ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 714
บทที่ 714 หลี่ชางซี
การที่รู้จักหลี่ชางซี เฉินเฟิงอยู่ไม่น้อย เพราะข้อมูลที่สือโพ่จุนส่งมาให้ ในข้อมูลบอกว่าหลี่ชางซีเป็นคนของตระกูลหลี่ ตระกูลบิ๊กแม็คในประเทศกาวลี่
ตระกูลบิ๊กแม็คไม่เหมือนกับตระกูลอื่นในประเทศกาวลี่ มีอำนาจอิทธิพล เบื้องหลังหยั่งลึก หลี่ชางซีเป็นทายาทที่ถูกเลือกของตระกูล จากนั้นก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาศิลปะการต่อสู้จากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลี่ วิชาศิลปะการต่อสู้ทุกอย่างถูกฝึกฝนอย่างเข้มข้น ให้ความสำคัญในการฝึกฝนโดยยอมแลกกับทุกสิ่ง
หลี่ชางซีถึงแดนหั้วจิ้งเมื่อสองปีที่แล้ว กลายเป็นยอดฝีมือของหั้วจิ้งชั้นต้น เขาได้เป็นตัวแทน โดยอาศัยความสามารถของเขาเอง และเป็นตัวแทนไปเพียงคนเดียวของประเทศกาวลี่
“พวกคุณรอสักครู่ ผมจะต้องไปเตรียมตัวแล้ว”
หลี่ชางซีกับรอนขึ้นเวทีไปแล้ว การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้น ส่วนเฉินเฟิงก็ลุกขึ้นไปจากผู้ชม เดินไปในเขตของผู้แข่งขัน การแข่งขันในรอบต่อไปเขาก็จะต้องขึ้นเวทีแล้ว
“เพื่อน นี่คุณตั้งใจหรือ? ความสามารถของคุณยังต้องเตรียมตัวหรือ?” ศีลสามถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ใช่ ด้วยความสามารถของคุณ ไม่พูดถึงผู้แข็งแกร่งทั้งสิบห้าคน นักสู้ที่เหลือ ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ”
จียุ่นก็รีบพูดขึ้น ถึงแม้หลายรอบก่อนหน้านี้อาเธอร์ วิลเลียม เติ้งนี หรือเสือจากัวร์ พวกเขาต่างก็แสดงฝีมือการต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เขากับศีลสามก็ไม่เป็นห่วง พวกเขารู้ถึงความสามารถของเฉินเฟิงเป็นอย่างดี พวกเขาเคยเห็นภาพที่เฉินเฟิงฆ่าฉู่เหอที่เป็นหั้วจิ้งชั้นกลางด้วยตาตัวเอง
แม้แต่ท่านผู้อาวุโสอู่จื่อโจวของสหพันธ์บูโด ก็ชื่นชมเฉินเฟิงอย่างมาก
เฉินเฟิงส่ายหัว อมยิ้มแล้วเดินไปจากหมู่ผู้ชม
“รีบดูเร็วเข้า เฉินเฟิงของประเทศหวาเดินออกมาจากหมู่ผู้ชมแล้ว”
“อืม เห็นทีเขาน่าจะต้องไปเตรียมตัวแล้ว ยังไงรอบต่อไปก็ถึงคิวที่เขาจะต้องขึ้นแข่งขันแล้ว การแข่งขันในวันนี้ก็ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว”
ตามที่เฉินเฟิงเดินออกมาจากหมู่ผู้ชม สายทางของทุกคนก็ถูกดึงดูดให้หันไปมองทันที แล้วต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆนานา
เฉินเฟิงเป็นใคร พูดถึงเฉินเฟิงในก่อนที่จะมีการแข่งขัน บวกกับสายตาโกรธแค้นของนักต่อสู้หลายคนนั้นที่มีต่อเขา และเรื่องต่างๆที่ผ่านมาของเฉินเฟิง ทุกคนต่างก็พอรู้บ้าง คนแบบนี้ไม่ว่าจะไปถึงที่ไหนต่างก็เป็นจุดสนใจของผู้คน และบรรดาผู้ชมก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาในทันใด พวกเขาอยากจะดูว่าผู้แข็งแกร่งที่มาจากประเทศหวาจะมีความสามารถขนาดไหน
