ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 742
บทที่ 742 สงครามแห่งความเป็นความตาย
“ฮ่าฮ่า เทียนอิงมาก็ดีแล้ว ทุกคนคงรู้นิสัยผมดี ผมพูดคำไหนคำนั้น!”
เฉินเฟิงเดินยิ้มลงมาจากรถ แล้วเดินมุ่งมาทางเทียนอิง ก่อนจะตบไหล่อีกฝ่ายสองสามที ราวกับรู้ๆกันอยู่ว่ามันหมายความว่าอย่างไร
แน่นอนว่าเทียนอิงรู้ว่าเฉินเฟิงหมายถึงสัญญาที่ให้แก่เขาเมื่อวาน
ทั้งหมดนี้ไม่ต้องพูดก็เข้าใจกันอยู่ เทียนอิงพยักหน้ารับจากนั้นก็เดินตามชางโป๋และคนอื่นๆไปยังที่นั่งสำหรับผู้ชม มีเพียงเฉินเฟิงคนเดียวที่เดินไปยังพื้นที่สำหรับรอการแข่งขัน
เมื่อเทียนอิงและคนอื่นๆมาถึงสนามแข่งขันก็พบว่าที่นั่งในสนามถูกจับจองจนหมดแล้ว กวาดสายตามองไปทางไหนก็พบคนเต็มไปหมดพร้อมกับมีเสียงจอแจดังให้ได้ยิน แต่ละคนล้วนตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะพวกเขารอการแข่งขันในรอบนี้มาอย่างยาวนาน
ความน่าตื่นตาตื่นใจในการแข่งขันของเฉินเฟิงตั้งแต่ช่วงแรกและช่วงกลางสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าถึงเฉินเฟิงจะไม่ได้ตำแหน่งแชมป์แต่ชื่อเสียงของเขาก็กลบทุกคนไปหมดแล้ว
เมื่อเฉินเฟิงมาถึงสนามแข่งขันก็พบว่าจั่วจู้มารออยู่ก่อนแล้ว ราวกับรอที่จะฆ่าเฉินเฟิงเพื่อลบล้างความอัปยศของประเทศญี่ปุ่นไม่ไหวแล้ว
จั่วจู้ยังคงสวมชุดซามูไรสีขาว นั่งขัดสมาธิ เมื่อเฉินเฟิงเดินเข้ามาในสนามเขาก็กวาดสายตาไปมองทันที
“โอ้ นั่นใครน่ะ ทำไมกระโดดโลดเต้นแบบนั้น!”
“ไม่รู้ล่ะสิ ใครบอกให้นายไม่มาดูการแข่งขันเมื่อวานเอง คนนั้นคือเทียนอิงที่พ่ายแพ้ให้กับจั่วจู้เมื่อวานจนขาหักไปข้างหนึ่ง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูตลกชะมัด!”
เทียนอิงเพิ่งมาถึงสนามก็มีเสียงซุบซิบดังมาจากผู้ชมรอบด้าน ส่วนใหญ่คือเสียงหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน เทียนอิงกระโดดไปยังที่นั่งของตนโดยไม่สนใจเรื่องพวกนี้
ขณะนั้นเองราวกับจั่วจู้สัมผัสได้ เขาจึงเปิดเปลือกตาก่อนจะเอ่ยเยาะเย้ย “คนที่ไร้ความสามารถอย่างนาย มาที่นี่เพราะอยากจะปลิดชีวิตตัวเองต่อหน้าฉันสินะ!”
“หึ ไอ้ญี่ปุ่นฉันจะคอยดูว่าเฉินเฟิงจะจัดการกับแกยังไง!”
พูดจบเทียนอิงก็ไม่ได้สนใจเขาอีก หันหลังเดินกลับไปยังที่นั่งของตน
“รอฉันจัดการกับเฉินเฟิงก่อน แล้วแกคือคนถัดไป!”
