ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 803
เฉินเฟิงสงสัยว่าพวกเขาหาอะไรได้
หลังจากที่ฝึกถึงขึ้นสูง จึงไม่ค่อยสนใจเรื่องทางโลกเท่าไหร่ ดังนั้นถ้าหากพวกเขาหาสิ่งเทียบเคียงที่
ทำให้เฉินเฟิงสนใจไม่ได้ การดวลครั้งนี้คงไม่เกิด
แต่พอเห็นเจ้าอ้วนสีหน้ายิ้มแย้ม ราวกับมั่นใจหนักหนาในสิ่งที่ตนเองควักออกมา
“ผมจะบอกพวกคุณให้ ผมเป็นคนเลือกมากทีเดียว ต่อให้ดื่มเหล้า ผมก็เลือกดื่มเฉพาะที่ผมอยากดื่ม ไม่งั้นต่อให้เป็นลาแฟร์ปีสองแปด ถ้าผมไม่อยาก ผมก็ไม่รู้สึกว่าดี”
“มันอย่างนั้นอยู่แล้ว พวกเราได้ยินเรื่องรสนิยมคุณชายเฉินมานาน เรื่องความประณีตไม่มีใครติดฝุ่น”
“แล้วพวกคุณเตรียมอะไรมาท้าดวลเล่า”เฉินเฟิงถามขึ้นอีกครั้ง
“คุณชายเฉิน ไม่ต้องรีบร้อน ของกำลังมา เดี๋ยวก็ถึง”
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
ประตูห้องเปิดออก ชายสามสี่คนแบกสิ่งของเข้ามา
“นี่คือ”
“ของอะไรใหญ่ขนาดนี้”
เฉินเฟิงกับสือโพ่จุนรู้สึกใคร่รู้ในสิ่งของที่อยู่ข้างใน
แต่เจ้าอ้วนไม่ได้ตอบตรงๆ เขาสบตากับหวางลั่วปิง จากนั้นยืนตรงขึ้น แล้วเดินไปทางลังไม้ที่อยู่ไกลออกไป
เขาเดินไปหยุดข้างลังไม้ แล้วรอให้คนสองสามคนเข็นมา จากนั้นก็ควักกุญแจดอกสีทองออกมาจากกระเป๋า
เฉินเฟิงมองอย่างละเอียด กุญแจของลังไม้ทำด้วยทองคำ
เมื่อกุญแจเสียบเข้ารู เจ้าอ้วนค่อยๆขยับ ลูกกุญแจอันละเอียดประณีตค่อยๆดีดขึ้น
แต่ในตอนที่จะเปิด ชายอ้วนหยุดการกระทำในมือ แถมยังพูดกับเฉินเฟิงเป็นพิเศษว่า
“คุณชายเฉิน ของในนี้น่ะไม่ธรรมดานะ”
ในตอนที่กำลังอุบไว้ เฉินเฟิงก็อดรนทนไม่ได้เดินหน้าขึ้นเปิด
ดีที่ เจ้าอ้วนไม่ได้ลากไปด้วย เขาค่อยๆเปิดฝาลังออก
ตำแหน่งของเฉินเฟิงอยู่ตรงหน้าลังพอดี แทบจะไม่ต้องลุกขึ้นยืนก็เห็นของข้างใน
เดิมทีคิดว่าจะเป็นของพิสดารอะไรหนักหนา แต่กลับเห็นว่าข้างในนั้นคือก้อนหินก้อนหนึ่ง
“ก้อนหินเหรอ”
เขามองดูเจ้าอ้วน แล้วหันไปมองหวางลั่วปิง
คนกลุ่มนี้ตกลงกำลังทำอะไรอยู่ เขาอดคิดไม่ได้
หวางลั่วปิงเห็นเฉินเฟิงจึงถาม เขาตอบเองกับปาก
“นี่คือหินก้อนหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่หินธรรมดา”
เฉินเฟิงรักษาความเงียบ เขาไม่รู้เรื่อง และก็ไม่กล้าแสดงความเห็นใดๆ
ส่วนหวางลั่วปิงอธิบายต่อ
“พวกเราตามล่าหาพรมแดนปรมาจารย์ ก็เหมือนกับที่ดวลกับน้องชายเพื่อ《จี๋เต้าเจินเจี่ย》ก็เพื่อความก้าวหน้าของศิลปวิทยายุทธ์
ถ้าผมได้《จี๋เต้าเจินเจี่ย》มาแต่น้องชายยังแต่ไม่ถึงพรมแดนปรมาจารย์ ก็อาจจะยังหลงอยู่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง”
เฉินเฟิงตกใจ ราวกับรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะพูดอะไร
พอได้《จี๋เต้าเจินเจี่ย》มาแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องใช้เวลาวิจัยอย่างไม่กินไม่นอนเป็นแน่ หลังจากที่
อ่านจบ เขารู้อะไรขึ้นเยอะ และก็เชื่อมโยงกับหลายสถานที่ น่าตะลึงใจ
เหมือนกับที่หวางลั่วปิงพูด มีบางสถานที่ ราวกับเขาเพิ่งเคยสัมผัสโลกศิลปะการต่อสู้
แม้ว่าในใจตกตะลึง ยังคงมองเขาด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน
