ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 826
อุณหภูมิเยือกเย็นลง แม้จะยังมีกลิ่นคาวหลงเหลืออยู่เล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้ใส่ใจมากมาย ก่อนจะคีบเอาเนื้อที่ไร้รสชาติใส่ปาก และได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของกระเพาะอีกครั้ง
แล้วในตอนนั้นเองที่ชิงชิวเดินเข้ามา
“เขาให้ผมมาบอกกับคุณว่าตอนนี้เขาจะไว้ชีวิตคุณไปก่อน อีกไม่นานเขาจะกลับมาเอาคืน”
เขานั่งลงแล้วพูดออกมา
เฉินเฟิงรู้ว่าเขาคนนั้นคือใคร แต่ว่าในตอนนี้เขากลับไม่ได้สนใจมันอีกแล้ว เพราะการได้ต่อชีวิตไปอีกวันหนึ่งก็นับว่าเพียงพอมากแล้ว ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ค่อยคิดอีกทีก็ไม่เป็นไร
ชิงชิวหันไปเห็นว่าซุปไก่ถ้วยนั้นหมดแล้ว เขาจึงถามเฉินเฟิงว่ายังต้องการเพิ่มอีกหรือไม่
เฉินเฟิงพยักหน้า ไม่นานชิงชิวก็ตักซุปไก่ร้อนๆ เข้ามาให้อีกถ้วย
“เขามีความแค้นกับคุณงั้นหรอ?” ชิงชิวนั่งลงอีกครั้งพร้อมกับคำถาม
เฉินเฟิงครุ่นคิด รู้สึกว่าเรื่องแค้นมันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเขาเลยแม้แต่น้อย
การที่พี่น้องตระกูลเน่มาหาเรื่องเขาก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดมากแล้ว แต่เรื่องที่หลังจากสองคนนั้นตายไปแล้วมีมหาปรมาจารย์มาตามล่านั้นยิ่งทำให้เฉินเฟิงหดหู่ใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
เขาเพียงแค่พลัดหลงเข้ามาในน้ำวนนี้ ทว่าการที่เขาตกลงไปได้อย่างไรนั้นเขาเองยังไม่รู้สาเหตุด้วยซ้ำ
“ผมรู้เพียงว่ามีคนกำลังต้องการทำร้ายผม โดยที่เขามีการวางแผนมาแล้วตั้งแรก ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเขาคนนั้นคือใคร แต่ผมจะต้องลากตัวเขาออกมาให้ได้” เฉินเฟิงพูดด้วยความเกลียดแค้น
“คุณควรจะคิดหาวิธีว่าจะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ยังไงจะดีกว่า” ชิงชิวกล่าว
เฉินเฟิงยิ้มฝืด การที่สามารถเอาชีวิตรอดมาจากมหาปรมาจารย์ได้ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว
“ถ้าผมสามารถบรรลุการเป็นมหาปรมาจารย์ได้ ทุกอย่างก็คงจะง่ายขึ้น”
เฉินเฟิงเพียงแค่พูดหยอกล้อเท่านั้น แต่ชิงชิวกลับคิดอย่างเอาจริงเอาจังซะอย่างนั้น
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็จำเป็นต้องฆ่ามหาปรมาจารย์หนึ่งคน เพราะตอนนี้ 12 ปรมาจารย์สุดยอดคงจะครบแล้ว”
“หากการจะบรรลุสู่การเป็นมหาปรมาจารย์แล้วต้องฆ่ามหาปรมาจารย์ไปหนึ่งคน หรือการฆ่ามหาปรมาจารย์ไปคนหนึ่งแล้วจะต้องขึ้นเป็นมหาปรมาจารย์คนใหม่นั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับเรื่องไก่เกิดก่อนไข่ หรือไข่เกิดก่อนไก่เลย ทุกอย่างจะวนเวียนอยู่อย่างนั้นไม่จบไม่สิ้น”
เฉินเฟิงพูดด้วยรอยิ้มเยาะเย้ย
ชิงชิวไม่พูดอะไร บางทีเขาเองก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกัน
หลังจากที่พักรักษาตัวมาสักระยะ ร่างกายของเฉินเฟิงก็ฟื้นตัวแล้วไม่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคงไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ดังนั้นจึงเป็นชิงชิวที่คอยจัดการดูแลทุกอย่าง นั่นจึงทำให้เฉินเฟิงรู้สึกซาบซึ้งต่อการกระทำของชิงชิวอย่างมาก
กระทั่งในช่วงบ่ายวันนี้ก็มีคนเข้ามาในหุบเขาลึก โดยเป้าหมายของเขาคือกระท่อมหลังเล็กที่เฉินเฟิงกำลังพักอยู่นั่นเอง
คนคนนี้มีความสูงราวสองเมตร ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา ร่างกายมีกล้ามเนื้อที่ดูทรงพลัง
เขาที่เดินมาถึงกระท่อมเห็นเฉินเฟิงนั่งอยู่ในนั้นจึงกล่าวถามทันที
“ที่นี่มีมหาปรมาจารย์อยู่ท่านหนึ่งใช่หรือไม่?”
