ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 784
บทที่ 784 อาร์กบิชอบมาด้วยตัวเอง
หลังจากที่ชาร์ลตันพระราชาแห่งประเทศอังกฤษพูดจบ สีหน้าของเจ้าหญิงแอนนี่ก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที
แอนนี่คิดอยากจะโต้แย้งแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกมาอย่างไร เพราะว่าสิ่งที่เสด็จพ่อของเธอนั้นพูดถูกต้องและเธอก็ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ เพียงแต่ว่าเธอไม่อยากยอมรับความจริงก็เท่านั้น
“การแต่งงานของลูกกับเฉินเฟิงของประเทศหวามีโอกาสน้อยมาก ถึงแม้ว่าจะไม่พูดถึงความรู้สึกของเฉินเฟิงที่มีต่อภรรยาของเขา สิ่งสำคัญที่สุดยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง เหตุผลนี้เรียกได้ว่าสามารถลบล้างความหวังของลูกได้อย่างสิ้นเชิง!” พระราชาชาร์ลตันพูดอย่างลังเล
“ท่านพ่อ แล้วเหตุผลที่สำคัญที่สุดคืออะไร?”
เจ้าหญิงแอนนี่ถามออกไปโดยไม่รู้ตัว เพราะเธอสามารถรับรู้ได้จากน้ำเสียงของพ่อตัวเองว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“เหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือเฉินเฟิงของประเทศหวาชีวิตของเขากำลังเคลือบคลานเข้าหาความตาย อาจจะเร็วๆนี้หรือพูดอย่างไม่เกินจริงเลยก็คืออาจจะเป็นคืนนี้!”
ดวงตาของชาร์ลตันพระราชาแห่งประเทศอังกฤษสั่นไหวและแววตาของเขาเต็มไปด้วยสติปัญญา เขาเงียบลงสักพักแล้วพูดต่อ “เฉินเฟิงแห่งประเทศหวาสร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนมากมาย คนของสำนักหงเหมิน ตระกูลโซโล แก๊งมาเฟียและรวมไปถึงกลุ่มซานโข่ว วงการวรยุทธของญี่ปุ่น”
“ยิ่งไปกว่านั้นนี่ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เฉินเฟิงจัดการกับผู้สืบทอดหรือผู้ที่รับช่วงต่อของกลุ่มคนที่มีอิทธิพลเหล่านี้จนถึงขั้นเสียชีวิตหรือพิการ เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการเป็นศัตรูกับพวกเขาไม่ตายไม่ราวี ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ลูกคิดว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้จะแก้แค้นเฉินเฟิงยังไง!”
พระราชาชาร์ลตันวิเคราะห์สถานการณ์และผลกระทบของเหตุการณ์ยังใจเย็น
“ถ้าหากพ่อเป็นคนของกลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ก็จะต้องกำจัดเฉินเฟิงให้โดยเร็ว จะปล่อยให้เฉินเฟิงก้าวหน้ากว่านี้แล้วค่อยลงมาไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นลงมือไม่ใช่ลงมือตามปกติแต่เป็นการรวมกองกำลังของกลุ่มอิทธิพลอื่นเข้าด้วยกันแล้วกำจัดเฉินเฟิง!”
เมื่อได้ยินเสด็จพ่อของตนเองวิเคราะห์สีหน้าของเจ้าหญิงแอนนี่ก็เคร่งขรึมลงทันที ใบหน้าของเธอเผยให้เห็นถึงความกังวล เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำของเสด็จพ่อตนเองก็สามารถรับรู้ได้ถึงภัยคุกคามที่อันตรายถึงชีวิต
แต่ว่าแล้วเธอควรทำอย่างไร แล้วทำอะไรได้บ้าง?
