ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 777
บทที่ 777 การรบ
ส่วนผู้ชมที่สนับสนุนเฉินเฟิงนั้นไม่ใช่แบบนั้น พวกเขามีใจที่ขี้สงสารคนที่อ่อนแอกว่า การประลองหลายครั้ง เฉินเฟิงก็ได้พลิกสถานการณ์ทุกครั้ง และชนะการประลอง ทำให้ครั้งนี้ผู้ชมจึงเปลี่ยนความคิดในการมองเฉินเฟิง และนึกว่าความสามารถของเฉินเฟิงไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง ทั้งยังสถานการณ์พลิกผันสถานการณ์ที่คับขัน ด้วยเหตุนี้ การประลองครั้งสุดท้าย พวกเขาจึงหวังว่าจะเห็นเฉินเฟิงสร้างความอัศจรรย์ขึ้นอีกครั้ง
ตอนที่ผู้ชมกำลังตะโกน พิธีกรจึงใช้ไมค์แล้วเตรียมตัวที่จะพูดอีกสองประโยค และในตอนนี้จู่ๆ ทั้งงานก็เงียบงันไป พิธีกรมองไปยังสายตาที่เหล่าผู้ชมมองไป
อู่จื้อโจว จีอู๋ฉาง และชางโป๋ต่างก็เดินเข้ามาในสนามประลอง เฉินเฟิงแสดงสีหน้าที่นิ่งสงบแล้วผลักเย่หนานเทียน
“พอเถอะ พระเอกของพวกเรามาแล้ว การประลองกำลังจะเริ่มขึ้น ทุกท่านได้โปรดรอสักครู่! ”
พิธีกรเพิ่งจะพูดจบแล้วหันหลังเดินออกจากสนามประลอง
“เฉินเฟิง! ”
“เฉินเฟิง! ”
หลังจากนิ่งงันไประยะสั้น ในงานจึงมีเสียงตะโกนที่ตกใจจนสะเทือนฟ้าดินดังขึ้น เสียงๆ นั้นกำลังจะเชียร์เฉินเฟิง
เฉินเฟิงยังคงทำมือคารวะต่อทุกคนเหมือนที่ผ่านมา แล้วผลักเย่หนานเทียนไปถึงที่นั่งผู้ชม
“ศิษย์พี่ ท่านวางใจเถอะ! ” เฉินเฟิงปลอบโยนด้วยยิ้มอ่อนๆ
เย่หนานเทียนพยักหน้า สำหรับศิษย์น้องคนนี้ เข้าตาเขาเป็นพิเศษ เฉินเฟิงก็พูดด้วยความอิจฉา และตอนนี้ทั้งหมดที่เฉินเฟิงทำก็เพื่อเขา
“ไปเถอะ! ” อู่จื้อโจวตบไหล่ของเฉินเฟิง
เฉินเฟิงหันหลังแล้วออกจากตรงกลางสนามประลอง วิลเลียมที่รอคอยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกนี้ ก็คือการปรากฏตัวของอู๋คุน
การประลองครั้งนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่มีชีวิตรอดออกมาจากสนามประลอง เฉินเฟิงรอวันนี้มานานมากแล้ว เพื่อการประลองครั้งนี้ก็ได้เตรียมตัวมานานแล้ว
“วิลเลียมมาแล้ว! ”
ไม่รู้ว่าใครตะโกนออกเสียงแบบนี้ ทุกคนจึงมองไป วิลเลียมก้าวเข้าไปในงาน เขายังคงแต่งตัวแบบนั้น แล้วคลุมเสื้อคลุมสีดำ สวมใส่หน้ากากผี ทั้งตัวเคล้าด้วยรังสีแห่งความน่ากลัว
หลังจากอู๋คุนปรากฏก็ไม่ได้สนใจผู้ชมที่ตะโกนร้องเชียร์เขา อีกอย่างนัยน์ตายังเคล้าด้วยความอาฆาต แล้วกำลังจับจ้องเฉินเฟิงอยู่
เพราะว่าใส่หน้ากาก จึงไม่ได้เผยใบหน้าออกมาอย่างชัดเจน ทว่าความอาฆาตของอู๋คุนกลับทำให้เห็นอย่างกระจ่างแจ้ง ตอนที่เขาห่างจากเฉินเฟิงไม่ถึงสามสิบก้าว ก็หยุดชะงักลง
“ทำไม? นายยังใส่หน้ากากนี้ประลองอีกหรอ? หน้าเผยให้ใครเห็นไม่ได้หรือไง? อู๋คุน! ”
อู๋คุนไม่พูดไม่จา อีกทั้งยังนิ่งงันไปสักพัก
