ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 771
บทที่ 771 ฉันเต็มใจ
“เป็นอะไรไป? หรือว่าคุณไม่เต็มใจ? ดูท่าผมคงจะดูถูกธิดาเทพแห่งพรรคของเราไปแล้วจริงๆ ในเมื่อคุณไม่ดูถูกเฉินเฟิง ไม่เต็มใจมอบให้เขา เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จบแค่นี้เถอะ!”
จู่ๆ พระสันตะปาปาโจ้ส์ก็พูดขึ้น
“ฉันเต็มใจค่ะ……ฉันเต็มใจค่ะ!”
สีหน้าของธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่แปรเปลี่ยนไปทันที รีบตอบตกลง
“ฮ่าๆๆ เยี่ยม!”
พระสันตะปาปาโจ้ส์หัวเราะเสียงดัง เมื่อกี้เขาเพียงแค่แกล้งทิฟฟานี่เท่านั้น เวลานี้เห็นเธอกระวนกระวายแบบนี้ พระสันตะปาปาโจ้ส์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“คุณไม่ต้องดีใจเร็วเกินไป ถ้าหากเฉินเฟิงเอาชนะวิลเลียมได้อีกครั้ง ได้แชมป์ในครั้งนี้ เช่นนั้นฉันจะให้เธอแต่งงานกับเขา!” พระสันตะปาปาโจ้ส์พูดจบ หมุนตัวหันหลังเดินออกไป
“เขาต้องได้แชมป์อย่างแน่นอน!”
แววตาของธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่ทอดมองไปไกล นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความหวัง
ไฮดี้คือเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองขององค์กรนักฆ่าวิลเลียม ตอนนี้เธอมาถึงวาติกัน ทั้งยังเจอตัววิลเลียมที่กำลังเก็บตัวถือศีล
การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกดำเนินมาถึงตอนท้าย การแข่งขันกำลังจะจบลงแล้ว ผู้เข้าร่วมการแข่งขันหลายคนออกไปกันหมด ทั้งยังมีผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมบางส่วนที่ยังไม่ออกไป ทว่ารอคอยผลการแข่งขันครั้งสุดท้าย ดูว่าใครจะเป็นแชมป์การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกในครั้งนี้
วิลเลียมเก็บตัวถือศีลอยู่ในห้องมาโดยตลอด การประลองระหว่างเฉินเฟิงและอาเธอร์ เขาไม่ได้ไปดู
ตอนประมาณบ่ายโมงวิลเลียมต้องประลองกับโมทิต เพื่อตัดสินใจว่าใครจะได้ประลองกับเฉินเฟิง
ไฮดี้เข้ามายังห้องของวิลเลียม และวิลเลียมเองก็เพิ่งเก็บตัวถือศีลเสร็จ
“ทำไมหัวหน้าถึงเก็บตัวถือศีลนานขนาดนี้ ฉันกลัวหัวหน้าจะพลาดการแข่งขันเย็นนี้มาก!”
ไฮดี้พูดด้วยความสนุก จากนั้นทำสีหน้าจริงจังแล้วพูดต่อ:“การประลองระหว่างเฉินเฟิงและอาเธอร์จบลงแล้ว เฉินเฟิงเป็นฝ่ายชนะ อาเธอร์ไม่ได้แค่แพ้เท่านั้น แต่ยังสูญเสียแขนไปหนึ่งข้าง อวัยวะภายในได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง อนาคตข้างหน้าจะสามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้หรือไม่ยังเป็นเรื่องยากที่จะพูด!”
“หืม? หรือว่าเฉินเฟิงจากประเทศหวาจะบรรลุหั้วจิ้งชั้นกลางในระยะเวลาสั้นๆไปแล้ว!”
วิลเลียมขมวดคิ้วเล็กน้อย ผลลัพธ์นี้เหนือความคาดหมายของเขา
“เปล่า ยังคังเป็นหั้วจิ้งชั้นต้น!”
ไฮดี้เข้าใจแล้วว่าระดับหั้วจิ้งและระดับเทพสงครามเหมือนกัน เพียงแต่ชื่อเรียกแตกต่างกันก็เท่านั้น
“แล้วเขาเอาชนะการแข่งขันนี้ได้ยังไง!”
