ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 859
เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของเธอ สีหน้าของซียงหลันก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันทีราวกับว่าเธอคาดเดาได้ถูกต้องแล้ว
แต่ในตอนที่อีกฝ่ายกำลังจะอุทานออกมา เซียงหลันก็ยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น
“ถ้าหากเป็นหมาป่าทะเลทรายจริงๆ ฉันคงจะไม่กล้ามาซ่อนตัวอยู่ที่นี่กับเธอแล้ว ฉันคงจะไปหาที่ตายตั้งแต่เนิ่นๆ ยังจะง่ายกว่าอีก และต่อให้ฉันจะมีความกล้าหาญมากมายแค่ไหนก็ไม่กล้าที่จะไปหาเรื่อง หมาป่าทะเลทราย หรอกนะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหญิงสาวจึงรู้สึกโล่งอกไปที แต่ทันใดนั้นเธอกลับมองเซียงหลันด้วยความโกรธ
“ฉันใจดีให้ที่ซ่อนตัวกับเธอ แต่เธอกลับโกหกฉันอย่างนี้อีก”
ทางเซียงหลันจึงรีบกล่าวขอโทษในทันที: “เอาหน่ะ ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันจะซื้อเสื้อผ้าคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุดของฤดูกาลนี้ให้เธอดีหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของหญิงสาวก็ค่อยๆ คลายลง
แต่ว่าเซียงหลันกลับพูดอีกครั้ง: “คนที่ไปบาดหมางครั้งนี้ถึงแม้จะไม่ใช่ หมาป่าทะเลทราย แต่ก็เป็นคนที่ยากจะรับมือด้วย เธอรู้จัก กระเรียนพันลี้หรือเปล่า?”
หญิงสาวอุทานด้วยความตระหนก: “เธอไปมีเรื่องบาดหมางกับเขาได้ยังไง เขาขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมอำมหิตเลยนะ ได้ยินมาว่าคนที่ตายด้วยฝีมือของเขานั้นไม่มีใครที่มีสภาพศพสมบูรณ์เลยสักคน”
เซียงหลันพูดอย่างหนักใจ: “ฉันเองก็เหมือนถูกผีเข้านั่นแหละ อันที่จริงฉันไม่ควรไปต้องการลูกเหยียนหยุนในมือลูกสาวของเขา และเรื่องนี้ทำเอาทั้งคนนอกคนในก็ไม่เห็นดีไปหมด ส่วนพวกตาเฒ่าที่อยู่เบื้องบนั้นตอนได้ยินชื่อตู๋กูหยุนต่างก็หวาดกลัวจนแทบจะมอบตัวฉันไปตรงหน้าตู๋กูหยุนแล้วให้เขาสับฉับเป็นชิ้นๆเลยทีเดียว”
หญิงสาวที่ได้ฟังก็ราวกับไม่รู้จะคิดวิธีไหนมาช่วยเหลือเซียงหลันแล้ว
“ลูกเหยียนหยุนคืออะไรกัน?” เธอถาม
“เป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นของที่หายากมากๆ ขอเพียงแค่เธอได้เห็นมัน เธอจะต้องถูกมันดึงดูดแน่นอน และเป็นเพราะมันที่ทำให้ฉันไม่สามารถสะกดความต้องการของตัวเองเอาไว้ได้ ถึงได้ลงมือก่อเรื่อง ไม่อย่างนั้นฉันจะไปกล้าทำอะไรกับลูกสาวของตู๋กูหยุนได้ยังไงหล่ะ” เซียงหลันที่เมื่อนึกถึงของชิ้นนั้น สีหน้าของเธอก็ปรากฏความหลงใหลออกมา
“มันวิเศษมากขนาดนั้นเลยหรอ?ฉันไม่เชื่อ” หญิงสาวสะบัดหน้า
เซียงหลันเหมือนจะเข้าใจอยู่แล้วว่าการที่ตัวเองพูดแบบนี้ อีกฝ่ายไม่มีทางเชื่อแน่นอน ดังนั้นเธอจึงพูดอีกครั้ง : “ถ้าหากว่าเธอไม่เชื่อ ฉันจะพาเธอไปดูให้เห็นกับตา”
หญิงสาวผมดำพูดอย่างตกใจ: “เธอยังจะกล้าซ่อนมันเอาไว้ใกล้ตัวอีกหรอ?”
แต่เซียงหลันกลับแสดงสีหน้าที่เบื่อหน่ายพร้อมกับตอบกลับ: “ฉันก็อยากจะเอาของคืนให้กับเขาหรอกนะ แต่พอได้เห็นหน้าฉัน เขาก็เอาแต่จะฆ่าฉันโดยไม่ยอมพูดอะไรสักอย่างเลย และหากเป็นอย่างนั้นต่อให้ฉันตายจริงๆ ฉันก็จะให้เขาไม่มีทางหาสมบัติชิ้นนี้เจอเด็ดขาด”
หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะวิจารณ์การตัดสินใจครั้งนี้ของเซียงหลันอย่างไรดี เธอจึงเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความสงสัยเท่านั้น : “เธอเอาของนั้นติดตัวมาด้วยงั้นหรอ?”
