ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 797
แต่อย่างไรที่นี่ก็เป็นที่สาธารณะ เจี่ยตงอดโกรธไม่ได้ พูดเสียงทุ้ม
“คุณผู้หญิง คุณอาจจะไม่รู้ว่าผมเป็นใคร ไว้หน้ากันหน่อย เพื่อนของผมไม่ใช่คนธรรมดากัน รู้จักกันหน่อยคุณไม่เสียหาย”
หลินหวั่นชิวมองยังไม่อยากจะมอง หนุ่มเสเพลแบบนี้เธอเคยเห็นแล้ว แค่สถานภาพทางบ้านไม่เท่ากันแค่นั้นเอง แต่ก็แค่อาศัยบารมีทางบ้าน ที่จริงก็ไม่มีอะไรเลย
“ขอโทษนะคะ พวกเรายังต้องฉลองอีก คุณช่วยหลีกไปหน่อยได้ไหมคะ”เธอพูดจบหมุนตัวกลับทันที ไม่มองฝ่ายตรงข้าม
“ดี ดี ดีมาก”
เจี่ยตงเสียหน้าตรงนี้ไป ได้แต่พูดว่าดีๆๆ แก้วเหล้าในมือส่งเสียงกระทบกัน ดูออกว่าตอนนี้เขาโกรธถึงขีดสุด
“พวกเราต้องได้เจอกันอีกแน่ และเร็วๆนี้ด้วย”
พูดจบ ก็เดินกลับขึ้นไปอย่างเดือดดาล
“หวั่นชิว ไม่เป็นไรจริงๆนะ คนนั้นดูไม่เหมือนคนธรรมดาเลย”
เพื่อนของหลินหวั่นชิวเป็นกังวล ถามอย่างเป็นห่วง
หลินหวั่นชิวกลับไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไรหรอก คนแบบนี้ฉันเจอมาเยอะ”
ดูท่าหลินหวั่นชิวไม่เป็นกังวลเลย คนอื่นๆก็สบายใจ
แต่เพื่อนที่ดื่มเหล้ากับเจี่ยตงสองสามคนนั้นก็ไม่เหมือนกันละ
“เป็นไง คุณชายเจี่ยออกหน้ายังไร้บอยอีกเหรอ ไม่เหมือนคุณชายเจี่ยคนเดิมเลยนี่นา!”
เจี่ยตงนั่งจุมปุกลง พึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ออกมาสองสามคำ
“สถุล กูจะทำให้มึงรู้ว่าเจี่ยตงไม่ได้แหย่กันง่ายๆ”
พูดจบ มองไปทางเฉินอิงไฉ
“คุณชายเฉิน ขอยืมคนสักสองสามคนได้ไหม ผมต้องการใช้”
เฉินอิงไฉเองก็ประหลาดใจ พอได้ยินว่าเจี่ยตงจะยืมคน เขาก็รู้ว่าเจี่ยตงหมายความว่าอะไร
“คุณชายเจี่ยต้องการคนที่แข็งแกร่งหน่อยใช่ไหม ที่นี่คือเมืองเยี่ยนจิง ผมแนะนำว่าอย่าก่อเรื่องเลยดีกว่า”
“คุณชายเฉินถ้าไม่เต็มใจ ผมจะโทรศัพท์ ส่งคนมาจากย่านตงเป่ยสามสี่คน อย่างมากมาคืนนี้”
หวาหยู่ไม่อยากต่อกรอะไร หลังจากเกิดเรื่องพรรคนี้ ที่บ้านก็สั่งให้เขาโลว์โปรไฟล์หน่อย เขาจึงพูดโน้มน้าวว่า
“คุณชายเจี่ย ก็แค่เรื่องผู้หญิงไม่กี่คนไม่ใช่เหรอ อีกไม่กี่วันผมพาไปสระหัวชิง สาวๆที่นั่นรับรองพรีเมี่ยมสุดยอด กลัวว่าถึงเวลานั้นคุณชายเจี่ยจะชักขาไม่กลับน่ะสิ”
พูดพลาง ยิ้มอย่างหื่นกระหาย
เจี่ยตงกลับไม่สนใจ ยังคงพูดกับเฉินอิงไฉ
“ที่ตงเป่ย ผมไม่เคยรับความอัปยศแบบนี้มาก่อน วันนี้ถ้าไม่ได้จัดการแม่สาวๆพวกนั้น ผมเจี่ยตงก็คงไม่มีหน้ากลับตงเป่ย คุณชายเฉิน ก็ทำตามที่เห็นควรแล้วกัน ไม่ต้องมาก หกเจ็ดคนก็พอ”