สีหน้าของวิลเลียมแปรเลี่ยนเล็กน้อย จากที่เขามองเฉินเฟิงไม่แข็งแกร่งเทียบเท่าอาเธอร์ หากเฉินเฟิงบรรลุหั้วจิ้งชั้นกลาง เช่นนั้นก็ยังสามารถอธิบายได้ แต่ถ้าเฉินเฟิงไม่ได้บรรลุ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เหนือความคาดหมายของวิลเลียม
เดิมทีวิลเลียมชมการประลองของเฉินเฟิงมาแล้วหลายครั้ง คิดว่าตนเข้าใจความสามารถของเฉินเฟิงบ้างแล้ว ตอนนี้ดูท่าเขาคงจะดูแคลนเฉินเฟิงมากเกินไป
วรยุทธ์ของเฉินเฟิงที่อยู่ระดับหั้วจิ้งชั้นต้นเอาชนะอาเธอร์ที่เป็นหัวจิ้งชั้นกลาง นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ส่วนความสามารถของอาเธอร์ วิลเลียมเองก็พอรับรู้บ้าง ไม่ใช่คนที่รอน หลี่ชางซีสามารถเทียบชั้นได้ แม้แต่จั่วจู้ก็ไม่สามารถเทียบได้
เมื่อได้ฟังไฮดี้พูดเล่าการประลองระหว่างเฉินเฟิงและอาเธอร์อย่างละเอียดแล้ว ดวงตาของวิลเลียมหรี่เล็กลง เข้าสู่การครุ่นคิด
ยอดฝีมือระดับนี้สุดท้ายกลับพ่ายแพ้เฉินเฟิง
เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้วิลเลียมสนใจในตัวเฉินเฟิงมากขึ้น
“เป็นอะไรไปหัวหน้า? หรือว่าความสามารถในตอนนี้ของเฉินเฟิงจากประเทศหวาสามารถคุกคามหัวหน้าได้?”
ไฮดี้ถามด้วยความเป็นกังวล เพราะเธอไม่เคยเห็นวิลเลียมมีสีหน้าแบบนี้มาก่อน
“หึ ถ้าเขาบรรลุหัวจิ้งชั้นกลาง อาจจะสามารถคุกคามฉันได้ แต่ว่าตอนนี้ฉันยังคงฆ่าเขาง่ายราวกับแค่พลิกฝ่ามือ!”
คำพูดของวิลเลียมเต็มไปด้วยความมั่นใจ แม้การที่เฉินเฟิงเอาชนะอาเธอร์ได้ทำให้เขาตกใจมาก แต่เฉินเฟิงยังคงไม่สามารถคุกคามเขาได้
ตั้งแต่เฉินเฟิงเริ่มการแข่งขันมาจนถึงตอนนี้ ตลอดทางที่ฟันฝ่ามานั้น เอาชนะยอดฝีมือมากมาย จอมยุทธ์ที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งต่างแพ้เฉินเฟิง
เพียงแต่วิลเลียมไม่คิดว่าคนพวกนั้นคือยอดฝีมือ ในสายตาของวิลเลียมคนพวกนั้นเป็นแค่จอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้น ความสามารถที่แท้จริงไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ ถึงขั้นอ่อนแอ
แม้จะเป็นเฉินเฟิง วิลเลียมยังคงไม่เห็นเฉินเฟิงอยู่ในสายตา
นี่เป็นการต่อสู้เป็นตาย การแข่งขันยิ่งดำเนินไปถึงตอนท้ายก็ยิ่งดุเดือด ระหว่างการแข่งขันครั้งสุดท้าย ขอเพียงมีใครคนหนึ่งสามารถมีชีวิตออกไปจากสนามประลองได้ ก็จะกลายเป็นแชมป์ของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก
การประลองระหว่างเฉินเฟิงและอาเธอร์จบไปหนึ่งวันแล้ว เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆหนึ่งวัน คนชนชั้นสูงและจอมยุทธ์แต่ละมุมโลกต่างรับรู้ผลการประลองในครั้งนี้
“สมแล้วที่เฉินเฟิงถูกขนานนามว่าเป็นอันดับหนึ่งของคนหนุ่มสาว แข็งแกร่งมากจริงๆ ฆ่าจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันอย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถทำได้!”