เฉินเฟิงมองเห็นเขามาตั้งแต่ไกลๆ แล้ว แต่เห็นว่าเขาคนนั้นไม่ใช่เน่หวาเฟิง ดังนั้นเขาจึงคิดที่ตอบสนองกลับใดๆ ทั้งสิ้น
กระทั่งคำถามนั้นถูกถามขึ้นมา เขาถึงได้รู้ว่าหมายถึงชิงจือ แต่ว่าชิงจือไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาจึงตอบกลับไป
“ไม่มี คุณหาผิดที่แล้ว”
ชายร่างใหญ่ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อ จึงถามอีกครั้ง
“แต่ผมได้ยินมาว่าที่นี่มีมหาปรมาจารย์หญิงท่านหนึ่ง นี่คุณไม่รู้หรอกหรอ?”
เฉินเฟิงไม่อยากจะสนใจเขา การที่เขามาตามหาชิงจือคงแค่ต้องการเรียนวิชาอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงไม่สนใจเขา เขาจึงเกิดหมดความสนใจ และคิดว่าบางทีออกไปตามหาที่อื่นน่าจะดีกว่า
ชิงชิวที่เดินออกมาจากข้างในพร้อมกับตอบกลับ
“เคยมีมหาปรมาจารย์อยู่ที่นี่จริง แต่ว่านานแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาที่นี่”
เมื่อกี้นี้เขาคงจะได้ยินคำถามที่ชายร่างใหญ่ได้ถามไปจึงรีบออกมา
ชายร่างใหญ่มองไปยังชิงชิวด้วยความตื่นเต้น
“แบบนี้นี่เอง แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ ?” เขาถามอีกครั้ง
ครั้งนี้ชิงชิวเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาอย่างไรดี เพราะเขาเองก็กำลังรอการกลับมาของชิงจือเหมือนกัน
“ไม่รู้” เขาตอบกลับพลางส่ายหัว
ชายร่างใหญ่ที่ไม่ได้ข่าวคราวอะไร ทำได้เพียงครุ่นคิด จนสุดท้ายก็เดินทางออกจากที่นี่ไป
“คุณรอชิงจือกลับมาเพราะต้องการทำอะไรหรอ?”
หลังจากผ่านไปกว่าสองนาที เฉินเฟิงก็ถามขึ้นมา
ชิงชิวไม่ตอบกลับพลางหันไปทำงานของตัวเองต่อ
เฉินเฟิงก็ไม่ได้อยากตื้ออะไรมากมาย เลยกลับไปกินผลทับทิมที่อยู่ในมือ
ชิงชิวอยู่ที่นี่เพื่อรอชิงจือ แต่เฉินเฟิงกลับไม่รู้ว่าตัวเองนั้นกำลังเฝ้ารออะไรอยู่ เขาไม่กล้าที่จะกลับไปที่เมือง เพราะกลัวว่าเน่หวาเฟิงจะกลับมาตามล่าตนอีก แต่การจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ จะทำให้เขากลายเป็นคนเถื่อนได้
บางทีถึงเวลาที่เขาจะต้องคิดหาวิธีการแล้ว
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปอีกสองวัน ทำให้เขาไม่คิดว่าจะมีคนเดินทางเข้ามาในป่าลึกอีกแล้ว
แต่เมื่อเฉินเฟิงได้เห็นหญิงงามในชุดพระราชวังพาเด็กสาวคนหนึ่งมาถึงหน้าประตู ความหวาดกลัวของเขาก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
แต่ตรงกันข้ามกับเฉินเฟิง คือเด็กสาวที่เมื่อได้เห็นหน้าของเฉิงเฟิงกลับดีใจอย่างมาก รอยยิ้มบนใบหน้าสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ถ้าหากไม่ใช่ว่าถูกหญิงคนนั้นดึงตัวเอาไว้ เธอก็คงจะวิ่งเข้าไปหาเขาแล้ว
“ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่ ฉันเคยบอกแล้วนี่ว่าให้คุณไปจากที่นี่ซะ”
ทันทีที่ได้เจอกัน หญิงสาวในชุดชาววังก็พูดด้วยใบหน้าที่เย็นชาทันที
“เพราะมีเรื่องบางอย่าง……”
เฉินเฟิงไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายยังไงดี พอดีกับผู้หญิงคนนั้นที่ไม่ได้อยากจะฟังเหตุผลของเขา เธอจึงพูดแทรกเฉินเฟิงทันที