พูดถึงขนาดนี้แล้ว เฉินอิงไฉยังปฏิเสธอีก ก็คงจะเป็นการไม่ไว้หน้าเจี่ยตง เขาเองก็คงไม่อยากจะล่วงเกินลูกชายของกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงตอบรับเสียงเรียบ
“ก็ได้ ผมให้คุณชายเจี่ยจัดการแล้วกัน แต่ที่นี่คือเยี่ยนจิง อย่าทำเอิกเกริกไปนักล่ะ”
รอจนเฉินอิงไฉพูดจบ เจี่ยตงจึงได้หยิบเหล้าขึ้นมารินให้เฉินอิงไฉอย่างสบายใจ
“คุณชายเฉิน ไว้หน้ากัน ครั้งหน้าไปตงเป่ย ผมต้อนรับ รับรองว่าคุณจะต้องสุขจนลืมบ้าน ไม่สิ สุขจนลืมเยี่ยนจิงไปเลย ฮ่าๆ”
พอเหล้าลงท้องสักสองสามจอก บรรยากาศก็ครึกครื้นขึ้นมาทันที
เดิมทีไม่มีอะไร แต่จู่ๆหลินหวั่นชิวลุกขึ้น โบกมือไปทางบาร์เหล้า อย่างเป็นมิตร ต่างกับท่าทีที่มีต่อเจี่ยตงเมื่อครู่ราวฟ้ากับเหว
หลินหวั่นชิวที่สังเกตเห็นพวกเจี่ยตงมองมาทางตัวเอง คนหนึ่งสวมชุดธรรมดามาก ธรรมดาจนคิดว่าสองสามคนรวมกันน่าจะมีเงินไม่ถึงสองร้อย หัวเราะคิกคักมองมาทางหลินหวั่นชิว
“ไอ้นั่นเป็นคู่ขาของแม่สาวนั่นเหรอ คิดว่าจะเป็นผู้ชายประเภทไหน ที่แท้ก็ยาจก”
เจี่ยตงพูดดุดัน
แต่เฉินอิงไฉกับหวาหยู่จำได้ว่าเป็นเฉินเฟิง ต่างก็ประหลาดใจ
“เป็นเขาไปได้ไง”
“ทำไม คุณชายเฉินรู้จักเหรอ”
เฉินอิงไฉอ่อนใจมาก เฉินอิงไฉจะไม่รู้จักเฉินเฟิงได้อย่างไร ต่อให้กลายเป็นเถ้าธุลี ก็จำได้
จนใจ พวกเขาเสียเปรียบเฉินเฟิงมานักต่อนัก
กำลังคิด เฉินเฟิงก็เดินมาหยุดข้างหลินหวั่นชิวพอดี สองคนพูดจาสนิทสนม แล้วหัวเราะคิกคักกับพวกสาวๆพร้อมนั่งลง
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เจี่ยตงเดือดดาล
“แม่งเอ้ย นังแพร่สยา”
ด่าออกไป เขาจึงถาม
“คุณชายเฉิน ไอ้นั่นเป็นใคร”
ไม่รอเฉินอิงไฉพูด หวาหยู่ก็เริ่มอธิบายความแค้นที่มีต่อเฉินเฟิง
พอได้ยินหวาหยู่พรรณาความแค้นจบ เจี่ยตงกำหมัดทั้งสองแน่น สีหน้าแดงก่ำ รู้ว่าราวกับตัวเองได้รับความอัดอั้น จึงฟึดฟัด
“ไอ้บ้าเอ๊ย แค่คนพรรคนั้นกล้ามายโสต่อหน้าคุณชายเฉิน ผมจะลงไปสั่งสอนมัน”
พูดพลาง เขาลุกขึ้นยืน แต่ว่า หวาหยู่ขวางเขาไว้
“อย่า คุณยังไม่รู้กำลังของมัน เจ้านั้นเป็นกำลังภายใน แล้วเก่งมากด้วย”
หวาหยู่เองก็ไม่ค่อยรู้ถึงกำลังของเฉินเฟิงนัก รู้แต่ว่าเฉินเฟิงเก่งกาจ หนึ่งต่อสี่ยังไม่มีปัญหา
เจี่ยตงยิ้มเยาะ
“หึ เป็นกำลังภายในแล้วยังไง ผมกำลังเครียดว่าหาคู่ต่อสู้ไม่ได้พอดี คันไม้คันมือนัก!”
