ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 856
เฉินเฟิงเริ่มมีท่าทีที่ทนไม่ได้กับเสน่ห์อันเย้ายวนนี้ ทั้งที่เป็นสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วยแต่กลับทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นเขาเลยเลือกที่จะหลับตาลงอีกครั้ง
แต่คงเป็นเพราะเห็นว่าไม่ต้องการที่จะพูดอะไรอีก เซียงหลันจึงยุติความคิดของตัวเอง
การพร่ำรบกวนเขาครั้งหนึ่งยังถือว่าเป็นเรื่องที่พอรับได้ แต่หากรบกวนเขาอีกครั้งเธอเกรงว่าจะทำให้เฉินเฟิงโมโหขึ้น
การข่มขู่ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้สำหรับเธอแล้วใช่ว่าเธอจะไม่ใส่ใจเลย ฉะนั้นเธอจึงหยุดทุกอย่างไว้เพียงเท่านี้
และหลังจากที่หลับตาทำสมาธิได้พักใหญ่ อยู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาอีกครั้ง
ซึ่งก็คือหลินเฉิงจื้อ เขาสาวเท้าเข้ามายังข้างกายเซียงหลัน
ก่อนจะกระซิบบางอย่างข้างหูของเธอ และแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เฉินเฟิงได้ยิน
แต่เมื่อที่ได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของเซียงหลันก็เปลี่ยนไปทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้แม้กำลังเผชิญกับความตายสีหน้าของเธอยังคงนิ่งเรียบ
จากนั้นเธอก็หันมาพูดกับเฉินเฟิง : “คุณชาย ที่นี่จะมีคนเข้ามา คุณขึ้นไปหลบอยู่ข้างบนก่อนจะดีกว่านะคะ ”
และแน่นอนว่านั่นทำให้เฉินเฟิงต้องมองเธอด้วยความสงสัย พร้อมกับถาม : “ทำไม คนแบบไหนกันที่ทำให้คุณกลัวได้ขนาดนี้กัน ถ้าคุณสามารถส่งคนที่ผมต้องการมาให้ผมตอนนี้ ผมอาจจะพิจารณาช่วยพวกคุณก็ได้ ”
“คุณชาย เรื่องนี้คงไม่จำเป็นต้องให้คุณมาเหนื่อยด้วย อีกอย่างคนที่คุณต้องการ ฉันไม่มีปัญญาที่จะส่งเธอคืนให้คุณตอนนี้หรอกค่ะ”
เมื่อพูดจบ เซียงหลันก็พยายามให้เฉินเฟิงขึ้นไปยังชั้นบน
ในเมื่อเป็นธุระของพวกเขา เฉินเฟิงจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย อีกอย่างเขามาที่นี่ก็เพื่อเอาตัวหลี่จื่อเยว่เท่านั้นด้วย
ดังนั้นเขาจึงทำตามคำพูดของเซียงหลันขึ้นมาซ่อนตัวอยู่บนในห้องหนึ่งของชั้นสอง
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใช่ห้องของเซียงหลันหรือเปล่า แต่ที่นี่ก็เป็นห้องนอนของผู้หญิง เพราะในห้องมีกลิ่นหอมอบอวลอยู่
เฉินเฟิงเดินไปยังโต๊ะหนังสือพร้อมกับนั่งลงอย่างผ่อนคลาย
ห้องนี้มีความรกอยู่เล่นน้อย บนโต๊ะมีของต่างๆ ชนิดวางกองอยู่เต็มไปหมด บนเก้าอี้ก็มีเสื้อผ้าบางตัวที่ยังไม่ได้ใส่วางกองอยู่ ซึ่งคาดการณ์แล้วเจ้าของห้องคงจะเป็นผู้หญิงขี้เกียจคนหนึ่ง
จากนั้นเฉินเฟิงก็หยิบกระโปรงสั้นตัวหนึ่งขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่กลับดูมีรสนิยมทันสมัยอย่างมาก
แต่ว่าเขาไม่ได้มีนิสัยชอบแอบมองห้องนอนของผู้หญิง ดังนั้นหลังจากที่นั่งลงอย่างผ่อนคลาย เขาก็เริ่มฟังเสียงการเคลื่อนไหวที่เกิดด้านนอก
และแล้วพอผ่านไปไม่นาน บริเวณห้องโถงใหญ่ก็มีเสียงดังแทรกเข้ามา เพราะมีคนเข้ามาแล้ว
แต่เป็นเพราะกำแพงห้องมีการเก็บได้เป็นอย่างดี เฉินเฟิงจึงไม่ได้ยินเรื่องอะไรทั้งนั้น แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที อยู่ๆ ก็มีเสียงทะเลาะกันดังขึ้น และนั่นก็เป็นเสียงของผู้ชายตะโกนเสียงดังออกมา
ถึงแม้ในใจของเฉินเฟิงจะมีความสงสัย แต่ก็ไม่ได้เดินออกไปดู
จนกระทั่งผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เขาถึงค่อยได้ยินเสียงประตูถูกเคาะ จากนั้นเซียงหลันก็เดินเข้ามาด้านใน
สีหน้าของเธอดูย่ำแย่อย่างมาก อารมณ์ราวกับว่ากำลังตกต่ำ แต่เมื่อเธอได้เห็นเฉินเฟิงรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง : “คุณชาย คงจะไม่ได้แตะต้องของในห้องของเซียงหลันมั่วซั่วหรอกใช่ไหมคะ ?”