“ช่างเถอะ โชคดีที่คุณยังอยู่ที่นี่ เด็กคนนี้อยากจะเจอหน้าคุณ คุณพูดคุยกับเธอหน่อยแล้วกัน”
เธอพูดจบก็ปล่อยมือของเด็กสาว
เด็กสาววิ่งเข้าไปหาเขาราวกับม้าป่าที่ถูกถอดบังเหียนออกเสียอย่างนั้น
ที่จริงเฉินเฟิงมีความรู้สึกเฉยที่ได้เจอเธออีกครั้ง เพราะว่าเด็กสาวเคยสูญเสียความทรงจำไปครั้งหนึ่ง จึงทำให้ครั้งที่สองพวกเขาได้อยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แต่เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเด็กสาวถึงได้ตามติดเขามากนัก
บางทีอาจเป็นเพราะว่าหลังจากที่เด็กสาวฟื้นขึ้นมาแล้วได้เห็นเขาเป็นคนแรก เลยทำให้ในใจเกิดความอยากใกล้ชิดขึ้นมา
เฉินเฟิงอุ้มเด็กสาวไว้ตรงหน้าของเขา แล้วมองดูเธออย่างละเอียด
ตอนนี้เธอดูแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก อย่างน้อยก็ไม่ได้ผอมบางเหมือนหนังหุ้มกระดูกอย่างนั้นอีกแล้ว
ในตอนที่เฉินเฟิงกำลังมองเธออยู่นั้น เด็กสาวก็มองเขาอยู่เหมือนกัน
เธอยิ้ม ยิ้มอย่างสุขใจ
“เธอคิดถึงฉันหรอ?”
เฉินเฟิงถาม
เด็กสาวยังคงไม่ชอบพูดคุยดังเดิม ทำเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น
“เธอสบายดีไหม?”
เฉินเฟิงถามอีกครั้ง
แต่ดูเหมือนคำถามนี้ทำให้เด็กสาวนิ่งเงียบทันที เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหัว
เมื่อได้เห็นคำตอบเช่นนี้ เฉินเฟิงกลับไม่มีปัญญาทำอะไรได้
เขานิ่งเงียบ แต่ในตอนที่เขากำลังจะพูดบางอย่างเพื่อปลอบใจเด็กสาว หญิงงามในชุดพระราชวังคนนั้นก็พูดแทรกขึ้นมา
“เอาล่ะ ตอนนี้เธอก็ได้เจอเขาแล้ว กลับไปกับฉันได้แล้ว !”
เธอหันไปพูดกับเด็กสาว ราวกับว่าการที่เธอมาที่นี่เพื่อที่จะให้เด็กสาวได้พบเฉินเฟิงเพียงครู่เดียวเท่านั้น และก็เพียงแค่ครู่เดียวจริงๆ
เฉินเฟิงรู้สึกทนดูไม่ได้ เขาหันไปมองหญิงสาวแล้วพูดอย่างไม่พอใจ
“คุณไม่ได้เป็นอะไรกับเธอสักหน่อย เธออยากทำอะไรก็สามารถทำได้”
เขารู้ว่าแบบนี้จะทำให้หญิงสาวโกรธ แต่ใบหน้าเศร้าสร้อยของเด็กสาวทำให้เขากล้าหาญขึ้นมา
“คุณกล้าพูดแบบนี้กับฉันงั้นหรอ” หญิงสาวจ้องเฉินเฟิงด้วยสายตาที่เยือกเย็นราวกับสายตานั้นสามารถแช่แข็งเขาเอาไว้ได้
“ใช่ วันนี้ผมจะไม่ให้คุณพาเธอกลับไป” อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้ไม่มีคนอื่นอยู่ข้างกายหญิงสาว หรือจะเป็นเพราะว่าเด็กสาวกำลังจับมือของเขาอยู่ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใด เฉินเฟิงก็พูดออกมาแล้ว
ชิงชิวเดินออกมาด้วยความที่ได้ยินเสียงวิวาทกันข้างนอก ทั้งที่ปกติแล้วเวลานี้ส่วนมากเขาจะนั่งสมาธิ เพราะนั่นถือเป็นการบ้านที่เขาต้องฝึกฝน
เขาพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจทันทีที่เดินออกมาเห็นหญิงงามในชุดพระราชวัง
“น้าป๋าย ทำไมถึงมาที่นี่ ?”
หญิงงามในชุดพระราชวังตอบกลับด้วยความเฉยชา
“เพราะว่าเจ้าเด็กคนนี้”
เมื่อมองตามสายตาของน้าป๋าย ชิงชิวหันมองไปยังเฉินเฟิงแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงสงสัย จึงถามอีกครั้ง
“เพื่อนร่วมทางเฉินเฟิง ?”