จากนั้นอู๋คุนก็ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นต่อหน้าผู้คนมากมาย แล้วก็เอาหน้ากากผีบนหน้าออก ตอนนี้ใบหน้าของอู๋คุน ได้ปรากฏในสนามประลองในโลกศิลปะการต่อสู้ออกมาเป็นครั้งแรก
ลักษณะดวงตาที่ตรงหัวตาโค้งลง หางตาแหลมชี้ จมูกงุ้มแบบเหยี่ยว ริมฝีปากบาง ทำให้เห็นถึงความโหดร้าย ตอนนี้สีหน้าของอู๋คุนเคล้าด้วยความนิ่งเฉยประดุจน้ำ
ตอนที่อู๋คุนถอดหน้าผากออก ก็ทำให้คนทั้งงานอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“อู๋คุนกลับไม่ใช่คนผิวเหลือง? ”
“ยากที่จะเชื่อ งั้นเขาเป็นคนประเทศหวา ญูี่ปุ่น หรือว่าเกาหลี? ”
ผู้ชมทุกคนล้วนตกใจ ขณะเดียวกันก็กำลังเดาฐานะที่อู๋คุนอยู่
“เฉินเฟิง ฉันรอวันนี้มานานมาก การประลองครั้งนี้ถูกกำหนดว่านายต้องแพ้! ”
และในตอนที่ผู้ชมต่างก็ปรึกษาหารือกัน น้ำเสียงของอู๋คุนก็ดังขึ้นอย่างสะเทือนฟ้าดิน ชั่วพริบตาเดียวก็ได้กลบเสียงของทุกคน แค่เห็นอู๋คุนพูดขึ้นต่อ หลายปีมานี้ ทุกครั้งที่ฉันนั่งสมาธิ ก็จะนึกถึงหลายปีที่ก่อนที่เกิดการข่มเหง ฉันจะใช้การประลองครั้งนี้บอกให้ทุกคน โดยเฉพาะเซียวกั่วจง ฉันจะให้เขารู้ว่าใครถึงจะมีสิทธิ์เป็นศิษย์น้องของเขา ใครถึงจะเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง! ”
“กลายเป็นศิษย์น้องของอาจารย์ นายที่เป็นไอ้สวะไม่คู่ควร! ” เฉินเฟิงก่นด่าด้วยสีหน้าไม่สื่ออารมณ์ใด
“ฉันไม่คู่ควร? ฮ่าๆๆ …….ฮ่าๆๆ! ”
อู๋คุนแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง เหมือนได้ยินคำพูดที่ตลกที่สุด สักพักอู๋คุนถึงจะพูดขึ้นต่อ “ฉันไม่คู่ควร หรือว่าแกคู่ควร? ถ้าแกไม่ใช่คนรุ่นหลังของตระกูลเฉิน แกจะกลายเป็นลูกศิษย์ของเซียวกั่วจงหรอ หากไม่ใช่แบบนี้ แกจะสามารถแย่งตำแหน่งของฉันหรอ! ”
อารมณ์ของอู๋คุนใจร้อนมากจนเหมือนจะพูดความในใจทั้งหมดออกมา
“ฉันขี้เกียจพูดมากกับแก การประลองครั้งนี้แกต้องตาย ทำยังไงถึงจะได้กลายเป็นลูกศิษย์ของเซียวกั่วจง มีความกล้าประลองการรบแทบเป็นแทบตายไหม! ” อู๋คุนเอ่ยพูดด้วยความอาฆาต
“ได้ วันนี้ฉันจะฆ่าแก เพื่อแก้แค้นแทนศิษย์ของฉัน! ” เฉินเฟิงจึงแสดงความอาฆาตออกมา เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนนั้นที่เย่หนานเทียนถูกหักขาทั้งสองข้าง ตอนนี้เฉินเฟิงถลึงตาโต ภายในร่างกายนั้นเคล้าด้วยพลัง
“รนหาที่ตาย! ”
แล้วมองท่าทางของเฉินเฟิง อู๋คุนก็เคล้าด้วยความไม่พอใจ ทีแรกเขาก็ไม่ได้เห็นเฉินเฟิงในสายตาอยู่แล้ว ตอนนี้ดูจากท่าของเฉินเฟิง เขายิ่งมั่นใจว่าจะสามารถฆ่าเฉินเฟิงได้
แค่เวลาผ่านไปไม่หยุด อู๋คุนขมวดคิ้วเป็นปม แล้วเห็นถึงความแตกต่างเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่
ตอนนี้ลมปราณของเฉินเฟิงแผ่ซ่านออกมา เหมือนมันกำลังจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้ชมที่อยู่ในงานต่างก็ไม่พูดไม่จา อีกอย่างจับจ้องเฉินเฟิงไว้อย่างไม่คาดสายตา บางคนที่เจอเรื่องราวมาเยอะ ก็สามารถออกถึงเบาะแส