“ท่านพ่อคิดว่าพวกเขาจะลงมือช่วงเวลาไหน?” ถึงแม้ว่าเจ้าหญิงแอนนี่จะไม่อยากถาม แต่เพื่อเฉินเฟิงสุดท้ายเธอก็ยอมพูดออกมา
“พ่อคิดว่าเร็วที่สุดก็น่าจะเป็นภายในคืนนี้ของวันนี้!” พระราชาชาร์ลตันนี่เงียบไปสักพักแล้วพูด
เจ้าหญิงแอนน์นิ่งเงียบ ภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่างสามารถมองเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอ ตั้งแต่เริ่มแรกที่ดีใจมาจนถึงตอนนี้ที่เต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว จนถึงตอนนี้แอนนี่ยังไม่สามารถตั้งสติตัวเองได้
ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ความมืดในยามรัตติกาลปกคลุมไปทั่วพื้นแผ่นดิน บนถนนในวาติกันไม่ได้คึกคักเหมือนช่วงตอนกลางวันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเงียบลงไปมาก ที่ตั้งภายในโบสถ์วาติกัน
“ช่วยดูหน่อยชุดนี้เป็นยังไง?”
ธิดาเทพแห่งพรรควาติกันทิฟฟานี่หมุนตัวพร้อมกับถามแม่ชีที่อยู่ด้านข้าง เห็นได้ชัดว่าธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่ดูมีความสุขมาก หลังจากที่การแข่งขันสิ้นสุดลงธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่ก็ออกจากสนามประลองกลับมาแต่งหน้าทำผมที่ห้องของตัวเอง
แม่ชีที่อยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยความสงสัย ตั้งแต่ธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่กลับมาก่อนอื่นก็อาบน้ำแล้วแต่งหน้า หลังจากนั้นก็เริ่มแต่งตัวทำให้เธอยุ่งจนหัวปักหัวปำ
“เทพธิดาแห่งพรรค วันนี้คุณสวยมาก!”
แม่ชีที่อยู่ด้านข้างผู้ชม ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกอึดอัดไม่รู้ว่าวันนี้เทพธิดาแห่งพรรคเป็นอะไรแต่เธอก็ไม่กล้าถาม
เมื่อได้ยินแม่ชีผู้ชมใบหน้าของเทพธิดาแห่งพรรคทิฟฟานี่ก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ เธอโบกมือให้แม่ชีเพื่อบ่งบอกว่าออกไปได้
“ค่ะ!”
แม่ชีโค้งคำนับ หลังจากนั้นก็ออกจากห้องของเทพธิดาแห่งพรรค
หลังจากที่แม่ชีจะไปเทพธิดาแห่งพรรคทิฟฟานี่ก่อนนั่งลงบนโซฟาจ้องมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพียงแต่ว่าเทพธิดาแห่งพรรคทิฟฟานี่รู้สึกว่าเวลาหนึ่งชั่วโมงมันเป็นเวลาที่ยาวนานมาก
“เขาตอบตกลงกับพระสันตะปาปาแล้วว่าจะมาร่วมงานเลี้ยง ยังไงเขาก็ต้องมาแน่นอน!” ธิดาแห่งพรรคทิฟฟานี่คิดในใจ สำหรับงานเลี้ยงในคืนนี้เต็มไปด้วยความคาดหวัง
อีกด้านหนึ่งในโรงแรมที่วาติกันที่เตรียมจัดงานเลี้ยงไว้สำหรับผู้เข้าแข่งขันทุกคน เฉินเฟิงฟังชี้แนะของเย่เทียนหนานด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“เสี่ยวเฟิง ในความเห็นของฉันนายไม่ต้องไปร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ ต้องบอกก่อนว่าถึงแม้จะไม่รู้ว่าพระสันตะปาปาโจ้ส์เชิญนายไปร่วมงานเลี้ยงมีความหมายอะไรซ่อนอยู่ แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ถ้าหากนายออกจากโรงแรมมันอันตรายมาก!” เย่หนานเทียนพูดเตือนด้วยท่าทางที่จริงจัง
“อืม ผมรู้ว่าอาจารย์เป็นห่วงเรื่องอะไร สำนักหงเหมินหงเทียนป้า กงปุ่นเหย่อู่ โซโลและคนอื่นใช่หรือเปล่า!” เฉินเฟิงย่อมรู้ดีเย่หนานเทียนอาจารย์ของตัวเองกำลังคิดอะไร
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือการแข่งขันในช่วงที่ผ่านมา นี่ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เฉินเฟิงทำร้ายคนของกลุ่มอิทธิพลทั้งสามจนได้รับบาดเจ็บล้มตาย ภายใต้สถานการณ์แบบนี้พวกเขาต้องมีเจตนาที่ไม่ดีอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสามคนอาจจะไม่ห่วงชื่อเสียงร่วมมือกันลงมือต่อเฉินเฟิง
“ถูกต้อง!”