เฉินเฟิงไม่ได้ตบรับมุกของเธอ ทั้งยังถามกลับแทน: “เขาคนนั้นไปแล้วหรอ?”
เซียงหลันพยักหน้า แต่กลับแสดงท่าทีที่ไม่อยากจะพูดถึงเสียอย่างนั้น เมื่อเห็นอย่างนั้นเฉินเฟิงจึงไม่คิดที่จะถามอะไรอีก
เมื่อใกล้ถึงเวลา เฉินเฟิงก็ต้องการที่จะเจอตัวหลี่จื่อเยว่ เขาจึงพูดขึ้น : “ตอนนี้ใกล้ค่ำแล้ว!”
เซียงหลันจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ความมืดมนที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้พลันหายไปจากใบหน้าของเธอทันที
“นั่นแน่นอนอยู่แล้วค่ะ ที่ฉันขึ้นมาก็เพื่อพาคุณไปหาคนของคุณ ”
และตอนนี้เองที่เฉินเฟิงเริ่มวางใจได้เสียที แต่ยังไม่ทันได้ถึงจุดสิ้นสุด เฉินเฟิงก็หมดปัญญาที่จะเชื่อใจอีกฝ่ายอีกครั้ง
เมื่อเขาเดินตามเซียงหลันออกมาจากห้องเดินตรงลงไปยังชั้นล่าง ซึ่งสามารถเห็นได้ว่าเมื่อสักครู่นี้ตรงโถงใหญ่จะต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
ก่อนที่เฉินเฟิงจะหันไปเห็นมุมหนึ่งของเก้าอี้ไม้เรดวูดถูกทำลายจนหัก การทำให้เก้าอี้ที่เคยเรียบเนียนกลายเป็นสภาพที่น่าอนาถแบบนี้ได้ คิดดูแล้วก็คงจะเป็นฝีมือจองคนเมื่อสักครู่นี้แน่นอน
แต่นอกจากสิ่งนี้แล้ว บนพื้นยังมีคราบและรอยน้ำอยู่ ถึงแม้จะมีการจัดการอย่างดีด้วยความรวดเร็ว แต่ยังไงก็สามารถรู้ได้ว่ามันเคยมีคราบอยู่
ทว่าเฉินเฟิงกลับเดินผ่านไปเท่านั้นโดยไม่ถามอะไรทั้งสิ้น
เมื่อเดินตามเซียงหลันออกมา ท้องฟ้าก็อึมครึม พื้นดินเปียกปอน เพราะช่วงบ่ายมีฝนตกโปรยลงมา ซึ่งมันได้ล้างคราบสกปรกต่างๆ ออกไปทำให้โลกใบนี้ดูใสสะอาดขึ้นมาอย่างทันตาเห็น
ในขณะที่เดินอยู่ข้างๆ เซียงหลัน เฉินเฟิงก็ไม่ได้คิดที่จะถามอะไรกับเธอ แต่ทว่าเซียงหลันกลับเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“คุณชาย ถ้าหากได้เจอกับคนที่ตามหาแล้ว จะลงมือทำอะไรพวกเราหรือเปล่าคะ ?”