“บรรลุพลัง! ”
อู๋คุนทำสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองออกว่าเฉินเฟิงในตอนนี้กำลังอยากจะบรรลุพลังหั้วจิ้งชั้นกลาง
ลมปราณของเฉินเฟิงกำลังพุ่งสูงขึ้นโดยเร็ว ตอนที่ลมปราณพุ่งสูงขึ้นถึงจุดสูงสุด จากนั้นก็กลับไปสู้กระแสเลือดทั่วร่างกายอีกครั้ง นั่นแสดงว่าได้บรรลุไปแล้ว
อารมณ์ของอู๋คุนค่อนข้างหม่นหมอง หากเฉินเฟิงไม่บรรลุ งั้นเขาก็จะมีความมั่นใจอย่างมากว่าจะสามารถฆ่าฝ่ายตรงข้าม หากเฉินเฟิงสามารถบรรลุหั้วจิ้งชั้นกลาง หลังจากความสามารถของเขาเพิ่มขึ้น งั้นแสดงว่าทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว อีกอย่างอู๋คุนก็ไม่มีความมั่นใจที่จะฆ่าฝ่ายตรงข้าม
ไม่เพียงแต่แบบนี้ หากเฉินเฟิงบรรลุหัวจิ้งกลาง ความนิสัยที่ระมัดระวังตัวอย่างอู๋คุนก็ไม่มีทางเข้าสู่การรบจนตายกันไปข้างกับเฉินเฟิงแน่นอน
ถึงแม้อู๋คุนแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจเฉินเฟิง ทว่าภายในใจของเขาก็เข้าใจดี ความสามารถของเฉินเฟิงไม่เลว เพราะว่าแบบนี้ เขาถึงต้องฆ่าเฉินเฟิงก่อนที่เขาจะเติบโต
ตอนนี้ลมปราณของเฉินยังคงพุ่งสูงไม่หยุด และปรากฏสถานการณ์โดยนัย อู๋คุนไม่สามารถปล่อยให้เฉินเฟิงบรรลุได้กลางงานแบบนี้
“เหอะ จะบรรลุต่อหน้าฉัน อย่าแม้แต่จะคิด! ”
อู๋คุนทำเสียงเหอะ แล้วก้าวเท้าขวาออกมาอย่างแรง พุ่งทะยานไปที่เฉินเฟิงโดยเร็ว เขาต้องรีบขัดขวางก่อนที่เฉินเฟิงจะกลายเป็นหั้วจิ้งชั้นกลาง
แค่ว่าเขายังช้าไปหนึ่งก้าว ตอนที่อู๋คุนห่างจากเฉินเฟิงไม่ถึงสิบก้าว เฉินเฟิงก็เบิกตาโต นัยน์ตาเปล่งประกายแสงออกมา
ตอนนี้ลมปราณของเฉินเฟิงก็ได้เก็บกลับไป แล้วกลับสู้กระแสเลือดทั้งหมดภายในร่างกาย ตอนลมปราณกลับสู่ความนิ่งสงบอีกครั้ง โดยส่วนมากแล้วแรงกดขี่ของหั้วจิ้งชั้นกลางจะแผ่ซ่านไปทั่วสี่ทิศ
แรงกดขี่แบบนี้มีเพียงจอมยุทธ์หั้วจิ้งชั้นกลางเท่านั้นที่มี หากจอมยุทธ์ระหว่างต่ำที่ต้องเผชิญกับความกดขี่นี้ ไม่มีทางลงไม้ลงมือแน่นอน ก็คงจะถูกกดขี่จนดิ้นไม่ได้
อู๋คุนหยุดชะงักฝีเท้าลงโดยตรง สีหน้าดูย่ำแย่มาก เฉินเฟิงก็สามารถบรรลุหั้วจิ้งชั้นกลางแล้ว และกลายเป็นยอดฝีมือตัวจริง
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือแน่ใจในการเตรียมความพร้อมทั้งหมดของเฉินเฟิง ไม่งั้นคงไม่มีทางบรรลุในช่วงเวลาสั้นๆ หากเป็นแบบนี้ งั้นทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็เพื่อที่จะหลอกล่อให้อู๋คุนติดกับดัก แล้วดึงดูดให้อู๋คุนให้กำหนดสงครามความตาย
อู๋คุนก็ไม่ใช่คนทั่วไป ตอนนี้แค่ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งก็สามารถรู้ถึงผลที่ตามมาได้อย่างชัดเจน