จั่วจู้หัวเราะเสียงเย็นพลางหยัดตัวขึ้น พิธีกรที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำมาถึงสนามแข่งขันแล้ว
“สวัสดีทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่สนามของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก การแข่งขันดำเนินไปกว่าครึ่งแล้ว ช่วงนี้คือช่วงที่น่าตื่นตาตื่นใจหนึ่งในสี่ของการแข่งขัน การแข่งขันในรอบนี้จะเป็นการพบกันระหว่างเฉินเฟิงจากประเทศหวาและจั่วจู้จากประเทศญี่ปุ่น การแข่งขันรอบที่แล้วหลู่หม่าจากชนเผ่าอินเดียได้รับบาดเจ็บจนทำให้วิลเลียมเป็นฝ่ายชนะและเข้ารอบ เช่นนั้นการแข่งขันในรอบนี้จะเป็นอย่างไร?”
ถือว่าพิธีกรช่างเล่นแง่พอสมควรก่อนเอ่ยต่อ “ผมคิดว่าทุกคนคงตั้งหน้าตั้งตารอการแข่งขันในรอบนี้มาอย่างยาวนาน จั่วจู้จากประเทศญี่ปุ่นพร้อมแล้ว ลำดับต่อไปขอเชิญเฉินเฟิงขึ้นสู่เวทีครับ!”
“ดี!”
พิธีกรเอ่ยจบก็มีเสียงโห่ร้องอย่างยินดีจากผู้ชมที่อยู่ในสนาม ทุกคนต่างตะโกนพร้อมกับมีเสียงเป่าปากควบคู่ เฉินเฟิงจึงค่อยๆเดินออกมาจากช่องทางสำหรับผู้เข้าแข่งขัน
“เฉินเฟิงออกมาแล้ว!”
“เฉินเฟิง เฉินเฟิง!”
เมื่อเฉินเฟิงปรากฏตัว เสียงโห่ร้องของผู้ชมก็ดังถึงขีดสุด ราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดังจนหูแทบดับ โดยบางคนก็ชื่นชมเฉินเฟิงจากใจจริง บางคนก็ลงพนันไว้ที่ตัวเฉินเฟิง
ไม่ว่าอย่างไร เฉินเฟิงก็ยกมือขึ้นคารวะตอบกลับเสียงโห่ร้องจากทุกคน แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดและเข้าถึงได้ ทุกคนสัมผัสได้ถึงความเคารพที่เฉินเฟิงมอบให้
สำหรับเรื่องนี้ จั่วจู้จากประเทศญี่ปุ่นกลับมีสีหน้ามืดครึ้ม ไม่พูดไม่จา การแข่งขันยังไม่ทันเริ่มด้านความนิยม เขาก็ถือว่าแพ้แล้ว
เดิมทีจั่วจู้ก็ไม่ชอบเฉินเฟิงอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ “ไอ้เดรัจฉาน ครั้งก่อนที่แกทำบาปอย่างใหญ่หลวงที่ประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้แกจะโชคดีหนีรอดไปได้แต่วันนี้แกต้องตายสถานเดียว!”
เฉินเฟิงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางเอ่ย “ขยะอย่างพวกนายไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือ? คนที่เคยพูดแบบนี้กับฉันตายไปหมดแล้วนะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จั่วจู้หัวเราะเสียงดังราวกับได้ฟังเรื่องตลกนักหนา จากนั้นก็เยาะเย้ย “สวะอย่างแกคงจะไม่ขี้ขลาดจนไม่กล้าเข้าร่วมสงครามแห่งความเป็นความตายกับฉันหรอกนะ? ก็ดี หากแกคุกเข่าขอร้องฉัน ไม่แน่ฉันอาจจะใจดีไว้ชีวิตแกก็ได้!”
“ขยะอย่างนาย ฉันฆ่ามานับมาถ้วนแล้ว แต่ว่าวันนี้ฉันไม่ฆ่านายหรอก ฉันจะไว้ชีวิตนายเพื่อให้เพื่อนฉันเป็นคนจัดการนายเอง!” เฉินเฟิงตอบโต้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“หื้ม!!!”
เทียนอิงที่นั่งอยู่บริเวณที่นั่งสำหรับผู้ชม เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฟิงก็กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวพลางหายใจหอบถี่ เขารู้ว่าเฉินเฟิงกำลังให้กำลังใจเขาและไว้หน้าเขา จนเขาเกิดความรู้สึกอบอุ่นในใจ
จั่วจู้ชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเทียนอิงพลางเอ่ยเยาะเย้ย “แกคงไม่ได้หมายถึงสวะคนนั้นใช่ไหม?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จั่วจู้หัวเราะเสียงดังอีกครั้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยก่อนเอ่ยต่อ “ต่อให้ไอ้ขาพิการคนนั้นจะฝึกอีกร้อยปี ฉันก็สามารถกำจัดมันได้อยู่ดี!”