เธอดูเหมือนจะพูดเพียงหยอกล้อเท่านั้น แต่เฉินเฟิงรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การล้อเล่น แต่อย่างว่าสำหรับเขาแล้วเขาเคยคิดจะทำแบบนั้น
แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นยังไง เขาก็ไม่มีทางพูดความคิดของตัวเองออกมาเด็ดขาด
“เรื่องของพวกคุณผมไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย ขอเพียงพวกคุณไม่มาหาเรื่องผมก็พอแล้ว ”
เซียงหลันยิ้มรับ: “คุณชายพูดแบบนี้แล้วจะกลับคำไม่ได้แล้วนะคะ พวกเราถึงแม้จะเป็นคนชั่ว แต่ก็ยังเป็นคนรักษาคำพูดนะคะ ”
เฉินเฟิงไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ในใจของเขากำลังคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้คิดจะกลับคำไปมา
เมื่อเดินมาถึงที่หมาย ตรงนั้นก็มีรถคันหนึ่งมาจอดรออยู่ที่หน้าประตูอยู่แล้ว
เซียงหลันเข้าไปพลางเปิดประตูออก จากนั้นก็บอกให้รถคันนั้นเข้ามา
แล้วตอนที่เฉินเฟิงได้เห็นเจ้าของรถปรากฏว่าเขาคือชายส่งฟืนคนนั้น และที่คิดไม่ถึงคือตอนที่เขาเข้ามาแล้วได้เห็นเฉินเฟิงกลับจงใจหลบสายตาจากเฉินเฟิง
ส่วนเซียงหลันที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็หันไปพูดกับเฉินเฟิง: “คนที่ถูกเลือกอยู่ในนี้ค่ะ”
ทางด้านเฉินเฟิงที่เป็นห่วงความปลอดภัยของหลี่จื่อเยว่ ไม่ทันได้รอให้เซียงหลันได้เอ่ยปากบอก เขาก็เดินไปยังหลังรถส่งสินค้านั้นก่อนแล้ว เขาเปิดประตูรถออก ปรากฏว่าด้านในนั้นมีคนจำนวนหนึ่งกำลังนอนหลับใหลอยู่ แต่สายตาของเฉินเฟิงกำลังส่องหาหลี่จื่อเยว่ที่สวมชุดสีแดงเท่านั้น
เขารีบปีนขึ้นไปบนรถก่อนจะดึงเอาหลี่จื่อเยว่มาไว้ในอ้อมแขน แต่ว่าหลี่จื่อเยว่กลับยังไม่ได้สติ จนเฉินเฟิงร้องเรียกชื่อของเธออย่างไม่หยุด
แต่ทว่าเธอก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลย เฉินเฟิงหันไปมองเซียงหลันที่ยืนอยู่ข้างรถขนส่งสินค้า เพื่อที่จะไถ่ถามเธอ แต่ยังไม่ทันที่เฉินเฟิงจะอ้าปากพูด เซียงหลันก็ชิงอธิบายก่อนซะแล้ว
“เป็นเพียงแค่ยาสลบเท่านั้น คงต้องรอไปสักพักถึงจะฟื้นขึ้นมา ”
เมื่อสักครู่นี้เขาได้ตรวจชีพจรของหลี่จื่อเยว่ก็พบว่าชีพจรยังเต้นปกติทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะคิดว่าหลี่จื่อเยว่ถูกพวกเขาทำร้ายแล้ว
อย่างน้อยเมื่อมั่นใจว่าหลี่จื่อเยว่ปลอดภัยแล้ว เฉินเฟิงถึงค่อยๆ โล่งใจ เขามองไปยังหญิงสาวคนอื่นที่ยังคงนอนแน่นอนบนรถขนสินค้า ปรากฏว่าทุกคนล้วนเป็นสาวสวยทั้งนั้น
ทว่าเขาแค่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะจับตัวผู้หญิงมาเพื่อจะทำอะไร แต่ถึงอย่างเฉินเฟิงก็ไม่ได้มีความคิดที่จะไปถามเอาความ เรื่องบางเรื่องไม่นานก็ต้องมีคนมาจัดการ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เขา
ในเมื่อเจอตัวหลี่จื่อเยว่แล้ว เฉินเฟิงจึงเตรียมตัวจะออกไป
แต่ทว่าเซียงหลันกลับเข้ามาขวางทางเฉินเฟิงที่กำลังอุ้มหลี่จื่อเยว่เอาไว้ เฉินเฟิงที่เข้าใจว่าเธอต้องการที่จะผิดคำสัญญาจึงได้แสดงสีหน้าเยือกเย็นมองไปที่เธอ
“คุณจะทำอะไร?”
สถานการณ์ในตอนนี้ราวกับว่าเพียงแค่เซียงหลันพูดสิ่งที่จะขัดขวางเขาออกมา เขาก็พร้อมที่จะลงมือทันที
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเซียงหลันจะคุกเข้าลงตรงหน้าของเขา พร้อมกับพูดร้องขอความช่วยเหลือออกมา : “ท่านเฝิง ช่วยด้วย”
น้ำตาที่คลอเบ้า ท่าทางที่ดูน่าสงสาร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่นางมารตัวน้อยคนหนึ่ง ตอนนี้กลับคุกเข่าลงในสภาพที่ใครได้เห็นก็ต้องเห็นใจ
แต่เฉินเฟิงก็พูดออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม: “ไม่ช่วย”
ราวกับเซียงหลันเองก็คิดไม่ถึงว่าเฉินเฟิงจะเด็ดเดี่ยวแบบนี้ เธอถึงกับนิ่งชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะขจัดท่าทางน่าสมเพชของตัวเอง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่มัวหมอง : “ท่านเฝิง นี่คุณจะไม่ถามเลยหรอว่าฉันขอให้คุณช่วยอะไร ”
ถึงแม้ในใจของเฉินเฟิงจะมีความสงสัย แต่เขารู้ดีว่านี่จะสร้างความยุ่งยากให้เขาเท่านั้น ดังนั้นจำต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พร้อมกับไม่ต้องการไปยุ่งเกี่ยวเรื่องราววุ่นวายนี้ด้วย
“ไม่มีความสนใจอะไรทั้งนั้น”