“เฉินเฟิงเก่งมากจริงๆ ความสามารถของเฉินเฟิงฉันพอจะรู้มาบ้าง เขาบุกไปที่ประเทศญี่ปุ่นคนเดียว ช่วยชีวิตคนรักกลับมา ทั้งยังทำลายการจับกุมของญี่ปุ่น สุดท้ายยังฆ่ายอดฝีมืออันดับเทพได้อีก ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
“หึ ฉันไม่คิดแบบนี้ การกระทำก่อนหน้านี้ของเฉินเฟิงมีเรื่องน่าสงสัย ถึงแม้ครั้งนี้จะเอาชนะอาเธอร์ได้ แต่การแข่งขันยังไม่จบ เขาจะสามารถเอาชนะและกลายเป็นแชมป์การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกในครั้งนี้ได้หรือไม่ยังอยากจะที่จะพูด?”
ทุกคนพูดคุยเรื่องของเฉินเฟิง บางคนคิดว่าเขามีความสามารถเหลือล้น และแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เอาชนะจอมยุทธ์มากมาย เป็นคนที่เก่งมาก และแน่นอนมีคนบางส่วนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฉินเฟิงเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรการแข่งขันก็ยังไม่จบ
“การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกในครั้งนี้ใครจะได้แชมป์กันแน่? วิลเลียม เติ้งนีหรือว่าเฉินเฟิง?”
“ตอนที่ทุกคนพูดคุยเรื่องเฉินเฟิง อดไม่ได้ที่จะหันไปมองการประลองระหว่างเติ้งนีและวิลเลียม เพราะความสามารถของทั้งสองไม่ได้น้อยๆเลยดูว่าใครสามารถเอาชนะแล้วเข้าไปแย่งชิงตำแหน่งแชมป์กับเฉินเฟิง!”
“เวลาประมาณบ่ายโมง การประลองระหว่างวิลเลียมและเติ้งนีกำลังจะเริ่มขึ้น ถึงแม้จะไม่ใช่การแข่งขันรอบสุดท้าย แต่ก็ใกล้เคียงกับการแข่งขันรอบสุดท้าย ทุกคนล้วนเฝ้ารอคอย พวกเขาสองคนใครจะสามารถเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้าย!”
เวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนเวลาเที่ยงครึ่ง บนสนามประลองนอกจากที่นั่งของแขกวีไอพีแล้ว ที่นั่งอื่นๆก็เต็มไปด้วยผู้ชม
โปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ตรงสนามประลองไม่ได้ว่างเอาไว้ ถ่ายทอดคลิปวิดีโอการประลองระหว่างวิลเลียมและเติ้งนี
การประลองของวิลเลียม ไม่ออมมือแม้แต่น้อย ฆ่าคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว คนที่สู้กับวิลเลียมไม่มีโอกาสในการยอมแพ้และยกธงขาว
เติ้งนีไม่เหมือนกับเขา เติ้งนีเป็นจอมยุทธ์บ้าพลัง เขามองคู่ต่อสู้เป็นกระสอบทราย ทำร้ายด้วยความรุนแรง
ทุกคนขนานนามเติ้งนีว่าคนบ้า ทางด้านวิลเลียมที่ฆ่าคนเป็นผักปลา ถูกเรียกว่าเป็นจอมมาร นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างคนบ้าและจอมมาร
เวลาบ่ายโมง เติ้งนีปรากฏตัวขึ้นในสนามก่อน เขาทำเหมือนกับหลายครั้งก่อนหน้านี้ ทุกคนล้วนปรากฏตัวก่อนเวลา เฝ้ารอการเริ่มประลอง
ทุกครั้งที่เติ้งนีปรากฏตัวเขาล้วนสวมจีวร ใบหน้าเคล้าไปด้วยรอยยิ้ม ให้ความรู้สึกเหมือนพระสงฆ์ที่สูงส่ง
หลังจากเติ้งนีปรากฏตัวไม่นานวิลเลียมก็ปรากฏตัวพร้อมกับใบหน้าที่สวมหน้ากากเอาไว้ดังเดิม สวมรองเท้าบูท ผ้าคลุมสีดำ เดินไปยังสนามประลอง
“ฉันสงสัยนิดหน่อย ทำไมนายถึงต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา!”
ตอนที่วิลเลียมปรากฏตัว กรรมการเองก็ปรากฏตัวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เติ้งนีลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วถามสิ่งที่ตนสงสัย
ภาษาอังกฤษของเติ้งนีไม่ถูกหลักเท่าไหร่ แต่ก็เพียงพอให้ทุกคนฟังเข้าใจ