ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 804
เฉินเฟิงนิ่งไม่ไหวติง
แม้ว่าในใจจะเชื่อในสมบัตินี้อยู่เจ็ดแปดส่วน แต่การเอาสิ่งของแบบนี้ออกมาพนัน เขาเองก็สงสัย
“ถ้าเป็นอย่างข่าวลือ ถ้าอย่างนั้นหินประหลาดก้อนนี้มีมูลค่ามากกว่าเคล็ดลับของผมมากมาย คุณท่านหวังกล้าให้สิ่งนี้กับผมจริงหรือ”
เขาหยุดชะงักลง มองถอดสายตายาวไปที่ที่นั่งของหวางลั่วปิง จากนั้นค่อยๆพูดขึ้น
“ที่นี่คงไม่มีแมวขโมยอะไรใช่ไหม”
สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาทันที บรรยากาศราวกับถูกสวมอะไรที่หนักอึ้ง
จากนั้นเฉินเฟิงจึงทำลายบรรยากาศขึ้น เขาหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าๆ แค่ล้อเล่น คุณท่านหวังอย่าใส่ใจเลย”
สีหน้าหวางลั่วปิงแข็งทื่อ เห็นได้ชัด ตอนนี้อารมณ์เขาไม่ค่อยดี
แต่เรื่องยังคงต้องคุยกันอยู่ดี สุดท้ายชายอ้วนยิ้มขึ้น
“ฮ่าๆ คุณชายเฉินช่างล้อเล่น พวกเราแลกเปลี่ยนกับคุณชายเฉินด้วยความจริงใจ คนที่จะเข้าถึงแดนปรมาจารย์น่ะ มีไม่กี่ผู้คนนักหรอก คุณกับคุณท่านหวังนับเป็นผู้โดดเด่นในนั้น ต้องช่วยเหลือกันด้วยความจริงใจอยู่แล้ว”
เฉินเฟิงไม่ได้สนใจเขา กลับไปยังที่นั่งตนเอง พูดเสียงค่อยกับสือโพ่จุนว่า
“พวกเขาไม่หวังดีขนาดนั้นหรอก ต่อให้สู้กันอย่างยุติธรรม ของสำคัญขนาดนี้คงไม่ควักออกมาง่ายๆหรอก จะต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ เมื่อกี้แค่ลองดู แต่ละคนก็แห่กันออกมา”
ฉากเมื่อกี้ ทำให้สือโพ่จูนตกใจ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะท้าดวล แต่ก็คงจะไม่มาสู้กันบนโต๊ะหรอกมั้ง
พอฟังเฉินเฟิงวิเคราะห์ เขาก็รู้สึกว่าไม่แฝงปรารถนาดีไว้แน่
ชายอ้วนอยู่ด้านข้าง ไม่เห็นการโอดครวญ จึงกลับมาที่โต๊ะ
เฉินเฟิงจึงพูดขึ้นใหม่
“หินประหลาดไม่มีปัญหา แล้วการท้าดวลจะทำอย่างไร”
ก็ให้เจ้าอ้วนมาตอบ
“คุณชายเฉิน แม้ว่าจะท้าดวล ก็ไม่ควรจะทำร้ายร่างกายตัวเอง เคล็ดลับกับหินประหลาดล้วนเป็นของมีค่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ถ้ามีฝ่ายเดียวไม่มีฝ่ายตรงข้ามก็ลำบาก
“ผมเลยคิดว่าเราอย่าใช้ของสองสิ่งเป็นของดวลดีกว่า แต่ใช้สิทธิในการใช้มันเป็นการดวล”
“อ้อ!ว่าอย่างไรล่ะ”
“ที่จริงนั้นง่ายมาก ถ้าฝ่ายไหนแพ้ ก็ให้อีกฝ่ายยืมของที่ใช้เป็นประกันเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพัฒนาได้มากเท่าไหร่จากของสิ่งนั้น หนึ่งปีให้หลังก็คืนของ”
เฉินเฟิงเบ้ปากยิ้ม พวกเขาความคิดดีจริง
เคล็ดลับถ้าให้ฝ่ายตรงข้ามยืม พวกเขาก็คัดสำเนาเอาไว้อีกเล่ม ปีที่ให้ยืมไปนั้นๆก็เท่ากับไม่ได้สูญ
เสียอะไร
แต่เฉินเฟิงกลับไม่ใส่ใจ พูดอย่างเด็ดขาด
“ตกลง!งั้นเอาตามนี้”
การตัดสินใจของเฉินเฟิงกลับทำให้ฝ่ายตรงข้ามสามสี่คนไม่มีปฏิกิริยา พวกเขาคงคิดว่าตอนที่เฉินเฟิงต่อรอง พวกเขาจะเป็นฝ่ายยอมให้ในท้ายที่สุด แล้วจะได้ลงตัวกัน
แต่คิดไม่ถึงว่าเฉินเฟิงตอบรับทันที แม้ว่าจะเหนือความคาดหมาย แต่สำหรับพวกเขาแล้วเป็นข้อดี
“คุณชายเฉินเป็นคนจริง ดี งั้นพวกเรานัดสนามดวลกัน อีกสามวันให้หลังนัดดวลกันที่สวนซวนหยวน ไม่ทราบว่าคุณชายเฉินคิดเห็นประการใด”
เฉินเฟิงขี้เกียจพูดพล่ามทำเพลง
“ตกลง งั้นสามวันหลังเจอกันที่สวนซวนหยวน”
รอจนทั้งคู่ออกจากร้านอาหารมังกร สือโพ่จุนจึงถามอย่างสงสัย
