคราะห์ในใจ หากไม่มีอะไรผิดพลาดพวกเขาทั้งสองคนจะได้เจอกันตอนแข่งขันแน่นอน เพียงแต่ยังไม่ทันได้ประชันฝีมือกันจึงยังมองไม่ออก
อู่จื่อโจวได้ประชันฝีมือกับเฉินเฟิงตอนคัดเลือกครั้งก่อน เขาพึงพอใจในตัวเฉินเฟิงเป็นอย่างมาก ทีแรกเขาก็มั่นใจถึงขีดสุดทว่าเมื่อเห็นว่าแค่รัศมีของอาเธอร์ก็เอาชนะคู่ต่อสู้ได้แล้ว ความสามารถขนาดนี้ทำให้ความมั่นใจของเขาเริ่มสั่นคลอน
อาเธอร์ในตอนนี้กลายเป็นคนที่มีตัวตนในสายตาของทุกคน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของทุกคน อาเธอร์กลับมองไปยังธิดาเทพแห่งคูเรียที่อยู่บริเวณพื้นที่วีไอพี จากนั้นก็คารวะอย่างสุภาพบุรุษแล้วเดินลงจากเวทีโดยไม่หันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าอาเธอร์ไปแล้วนีโปก็รีบไปจากตรงนี้เช่นเดียวกัน เขาคือผู้เข้าแข่งขันที่แข่งในรอบแรกและก็เป็นคนแรกที่ยอมแพ้เช่นเดียวกัน ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อได้ยินเสียงวิจารณ์จากรอบด้านเขาก็แทบจะอยากมุดหายเข้าไปในซอก
“เอาล่ะ การแข่งขันในรอบแรกจบลงไปแล้ว ไม่ทราบว่าทุกท่านดูแล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง? หนำใจกันไหม?”
หลังจากผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนลงจากเวที พิธีกรคนนั้นก็เดินถือไมโครโฟนขึ้นมาบริเวณกลางสนามแข่งขันแล้วเอ่ยถามผู้ชม
“อะไรกัน ไม่หนำใจเลย!”
เหล่าผู้ชมต่างพร้อมใจกันตอบเป็นเสียงเดียวกัน
สำหรับจอมยุทธ์ทั่วไปหรือคนทั่วไปอาจจะไม่หนำใจจริงๆ เนื่องจากความสามารถของพวกเขาต่ำเกินกว่าที่จะเข้าใจสาเหตุที่แท้จริง มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเข้าใจว่าอาเธอร์ใช้พลังในการกดดันคู่ต่อสู้
“พูดตามความจริงผมเองก็ยังดูไม่หนำใจ นั่นเป็นเพราะอะไร? เป็นเพราะเมื่อสักครู่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ประชันฝีมือกันเลย”
พิธีกรเอ่ยต่อ “แต่ว่าอย่าเพิ่งรีบร้อนกันไป การแข่งขันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นนี่เป็นเพียงแค่รอบแรกเท่านั้น วันนี้ยังมีการแข่งขันอีกสามสิบสองรอบ ผมเชื่อว่าการแข่งขันในรอบถัดไปต้องสนุกและตื่นเต้นอย่างแน่นอน ไม่พูดมากแล้ว ขอเสียงปรบมือต้อนรับผู้เข้าแข่งขันในรอบที่สองขึ้นเวทีด้วยครับ!”
พิธีกรเอ่ยจบก็มีผู้เข้าแข่งขันสองคนเดินออกมาจากคนละทิศทาง ในสองคนนี้คนแรกมาจากประเทศรัสเซีย อีกคนมาจากประเทศหนึ่งในทวีปแอฟริกา
หลังจากทั้งสองคนขึ้นมาบนเวทีแล้วเสียงของผู้ตัดสินก็ดังขึ้น ชั่วพริบตาทั้งสองคนก็พุ่งเข้าหากัน คนหนึ่งชก คนหนึ่งเตะ ต่อสู้กันอย่างดุเดือด เหล่าผู้ชมก็โห่ร้องอย่างพึงพอใจไม่ว่ายังไงนี่สิถึงเรียกว่าการแข่งขัน เพียงแต่ว่าการแข่งขันของจอมยุทธ์ระดับต่ำแบบนี้บรรดาผู้แข็งแกร่งกลับไม่สนใจ
เมื่อพิธีกรประกาศเข้าสู่การแข่งขันของรอบที่สาม พวกเขาถึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
การแข่งขันในรอบที่สองนี้จบลงอย่างรวดเร็ว โดยผู้เข้าแข่งขันที่มาจากประเทศรัสเซียเป็นฝ่ายชนะ
“เอาล่ะ การแข่งขันเมื่อสักครู่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ลำดับต่อไปเป็นการแข่งขันระหว่างวิลเลียมจากสหภาพยุโรปและลีจากประเทศเวียดนาม ขอเสียงปรบมือต้อนรับทั้งสองคนด้วยครับ!”