สามารถพูดได้ว่าอากัปกิริยาการกระทำทุกอย่างของเฉินเฟิงในตอนนี้ ล้วนส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของพวกผู้ชม
ยังไม่เพียงเท่านี้ ไม่พูดถึงพวกผู้ชมธรรมดา ตอนที่เฉินเฟิงเดินออกมาจากหมู่ผู้ชม สายตาของผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนนั้นต่างก็หันมามอง บ้างก็รอคอย บ้างก็เกลียดแค้น
ผู้แข็งแกร่งพวกนี้ก็เหมือนกับพวกผู้ชม พวกเขากำลังรอคอย รอคอยดูว่าเฉินเฟิงจะแสดงฝีมือได้ตื่นเต้นแค่ไหน ด้วยเรื่องราวและสถานะของเฉินเฟิง แม้แต่พระสันตะปาปาที่เป็นแขกวีไอพี อู่จื่อโจวผู้แข็งแกร่งสูงสุดต่างก็ให้ความสนใจ ทันใดนั้น เฉินเฟิงได้กลายเป็นที่สนใจของทุกคน เดิมเป็นการต่อสู้ของรอนกับหลี่ชางซี ตอนนี้ทุกคนต่างก็ไม่ได้สนใจพวกเขาทั้งสองคน
ภาพตรงหน้านี้ รอนมองดูอยู่ เดิมก็ไม่พอใจเฉินเฟิงอยู่แล้ว ตอนนี้ความอาฆาตของเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น อยากที่จะให้คู่ต่อสู้ในตอนนี้ไม่ใช่หลี่ชางซีแต่เป็นเฉินเฟิง แบบนี้เขาจะได้คลายความเกลียดชังที่มีในใจ
ไม่เพียงรอนที่ไม่พอใจ แม้แต่หลี่ชางซี ตอนนี้สีหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เหมือนเฉินเฟิงแย่งความโดดเด่นของเขาไป จึงไม่ค่อยพอใจ
แต่เฉินเฟิงที่ปรากฏในสายตาผู้คน กลับไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆ ต่อความคิดเห็นและสายตาที่จ้องมองโดยรอบ ไม่ได้สนใจเลย ก้าวเดินไปยังพื้นที่นั่งรอของผู้แข่ง ไม่นานก็หายไปจากสายตาของผู้ชม
ตามด้วยเสียงคณะกรรมการตัดสินพูดเสร็จ การแข่งขันได้เริ่มขึ้น
เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น ทั้งสองคนสู้กันไปมาอย่างเมามันส์ ต่อสู้กันอยู่อย่างไม่สามารถคาดเดาถึงผู้ที่จะชนะ พวกเขาทั้งสองคนต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่ง ไม่ใช่ตัวสำรอง ความสามารถจึงแข็งแรง ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทุกบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียว
เสียงตะโกนร้องของพวกผู้ชมดังไปถึงจุดสูงสุด ต่างก็ปรบมือตะโกนอยู่ยังสะใจ
แต่สถานการณ์แบบนี้ก็เป็นอยู่ไม่นาน ตอนที่สู้กันในรอบที่สอง หลี่ชางซีค่อนข้างรับไม่ไหวแล้ว รอนได้จังหวะ ใช้เท้าถีบออกไป เล็งตรงหน้าอกของหลี่ชางซี
หลี่ชางซีร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ร่างกายกระเด็นไปด้านหลัง หลังจากนั้นก็ล้มลงพื้น ลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
“การแข่งขันจบสิ้น รอนเป็นผู้ชนะ” แล้วเสียงกรรมการผู้ตัดสินก็ดังขึ้น
“อืม?”
เฉินเฟิงมองดูการต่อสู้อยู่ตลอด หลังจากที่หลี่ชางซีเห็นล้มลง ก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย หลังจากนั้นหลี่ชางซีก็ลุกขึ้นมาจากพื้น ไม่มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด เฉินเฟิงหรี่ตาลง ดวงตาเป็นประกาย
“มีความหมาย ที่แท้ก็ตกลงกันก่อนแล้ว?”