หลังจากเทียนอิงได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของจั่วจู้ สีหน้าเขาก็มืดครึ้ม มือกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงดังกร๊อบ
“พูดมาตั้งนาน สวะอย่างแกก็ไม่กล้าสู้กับฉันอยู่ดี แกนี่มันไอ้สวะจริงๆ!” เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงไม่มีเสียงตอบโต้เรื่องสงครามแห่งความเป็นความตาย จั่วจู้จึงคิดว่าเฉินเฟิงกลัวตนเอง จนเกิดความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“เกิดอะไรขึ้น? วันนี้เฉินเฟิงเป็นอะไรไป?”
“ใช่ ดูไม่ค่อยปกติ นี่มันไม่ใช่นิสัยของเฉินเฟิงเลย!”
“เฉินเฟิงคงไม่ได้กลัวจริงใช่ไหม เช่นนั้นถูกจั่วจู้เยาะเย้ยทำไมเขาถึงไม่ตอบโต้!”
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ ผู้ชมในสนามก็เริ่มวิจารณ์กันเสียงเบา เนื่องจากวันนี้เฉินเฟิงดูไม่เหมือนเดิม
ขณะนั้นเอง กรรมการตัดสินที่สวมเสื้อคลุมสีดำก็เอ่ยปากขึ้น “ทั้งสองฝ่ายเตรียมตัว การแข่งขัน……”
“ไอ้สวะ แกกล้าเข้าร่วมสงครามแห่งความเป็นความตายกับฉันไหม!”
ไม่รอให้กรรมการตัดสินได้ประกาศเริ่มการแข่งขัน ฉับพลันจั่วจู้ก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
“ท่านกรรมการ สงครามแห่งความเป็นความตายที่อีกฝ่ายพูดถึง ผมยอมรับ!”
เฉินเฟิงไม่เปิดโอกาสให้จั่วจู้ แต่กลับหันไปเอ่ยกับกรรมการอย่างนอบน้อม
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดไอ้สวะนั่นก็ยอมรับ!” จั่วจู้หัวเราเสียงดังราวกับตนเองได้เปรียบหนักหนา เอ่ยจบพลังของเขาก็พุ่งสูงจนถึงจุดสูงสุดในพริบตาพร้อมกับแผ่รังสีความอาฆาตออกมา
“เฉินเฟิง จั่วจู้พวกคุณยอมรับสงครามแห่งความเป็นความตายใช่ไหม!” เห็นดังนั้นกรรมการตัดสินก็หันไปเอ่ยถามทั้งสองคนเพื่อความมั่นใจ
“ยอมรับ!”
เฉินเฟิงและจั่วจู้ต่างตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยอมรับการแข่งขันในครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก หลังจากประกาศเริ่มการแข่งขันเสร็จกรรมการตัดสินก็เดินลงจากเวที
“สงครามแห่งความเป็นความตาย!”
“เฉินเฟิงจัดการมัน!”
หลังจากกรรมการตัดสินลงจากเวทีไปแล้ว เสียงโห่ร้องดังกึกก้องของผู้ชมก็ดังขึ้นอีกครั้ง การแข่งขันรอบนี้เป็นการแข่งขันที่ทุกคนเฝ้ารอมานาน
“หึ!”
เมื่อเผชิญกับเสียงโห่ร้องของผู้ชม จั่วจู้ก็พ่นลมออกจากจมูก ถึงแม้เขาจะไม่ชอบใจแต่ก็ไม่ได้สนใจนัก พลังของเขาพุ่งสูงขึ้นจากนั้นเขาก็พุ่งออกไปในพริบตา
ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงจะฆ่าหลี่ชางซี รอนและหงอี้ไปแล้วทว่าจั่วจู้ก็ไม่สนใจ เขาคิดว่าขยะพวกนั้นไม่สามารถเทียบกับเขาได้ เขามั่นใจในความสามารถของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยมจึงไม่ได้อาศัยยาพันธุกรรมภายในร่างกาย