ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 816
ไอ้หน้าหนวดที่เพิ่งเริ่มทักทายกับเฉินเฟิงก่อนมีชื่อว่าโจวซิงไห่ มีอาชีพเป็นครู
ส่วนคนที่ใส่แว่นมีชื่อว่าเซวี่ยผิง เขาเปิดร้านอาหาร ที่เหลืออีกสองคนก็เป็นเพื่อนของพวกเขา คนนึงชื่อหยังจื้อ ส่วนอีกคนชื่อว่าหลินเที๋ยน
ตอนที่พวกเขามีเวลาว่างก็มักจะไปท่องเที่ยว ต่อมามีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่ท่องเที่ยวเป็นกลุ่มก็ได้รู้ว่าพวกเขามาจากเมืองเดียวกัน คนพวกนี้จึงรวมตัวกันจนกลายเป็นกลุ่มๆนึง พวกเขามักจะออกไปสำรวจสถานที่รอบๆที่ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเพื่อผจญภัย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในงานอดิเรกของพวกเขา
วันนี้ที่เจอกับเฉินเฟิงก็เป็นหนึ่งวันในการท่องเที่ยวของพวกเขา เย็นนี้พวกเขาเพิ่งเดินทางมาถึงตีนเขาของที่นี่ กะว่าจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ จากนั้นก็ดูวิวรอบๆ แล้วก็เตรียมตัวกลับ นี่เป็นเพียงแค่หนึ่งในทริปการท่องเที่ยวเล็กๆของพวกเขา
เฉินเฟิงคุยกับพวกเขาเยอะมาก มีเพียงแค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ที่เขายังคงเลือกที่จะปิดปังตัวตน บางทีในสายตาของคนปรกติ ศิลปะการต่อสู้คงเป็นแค่เรื่องไร้สาระ
กระท่อมเล็กๆที่อยู่ใกล้ยอดเขาของชิงจือ ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงแล้ว
เฉินเฟิงเห็นว่าข้างในกระท่อมยังคงมีแสงสว่างอยู่ บางทีพวกเธอทั้งสองอาจจะยังไม่นอน
“นี่เป็นกระท่อมของเพื่อนคุณเหรอ?”
เซวี่ยผิงถามขึ้นมา
เฉินเฟิงพยักหน้า
“ความจริงฉันเองก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าตัวเองจะมีบ้านอยู่ในสถานที่แบบนี้ ในเวลาว่างจะได้มาพักผ่อน หรือไม่ก็หลังจากที่ฉันถึงวัยชรา ฉันจะได้มาใช้บั้นปลายชีวิตที่นี่ นี่เป็นสถานที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติที่สุด”
เฉิงเฟิงไม่ได้พูดอะไร เพราะว่าเมื่อกี้คนที่ยืนอยู่ที่นั่น ประตูข้างนอกของชิงจือถูกเปิดออกมา
ชิงจือถือตะเกียงอยู่ เธอเห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลแล้ว แน่นอนว่าเธอเองก็เห็นเฉินเฟิงแล้วใช่กัน
“ทำไมแกถึงกลับมาอีกล่ะ? คนพวกนี้แกเป็นคนพามาเหรอ?”
เฉินเฟิงตอบกลับไปว่า
“ระหว่างทางฉันเจอกับพวกเขา กะว่าจะดูพระอาทิตย์ขึ้นกับพวกเขา รอจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้พวกเราก็ออกไปแล้ว”
เขากลัวชิงจือจะคิดว่าตัวเองวางแผนที่จะทำอะไรสักอย่าง เพราะงั้นจึงอธิบายอย่างจริงจัง
ชิงจือดูพวกเขาด้วยความลังเล โดยไม่ได้พูดอะไร
เด็กผู้หญิงคนนั้นที่เฉินเฟิงเก็บมาได้ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆชิงจือ พอเธอเห็นเฉินเฟิง ก็ทำท่าเหมือนจะดีใจเป็นอย่างมาก
เฉินเฟิงเองก็ยิ้มให้กับเธอ
แต่ชิงจือกำลังเตรียมที่จะปิดประตู โดยไม่สนใจเฉินเฟิงอีก
“หนูจะดู!”