“นี่ไม่ใช่การดวลที่ยุติธรรมเลยอ่ะ ทำไมถึงรับปากง่ายๆแบบนี้ล่ะ”
“แต่ในสายตาของฉัน เป็นเรื่องที่มีความหมายมาก หินประหลาดนั้นฉันได้ทดลองด้วยตัวเอง ฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานลึกลับบางอย่างในตัวมัน แม้ว่าจะเป็นพลังงานที่ต่างจากปรมาจารย์ แต่ฉันก็สนใจมาก”
สือโพ่จุนกังวล
“แต่นายมั่นใจเหรอว่าจะเอาชนะตงเป่ยไร้เทียมทานได้ ยังไงก็เป็นหั้วจิ้งขั้นสูงสุด แต่ก็รบมาทั่วตงเป่ยแล้วด้วย แค่ประสบการณ์เก่าๆ นายอย่าประมาทล่ะ ระวังถูกตลบแตลง”
เฉินเฟิงยิ้มตอบ
“ฉันรู้แน่นอนว่าเขามีกำลัง จังหวะเมื่อกี้ แม้นายจะเห็นว่าฉันมองซ้ายแลขวา แต่ฉันคอยสังเกตคุณท่านหวังตลอด เขาไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่บารมีแกร่งมาก”
“แล้วนายยัง……”
เฉินเฟิงตบบ่าสือโพ่จุน
“นายไม่เชื่อฉันอีกเหรอ ถ้าไม่มั่นใจฉันไม่ตัดสินใจแบบนั้นหรอก”
มองดูเฉินเฟิงไม่เหมือนล้อเล่น สือโพ่จุนเลยไม่ได้พูดไรต่อ
สามวันที่จริงผ่านไปเร็วมาก เฉินเฟิงกับสือโพ่จุนก็รีบไปที่สวนซวนหยวน
สวนซวนหยวนเป็นสมาคมหนึ่งในเมืองเยี่ยนจิง คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกจะเข้าไม่ได้ ที่นี่ทัศนียภาพสวยงาม มีน้ำมีภูเขา ถ้าว่างก็พักผ่อนที่นี่ได้สักวันสองวัน ถือได้ว่าเป็นทิศทางที่ดี
เพียงแต่การพักผ่อนนี้เน้นย้ำเฉพาะกลุ่ม
ส่วนเฉินเฟิงไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ ดังนั้นตอนที่พวกเขามา ก็โดนคนเฝ้าประตูขวาง
“ผมเข้าไปไม่ได้เหรอ”
เฉินเฟิงยืนยันกับคนเฝ้าประตู
“ขอโทษนะครับคุณผู้ชาย ที่นี่เป็นสมาคมส่วนตัว คุณเป็นสมาชิกหรือเปล่าครับ ผมเลยให้คุณเข้าไป
ไม่ได้”
คนๆนี้รับผิดชอบต่องานมาก แววตาที่มองเฉินเฟิงฟ้อง ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ๆพวกคนจนจะมาใช้บริการนะ
เฉินเฟิงเองก็ยิ้ม เขายืนอยู่ที่นี่ ไม่อยากจะโมโหกับพวกคนเล็กๆพวกนี้ เขาไม่ได้เข้าไป ก็เป็นความตั้งใจของหวางลั่วปิง
เพียงแต่หนุ่มคนนี้ต้องการวางอำนาจข่มเขา
“ไม่งั้นเข้าไปพูดกับพวกเขาหน่อย ผมจะได้กลับไป”เฉินเฟิงพูดกับผู้รักษาประตู
แต่ยังไม่ทันรอให้คนเฝ้าประตูได้ตอบ ครั้งที่แล้วเห็นเจ้าอ้วนวิ่งออกมาจากด้านใน
เวลาวิ่งก้อนเนื้อบนตัวก็กระเพื่อม แต่ก็วิ่งได้เร็ว
“คุณชายเฉิน ขอโทษครับ คุณมาถึงก่อน ทางเรากลับมีคนมาขวางเสียงั้น”
เขาพูดกับเฉินเฟิงจบ จึงกระแอมเสียงจริงจัง
“ยังไม่ขอโทษคุณชายเฉินอีก พวกไร้ประโยชน์ คุณชายเฉินเป็นคนที่ขวางได้เหรอ ไม่ดูตาม้าตาเรือ”
คนเฝ้าประตูรู้สึกอึดอัด พอเจ้าอ้วนพูด เขายิ่งไม่กล้าล่วงเกิน ได้แต่ก้มหน้าขอโทษขอโพยเฉินเฟิง
อย่างว่าง่าย
“ช่างเถอะ เรื่องเล็ก ผมไม่ใช่คนไร้สาระ”
เขาเหน็บแนมฝ่ายตรงข้ามว่าไร้สาระ เจ้าอ้วนก็ฟังออก แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ได้แต่หัวเราะแหะๆ
“คุณชายเฉิน เป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง อายุน้อยยังโดดเด่นขนาดนี้ ผมนี่เคารพนับถือศิโรราบ”
คนๆนี้หน้าไม่อาย ต่อให้เฉินเฟิงว่าเขาสักคำสองคำ เขาก็ยังคงยิ้มมาจูบเท้าเฉินเฟิง เฉินเฟิงจึงขี้เกียจใส่ใจ
“พวกเขามาถึงแล้วเหรอ”
“มาแล้วครับ วันสำคัญขนาดนี้ คุณท่านหวังเองก็เฝ้าคอย”
เขาพูด พลางพาพวกเฉินเฟิงสองคนเข้าไป