“สมแล้วที่คุณท่านหวังได้รับสมญานามว่าตงเป่ยไร้เทียมทาน แค่สองสามคำก็อยากทำให้ชนรุ่นหลังบำเพ็ญเพียร แต่แค่ไม่รู้ว่าลังนี้เกี่ยวอะไรกับก้อนหิน”
ช่างดูน่ารื่นรมย์ เฉินเฟิงก็อดชื่นชมคำหนึ่งไม่ได้
พอได้ยินเฉินเฟิงยกหมัด หวางลั่วปิงหัวเราะเสียงดังขึ้น
“ผมบอกแล้วว่านี่ไม่ใช่หินธรรมดา เป็นสี่หินประหลาดชิงชุ่ย ชางซง หนิงโพ เต้าเนี่ยน รวมกัน……”
“นั่นเป็นตำนานนี่?”ไม่รอหวางลั่วปิงพูดจบ สือโพ่จุนก็ตกตะลึง
“หรือว่าพวกคุณได้หินประหลาดสี่ชนิดนี้มา เป็นไปได้ไง”
แต่ไม่มีใครไปสนใจสือโพ่จุน
เฉินเฟิงเองก็เคยได้ยินตำนานหินประหลาดสี่ชนิดเหมือนกัน แต่ก็เป็นแค่ตำนาน ใครจะไปเชื่อว่าแค่หินจะทำให้คนบรรลุได้
แต่พอเห็นท่าทีพวกหวางลั่วปิง พวกเขาก็เหมือนจะยืนยันในตำนานนี้
เฉินเฟิงยังคงรักษาท่าทีที่สงสัย เขาพูด
“ผมเองก็ใช่ว่าไม่เชื่อคุณท่านหวัง แต่เรื่องพวกนี้มันแค่เรื่องขำขันน่ะ ผมคงจะอาศัยคำพูดคำเดียว《จี๋เต้าเจินเจี่ย》เอาออกมาเถอะ!นั่นเป็นเคล็ดลับแห่งพรมแดนปรมาจารย์เลยทีเดียว”
“น้องชายไม่เชื่อก็เป็นเรื่องปกติ”เขายังคงยิ้ม
“แต่น้องชายไปสืบเสาะหาดูได้ ว่าหินนี่เป็นหนึ่งในตำนานจริงหรือเปล่า หากน้องชายไม่เชื่อ งั้นการท้าดวลก็เป็นโมฆะ ไม่งั้นคนใต้หล้าจะหัวเราะได้ว่าผมรังแกผู้น้อย”
หวางลั่วปิงมีความมั่นใจมาก เฉินเฟิงเองก็พึมพำในใจ หรือว่าจะเป็นหินประหลาดในตำนานจริงๆ
เขาลุกขึ้นอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เตรียมตัวดูว่าหินนี้ประหลาดอย่างไร
ดูท่าเฉินเฟิงเดินมา เจ้าอ้วนก็หลบทาง
หินที่วางอยู่ในลังดูเหมือนหินที่ถูกทิ้งก้อนหนึ่งเท่านั้น สีเขียวเป็นจ้ำๆคือก้อนสาหร่าย
แต่ไม่เหมือนแบบนั้น หินเป็นสีเขียวทั้งก้อน ราวกับสมบัติล้ำค่า
ใหญ่มาก น่าจะใส่ลังใหญ่ได้เกือบมิด
เพียงแค่ดู เฉินเฟิงก็ดูไม่ออกว่ามันจะพิเศษตรงไหน นอกจากสีสวย ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากหินทั่วไป
เขาเงยหน้าดูเจ้าอ้วน
“คุณชายเฉินลองใช้มือสัมผัส”เจ้าอ้วนพูดขึ้น
เฉินเฟิงจึงไม่เกรงใจ เขายังตั้งใจพับแขนเสื้อขึ้น แล้วยื่นมือเข้าไปในลัง
แต่ยังไม่ทันรอให้แตะหิน ก็รู้สึกได้ถึงไอเย็น ราวยื่นมือไปจับก้อนน้ำแข็ง
นี่เป็นไปได้ไง
จู่ๆหลินเฟิงรู้สึกเป็นไปไม่ได้
แต่หลังจากยืนยันสามรอบแล้ว ความรู้สึกเย็นเฉียบจริงๆ แล้วถ่ายผ่านออกมาจากก้อนหินด้วย
พวกเขาต้องทำอะไรกับหินนี่แน่ๆ
เฉินเฟิงยังคงไม่เชื่อ เขาอยากดูสีหน้าของเจ้าอ้วน
แต่สิ่งที่ได้ก็คือความนิ่งเฉย
มือยื่นออกไปใกล้หิน ความเย็นนั้นสัมผัสมือ จากนั้นเขาต้องดูว่าหินก้อนนั้นเอื้อประโยชน์อะไรต่อการฝึกฝนบ้าง
แต่ยังไม่ทันรอสัมผัสก้อนหิน เขาก็ปล่อย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปสัมผัส และไม่ใช่เพราะเขาคิดว่าเป็นเรื่องตลก แต่ตอนที่สัมผัสได้ เหมือนกับมีความรู้สึกว้าวุ่นเข้าแทรกไปในหัว
เขาราวกับแข็งทื่อไป เขาควบคุมอารมณ์อยู่นานกว่าจะผ่อนกลับมาได้
รอจนเขาได้สติตื่นรู้ แล้วไปดูหินนั้นอีก ความสงสัยทั้งหมดก็มลายหายไป
นี่ไม่ใช่หินธรรมดาจริงๆด้วย
ชายอ้วนยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง
“คุณชายเฉิน ตอนนี้เชื่อในตำนานหินประหลาดแล้วสินะ”