เฉินอิงไฉเองก็ไม่รู้ว่าเจี่ยตงเป็นกำลังภายในด้วย ไม่รู้ว่าฝีมือเป็นอย่างไร ก็กลัวนิดๆ แต่คิดไม่ออกว่าเจี่ยตงจะแพ้หรือชนะ เฉินตงไม่อยากต่อกรกับเจี่ยตงเท่าไรนัก
แต่ก็ดึงกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับพวกเขามาร่วมกันต่อกรเฉินเฟิง ก็น่าจะชนะอยู่ จึงพูดกับเจี่ยตง
“งั้นคุณชายเจี่ย ความอัปยศของพี่มอบให้คุณชายช่วยจัดการแล้วกัน”
เจี่ยตงเองก็อยากกระชับสัมพันธ์กับเฉินอิงไฉ จึงตอบตกลง
“เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ผมแล้วกัน คุณชายเฉินสบายใจเถอะ”
เฉินเฟิงที่กำลังพูดจาห่วงใยกับหลินหวั่นชิวตบบ่าเบาๆ เขาหันไปมอง ชายร่างสูงกำยำคนหนึ่งกำลังมองมาทางตนเอง
แต่เขาไม่รู้จักฝ่ายตรงข้าม
หลินหวั่นชิวเห็นชายคนนี้ จึงพูดอย่างขุ่นใจ
“คุณมาทำอะไรอีก ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ”
เจี่ยตงละเลยหลินหวั่นชิว และพูดกับเฉินเฟิง
“นายเหรอเฉินเฟิง”
ได้ยินน้ำเสียงหลินหวั่นชิว เฉินเฟิงก็รู้แล้วว่าเจ้านี่ล่วงเกินหลินหวั่นชิว ท่าทีจึงไม่เกรงใจ
น้ำเสียงเย็นชา
“นายล่วงเกินหวั่นชิวเหรอ”
“ที่แท้คนสวยชื่อหวั่นชิวเหรอ ช่างเป็นชื่อที่เพราะจริงๆ เหมือนรูปโฉมของเธอ”
เขามองรุกเร้าเข้าไปในแววตาหวั่นชิว มองจนอึดอัด หวั่นชิวหลบสายตาเขาอย่างน่ารังเกียจ
เฉินเฟิงมายืนบังหน้าหวั่นชิว ไม่ยอมให้เจี่ยตงเข้าใกล้
ไม่พูดมาก มือกวาดปัดที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะ แล้วฟาดไปที่เข่าของฝ่ายตรงข้าม
แต่คิดไม่ถึง เจี่ยตงป้องกันตัวไว้แล้ว เขากระโดดหลบหลัง หลีกตัวไป
“กูกำลังเครียดหาคู่ต่อสู้พอดี”
พูดจบ ตะปบมือด้วยนิ้วทั้งสี่ ราวกับกรงเล็บเหยี่ยวก็ไม่ปาน
เฉินเฟิงรู้ถึงใจ มิน่าล่ะจู่โจมมาแบบนี้ ส่วนใหญ่ผ่านการฝึกมาแล้ว