เย่หนานเทียนพยักหน้าแล้วพูดต่อ “ยังไงพวกเขาก็ต้องลงมือกับนายอย่างแน่นอนข้อนี้ไม่มีอะไรต้องสงสัย ที่พวกเขายังไม่ได้ลงมือตอนนี้เป็นเพราะว่าฟ้ายังไม่มืด ถ้าหากมีคนเห็นเข้ามันก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ตามมา ดังนั้นจึงรู้สึกลังเลอยู่บ้าง ข้อสองเนื่องจากว่าโรงแรมที่นี่อยู่ในเขตพื้นที่ขององค์กรศิลปะการต่อสู้โลก จึงทำให้พวกเขาไม่กล้าลงมือกับนายที่นี่ ถ้าหากลงมือก็เท่ากับถ้าทายต่อองค์กรศิลปะการต่อสู้โลก พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือนายอยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่า!”
“ห้ามออกจากโรงแรม? ศิษย์พี่แล้วพวกเราจะไปสนามบินยังไง?” เฉินเฟิงขมวดคิ้วแน่น เขารู้ดีว่าสิ่งที่อาจารย์เย่หนานเทียนพูดมานั้นถูกต้อง แต่ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้แล้วพวกเขาจะออกจากที่นี่กลับประเทศหวายังไง ถ้าหากไม่จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ถึงแม้ว่าตอนที่ขึ้นเครื่องบินกลับประเทศก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะถูกยิงด้วยจรวดจนร่วง
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ก็มีบทเรียนก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ถึงเวลานั้นพวกเขาเพียงแค่อ้างเหตุผลว่าเครื่องบินขัดข้องเลยเกิดอุบัติเหตุ ประเทศหวาก็ยากที่จะพูดอะไรได้
“เรื่องนี้นายไม่ต้องเป็นห่วงเรารอไปก่อนก็ได้ อีกไม่นานท่านประมุขหวังแห่งสหพันธ์บูโดของประเทศหวาก็จะมาร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ขององค์กรศิลปะการต่อสู้โลก!”
เย่หนานเทียนเงียบไปสักพักแล้วพูดต่อ “ต้องบอกก่อนว่าท่านประมุขหวังได้ก้าวเข้าสู่ขั้นระดับมหาปรมาจารย์ครึ่งหนึ่งแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่กงปุ่นเหย่อู่ หงเทียนป้า โซโลและคนอื่นๆจะสามารถต้านทานได้!”
เฉินเฟิงพยักหน้า ในขณะที่เขากำลังเตรียมจะพูดอะไรบางอย่างด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เฉินเฟิงเดินไปเปิดประตูพบว่าด้านนอกคืออู่จื่อโจว
“ปรมาจารย์อู่คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?” เฉินเฟิงเอ่ยปากถาม
“คืออย่างนี้เสี่ยวเฟิง เดิมทีฉันเป็นห่วงกลัวว่านายจะไปงานเลี้ยงก็เลยตั้งใจบอกให้ศิษย์พี่ของนายมาช่วยห้ามปราม แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว!”
อู่จื่อโจวเดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู
“ปรมาจารย์อู่คุณหมายความว่ายังไง?” เฉินเฟิงรู้สึกอึ้งไม่เข้าใจอู่จื่อโจวกำลังหมายถึงอะไร แม้แต่สายตาของเย่เทียนหนานก็หันมามองอู่จื่อโจว
“พระสันตะปาปาได้ส่งแซคที่เคยเป็นอดีตอาร์กบิชอบแห่งคูเรียมารับนายไปร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้แล้ว!” อู่จื่อโจวพูดด้วยรอยยิ้มที่พอใจ
“อาร์กบิชอบ?”
ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงจะไม่รู้ว่าอาร์กบิชอบเป็นใคร แต่เมื่อฟังจากน้ำเสียงของอู่จื่อโจวเขาต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน ระดับพลังก็น่าจะอยู่เหนือกว่าหงเทียนป้า โซโล กงปุ่นเหย่อู่