เฉินเฟิงครุ่นคิด แล้วก็คิดได้ว่า รอนกับหลี่ชางซีทั้งสองคนน่าจะกำลังแสดงละคร และเห็นได้ชัดว่าหลี่ชางซี ตั้งใจแพ้การต่อสู้ในครั้งนี้
ตระกูลของหลี่ชางซีเป็นถึงตระกูลบิ๊กแม็คของประเทศกาวลี่ สามารถพูดได้ว่าตระกูลของเขา มีฐานะสูงสุดในประเทศกาวลี่ ตระกูลอื่นเทียบไม่ได้เลย และธุรกิจของตระกูลพวกเขาก็ไม่ได้มีเพียงในประเทศกาวลี่ แต่มีอิทธิพลไปทั่วโลก ในยุโรปยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของตระกูลพวกเขา
ต้องรู้ว่าธุรกิจทำได้ถึงขนาดนี้ ไม่สามารถมองว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ว่าคนคนหนึ่งมีอำนาจที่แข็งแกร่ง หรือมีความสามารถแล้วจะสามารถทำได้ ตระกูลอย่างพวกเขาแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหนต่างก็ต้องเผชิญ กฎหมายบ้านเมืองหรืออิทธิพลมืด ต่างก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง
และการแข่งขันเมื่อกี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีความตั้งใจ สำเร็จตามเป้าหมายและก็ไม่เสียหน้าทั้งสองคน ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เป็นสิ่งที่ได้รับชัยชนะทั้งสองฝ่าย
“เห็นได้ชัดว่าตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ร่วมมือกันกำจัดผมหรือ?”
เรื่องแบบนี้คาดเดาไม่ยาก เมื่อสรุปหาเหตุและผลแล้ว ก็จะสามารถรับรู้ได้โดยประมาณ แต่เฉินเฟิงก็ไม่แสดงอาการท่าทีใดๆ คนหนึ่งคน คนกลุ่มหนึ่งก็ไม่แตกต่างกัน ถึงแม้มดจะกองกันอยู่ห่างไกล ยังไงก็ยังคงอ่อนแออย่างที่สุด
เฉินเฟิงยังคงครุ่นคิดอยู่ พวกผู้ชมต่างก็พูดคุยกันอยู่ว่าการแข่งขันเมื่อกี้ดูเหมือนจะมีอะไรผิดปกติ แต่ว่าการกระทำของรอนกับหลี่ชางซี ในตอนนี้คนส่วนมากต่างก็เดารู้แล้ว
“เอาล่ะ งั้นลำดับต่อไปก็จะเป็นการแข่งขันในรอบต่อไป ผู้แข่งขันทั้งสองคนคือเฉินเฟิงประเทศหวา ต่อสู้กับเฟร์ตีตโตปากีสถาน”
ในขณะที่ผู้ชมต่างก็พูดคุยกันอยู่ พิธีกรกลับขึ้นมาบนสนามการแข่งขันอีกครั้ง มือถือไมค์แล้วพูดแนะนำด้วยเสียงอันดังกึกก้องไปทั่ว
“คุณเฉิน ลำดับต่อไปถึงคิวคุณลงแข่งแล้ว”
พนักงานกลุ่มศิลปะการต่อสู้ระดับโลกคนหนึ่งเข้ามาในห้องพักรับรอง แล้วพูดกับเฉินเฟิง
“ครับ ขอบคุณครับ”
เฉินเฟิงยิ้มพูดคำคุณพนักงาน จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องพักรับรอง ปรากฏอยู่ในสายตาผู้ชมผ่านทางเดินของผู้ลงแข่ง
“เฉินเฟิงจากประเทศหวา เขาออกมาแล้ว”
เฉินเฟิงเพิ่งปรากฏตัว เลี้ยงตื่นเต้นดีใจก็ดังขึ้นมาจากในหมู่ผู้ชม ตอนนี้พวกเขาจ้องมองดูเฉินเฟิง ด้วยจิตใจที่บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร อยากที่จะผลักด้านหลังเฉินเฟิงหนึ่งที ให้เขาแข่งขันโดยเร็ว
การแข่งขันในรอบนี้เป็นรอบสุดท้ายของการแข่งขันในวันนี้ และพวกเขาก็กำลังรอคอยว่าคนที่มีชื่อเสียงอย่างเฉินเฟิง จะมีความสามารถแข็งแกร่งขนาดไหน
เวลามาถึงช่วงเย็นหกเจ็ดโมงแล้ว พระอาทิตย์เริ่มตก ท้องฟ้าเต็มไปด้วยสีแดง แม้แต่วาติกันก็ถูกปกคลุมไปด้วยสีแดง ภาพนี้สะเทือนอารมณ์อย่างมาก
ถึงแม้พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว แต่พวกผู้ชมกลับมีเยอะขึ้น เต็มไปด้วยเสียงผู้คน ตะโกนอยู่อย่างดังกึกก้อง พวกเขาตะโกนร้องเรียกชื่อของเฉินเฟิง รอคอยการต่อสู้ของเขา
ภายใต้การมองดูของผู้ชม เฉินเฟิงเดินออกมาจากด้านในอย่างเชื่องช้า มาถึงตรงขอบสนามแข่ง