“เยี่ยม!”
ผู้ชมในสนามคึกคักขึ้นมาทันที การแข่งขันของผู้แข็งแกร่งนั้นน่าตื่นเต้นและมีสีสันที่สุด
“เมื่อสักครู่อาเธอร์เป็นฝ่ายชนะตั้งแต่ยังไม่ลงมือ เช่นนั้นวิลเลียมคนที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวเต็งสำหรับตำแหน่งแชมป์ในครั้งนี้เช่นเดียวกันกับอาเธอร์จะเป็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นขนาดไหน!”
พิธีกรคนนี้ถึงแม้อายุจะยังน้อยทว่าสามารถเรียกอารมณ์ผู้ชมและสร้างบรรยากาศในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี
การแข่งขันกำลังจะเริ่มต้นขึ้น คนเป็นพิธีกรจึงรีบลงจากสนามแข่งขันอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเหล่าผู้ชมต่างก็จับจ้องไปยังทิศทางที่ผู้เข้าแข่งขันจะเดินออกมา ท่ามกลางการรอคอยของทุกคนวิลเลียมคือคนที่เดินออกมาก่อน
เขายังคงสวมเสื้อกันลมสีดำและสวมหน้ากากผีเหมือนเดิมซึ่งให้ความรู้สึกลึกลับและน่ากลัวแก่ผู้พบเห็น
“วิลเลียม!”
วิลเลียมเพิ่งปรากฏตัว เหล่าผู้ชมก็โห่ร้องขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะแฟนคลับตัวจริงของวิลเลียมที่ตะโกนชื่อของเขาเสียงดัง
สำหรับเสียงตะโกนและปฏิกิริยาของผู้ชม วิลเลียมทำเหมือนไม่เห็น บรรยากาศรอบด้านไม่ได้มีผลอะไรกับเขา เขาก้าวเดินอย่างช้าๆทว่ามั่นคงขึ้นไปบนเวที
หลังจากที่วิลเลียมปรากฏตัว ไม่นานลีผู้เป็นคู่ต่อสู้ของเขาก็เดินออกมา ทว่าการปรากฏตัวของอีกฝ่ายไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้ เพราะสายตาของผู้ชมยังคงจับจ้องอยู่ที่วิลเลียมดังเดิม
จากข้อนี้เห็นได้ว่าความนิยมของทั้งสองคนนั้นห่างชั้นกันขนาดไหน
วิลเลียมยังคงสวมหน้ากากอยู่ให้ความรู้สึกลึกลับเป็นอย่างมาก ทว่าความแปลกประหลาดของเขากลับทำให้คนอื่นเกิดความสงสัย:ทำไมวิลเลียมถึงใส่หน้ากากตลอดเวลา?
วิลเลียมเดินขึ้นไปบนเวทีระหว่างที่เดินสายตาของเขาก็สอดส่องไปยังพื้นที่ของผู้ชม แค่แวบเดียวเขาก็เจอเฉินเฟิง วิลเลียมหรี่ตาลง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นมาบนเวทีแล้ว ผู้ตัดสินวัยกลางคนก็ขึ้นเวทีอีกครั้งแล้วหันไปมองทั้งสองฝ่ายก่อนเอ่ยถาม “พวกคุณทราบกติกาการแข่งขันแล้วใช่ไหม? ต้องการให้ผมพูดทวนอีกรอบหรือไม่?”