ในตอนที่ชิงจือกำลังลงมือ จู่ๆเด็กผู้หญิงคนนี้ก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับชิงจือ
ชิงจือหยุดชะงัก แล้วมองไปยังเด็กผู้หญิง
ท่าทางของเด็กผู้หญิงดูดื้อรั้น ดูราวกับกำลังทำสงครามประสาทกับตัวเอง
หลังถูกชิงจือจ้องอยู่นาน แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงแน่วแน่
จนสุดท้าย ชิงจือก็ยอมแพ้ เธอมองเฉินเฟิงด้วยสายตาตำหนิ
เฉินเฟิงถูกมองจนใจสั่นเล็กน้อย
“ในเมื่อเธออยากไป งั้นก็ไปกันเถอะ แต่จะต้องอยู่ข้างๆฉัน ถ้าเกิดเธอออกห่างจากฉัน ฉันก็จะฆ่าผู้ชายคนนี้ซะ” ชิงจือพูด
พอได้ยินว่าชิงจืออนุญาตแล้ว แม้แต่เฉิงเฟิงก็อยากจะยินดีแทนเด็กผู้หญิง แต่พอได้ยินประโยคหลัง เขาก็มองชิงจือด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“ฉันขอจัดของสักครู่ จากนั้นพวกเราก็จะไปด้วย”
คำพูดของเธอให้ความรู้สึกว่าไม่ต้องถามอะไร และที่เธอบอกว่าจะตามมา งั้นแน่นอนว่าก็จะตามไปด้วย
ระหว่างทาง กลุ่มที่เดิมที่มีแค่สี่คน ตอนแรกก็มีเฉินเฟิงเพิ่มขึ้นมา แต่ตอนนี้เพิ่มเข้ามาอีกสองคน ตอนนี้จึงมีอยู่ทั้งหมดเจ็ดคน
กลุ่มเล็กๆเองก็ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย
เซวี่ยผิงทั้งสี่คนเดินอยู่ข้างหน้า เฉินเฟิงอยู่ตรงกลาง ส่วนชิงจือกับเด็กผู้หญิงอยู่หลังสุด พวกเขาเองก็ไม่พูดอะไร แค่เดินตามหลังกลุ่มมาอย่างเงียบๆ
เฉินเฟิงกำลังคิดหาหัวข้อสนทนา แต่พอหันหน้าไปมองพวกเธอ ก็ถูกชิงจือจ้องกลับมาด้วยสายตาที่เย็นชา
เขาจึงต้องยอมแพ้
โชคดีที่ทางไปยอดเขานั่นไม่ได้ไกลมาก พอเดินมาได้ชั่วโมงกว่า ก็มาถึงยอดเขา
หาสถานที่แล้วต่างนั่งพักผ่อน ที่เหลือก็แค่รอการมาของพระอาทิตย์
เฉินเฟิงไปนั่งข้างๆชิงจือ
ชิงจือเหล่มองไปยังเฉินเฟิง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากที่นั่ง ตอนแรกเฉินเฟิงก็ยังไม่ได้พูดอะไร แต่พอผ่านไปหลายนาที เขามองเด็กผู้หญิงที่ชิงจือกอดอยู่ เขาจึงถามขึ้นมาว่า
“คุณกับเด็กผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์แบบไหนกัน?”
“ไม่เกี่ยวกับแก!”
ชิงจือตอบกลับด้วยความเย็นชาโดยที่ปิดตาอยู่
พอถูกปฏิเสธที่จะตอบคำถาม แต่เฉินเฟิงก็ยังถามต่อด้วยหน้าด้านๆว่า
“ฉันรู้ดูเหมือนว่าคุณอยากให้เธออยู่ข้างๆคุณอยู่ตลอด เธอเป็นอะไรกับคุณใช่ไหม เป็นญาติ? หรือว่าลูกสาว?”
“แกคิดว่าฉันไม่ฆ่าแกจริงๆใช่ไหม”
พอได้คำตอบที่เย็นชายิ่งกว่าเมื่อกี้
เฉินเฟิงถูกเย็นชาใส่ จิตสังหารนั่นรุนแรงเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าถ้าเกิดพูดอีกแค่ประโยคเดียว เขาอาจต้องกลายเป็นศพ
ถอยกลับไปอย่างเรียบง่าย มีมือเล็กๆนึงมาจับชายเสื้อของเขาเอาไว้ พอเขามองกลับไป เป็นมือของเด็กผู้หญิง
เฉินเฟิงยิ้มให้กับเด็กผู้หญิง
เพียงแต่ว่าภาพนี้ถูกชิงจือเห็นอีกครั้ง เธอทำหน้ามืดมนเล็กน้อย ดูเหมือนจะไม่ชอบให้เด็กผู้หญิงไปยุ่งเกี่ยวกับเฉินเฟิงเป็นอย่างมาก
ในตอนที่เฉินเฟิงกำลังเตรียมมที่จะนอนเพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้น กลับได้ยินชิงจือถามขึ้นมาว่า
“แกคิดว่าเธอเป็นใคร?”
เฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ชิงจือเป็นคนเริ่มเปิดปากถามเขา
บางทีอาจจะคุยกันต่อได้ อย่างน้อยๆถ้าสามารถสนิทกันมากขึ้นสักเล็กน้อยก็ยังดี เขาสังเกตดูเด็กผู้หญิงสักพักแล้วพูดว่า
“ฉันรู้สึกว่าเธออาจจะเป็นลูกสาวของคุณ! ไม่งั้นคุณคงไม่สนใจเธอขนาดนี้ แต่ฉันก็คิดไม่ออกว่า ทำไมคุณถึงต้องทิ้งเธอด้วย แถมยังหาเจอได้ในทันที”
แม้ว่าชิงจือจะอายุไม่มาก แต่เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ไม่น่าจะถึงสิบขวบ ถ้าเกิดชิงจือมีลูกตั้งแต่วัยรุ่น มันก็ยังพอมีความเป็นไปได้
แต่พอเฉินเฟิงถูกชิงจือจ้องมองอีกครั้ง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าตัวแองเดาผิด
“น้องสาวเหรอ? แต่รู้สึกว่าพวกคุณดูไม่เหมือนกันเลย”
พอเห็นว่าชิงจือไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร เฉินเฟิงก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเดาผิดอีกแล้ว
นี่เป็นคำตอบที่เขาสามารถคิดขึ้นมาได้ แต่ล้วนเดาผิดหมด จึงถ้าได้แค่พูดยอมแพ้
“งั้นฉันก็ไม่รู้แล้ว”
“งั้นก็ช่างเถอะ”
“อืม คุณจะไม่บอกฉันเหรอ?”
“ฉันไม่เคยพูดว่าจะบอกแก”
เฉินเฟิงลองคิดคำพูดเมื่อกี้ของชิงจือ ดูเหมือนว่าเธอแค่ต้องการให้ตัวเองเดาๆดู
เขามองไปยังชิงจือ เขารู้สึกว่าถ้าเกิดสามารถเอาชนะเธอได้ เขาจะต้องตบเธอสักสองทีอย่างแน่นอน
แต่ทุกอย่างนี้มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ พอถูกปั้นหัวแบบนี้ เฉินเฟิงเองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะคุยกับชิงจือต่อ ทำได้แค่นอนอยู่บนพื้น แล้วรอการขึ้นมาของพระอาทิตย์ในวันที่สอง
เดิมที่ก็อยู่ในป่า เฉินเฟิงเองก็นอนไม่ค่อยหลับ บางทีน่าจะผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆก็มาตบไหล่ของเขา
เขารู้สึกได้จึงลืมตาขึ้นมา แล้วอยากถามว่ามีอะไร
แต่ชิงจือเธอกลับใช้นิ้วชี้ทำท่ากระซิกว่าอย่าส่งเสียงดัง
เฉินเฟิงเห็นเธอ จริงจังเป็นอย่างมาก เขาเองก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เขาเงยหน้าขึ้นมา แล้วมองไปยังทางที่ชิงจือกำลังดูอยู่
มีเสือดาวหนึ่งตัวกำลังจ้องมองมาทางนี้
เสือดาวตัวนั้นไม่ได้พุ่งเข้ามาทันที บางทีอาจจะกำลังสังเกตการณ์อยู่ พอมันรอจนรู้ว่าไม่มีอันตรายใดๆ บางทีมันคงจะพุ่งเข้ามาทันที โดยไร้ความปราณี
เฉินเฟิงเองก็นึกไม่ถึงว่าจะเจอกับสถานการณ์แบบนี้
“คุณสามารถจัดการได้ไหม?”
แต่เขาก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก เขาสามารถรับมือกับมันได้ แต่ก็ไม่สามารถปกป้องคนอื่นได้อีก ส่วนชิงจือเป็นมหาปรมาจารย์ เขาเชื่อใจเธอยิ่งกว่า