เซียงหลันรีบส่ายหน้าทันทีก่อนจะตอบกลับ: “จะทำแบบนั้นได้ยังไงเล่า?ฉันก็ต้องเอามันซ่อนไว้ในที่ที่ปลอดภัยอยู่แล้ว สถานที่ที่มีฉันคนเดียวเท่านั้นที่รู้”
หญิงสาวที่ฟังจนจบก็ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ: “ฉันไม่อยากเข้าไปพัวพันด้วย เธอไม่จำเป็นต้องบอกอะไรกับฉันจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นฉันจะตายยังไงฉันยังไม่กล้าคิดเลย”
เมื่อเซียงหลันลองไตร่ตรองดูแล้วมันก็จริงอย่างที่เธอว่า ดังนั้นจึงได้เพียงแต่ล้มเลิกความคิดนี้ไป
และในเวลาเดียวกันทางด้านฝั่งของเฉินเฟิง ชายที่อยู่ข้างๆ ของเขาก็หยิบเอาของชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขากุมมือเอาไว้แน่นโดยไม่ได้เปิดของสิ่งนั้นออกมาให้เห็น ก่อนที่เขาจะยื่นมือไปหาเฉินเฟิง เพื่อบอกให้เฉินเฟิงรับมันเอาไว้
เฉินเฟิงเองก็ยื่นมือออกไปแล้วอีกฝ่ายก็วางของชิ้นนั้นไว้บนฝ่ามือของเฉินเฟิงทันที
ของชิ้นนั้นที่อยู่ในมือมีความเย็นเล็กน้อย และขนาดใกล้เคียงกับไข่นกกระทา ซึ่งเมื่อเทียบจากน้ำหนักแล้ว เฉินเฟิงจึงคาดว่ามันน่าจะเป็นอัญมณีเม็ดหนึ่ง
ในตอนที่กำลังจะหันไปมองอีกฝ่าย เขาคนนั้นก็พูดขึ้นมา: “มันมีค่าอย่างมาก หวังว่าท่านเฝิงจะทะนุถนอมรักษามันไว้เป็นอย่างดี และสิ่งที่ผมจะถามมันก็มีความเกี่ยวข้องกับสมบัติชิ้นนี้”
แล้วตอนนี้เองเฉินเฟิงถึงค่อยแบมือตัวเองออกมา และได้เห็นสิ่งของที่อยู่ในมือซึ่งปรากฏว่ามันเป็นอัญมณีขนาดเท่ากับไข่นกกระทาเม็ดหนึ่งจริงๆ เขาจ้องไปยังอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกประหลาดใจด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้เอาของแบบนี้ส่งมาไว้ในมือของเขา
“นี่มันหมายความว่ายังไง?” เขาถาม
“ท่านเฝิง หากว่าตู๋กูหยุนอยากจะได้สมบัติชิ้นนี้ไป คุณจะมอบให้เขาหรือเปล่า ?”
เฉินเฟิงไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ภายใต้ผ้าปิดปากและแว่นกันแดดสีดำนั้นได้ ดังนั้นจึงหมดหนทางที่จะคาดเดาความหมายของอีกฝ่าย
เฉินเฟิงตอบกลับ: “ตอนนี้ของตกอยู่ในมือของผมแล้ว จะเอาให้เขาหรือเปล่านั้นคุณรู้ไปแล้วจะมีความหมายอะไร”
อีกฝ่ายพยักหน้าพลางตอบกลับเขา: “ในเมื่อตอนนี้ของมอบให้ท่านเฝิงไปแล้ว จึงทำให้คำถามของผมดูเกินจำเป็นไปมากก็จริง แต่ผมหวังว่าท่านเฝิงจะสามารถบอกกับผม”
เฉินเฟิงกลับยังไม่ได้ตอบคำถามของเขาเหมือนเดิม แต่กลับพูดอย่างอื่นกับเขาแทน : “ผู้หญิงคนนั้นคงคิดว่าจะใช้ของสิ่งนี้เพื่อเป็นตัวล่อให้เกิดการต่อสู้ระหว่างผมกับตู๋กูหยุน แล้วเธอจะได้มีหนทางหนีรอดไปได้สินะ คุณกลับไปบอกสิ่งนี้กับเธอด้วยว่าเธอคิดผิดแล้ว”
เมื่อพูดจบเขาก็หมดอารมณ์ที่จะชื่นชมบรรยากาศในสวนสาธารณะแล้วลุกขึ้นยืนจากไป
ทางด้านเซียงหลันก็ลุกขึ้นมาจากตักของหญิงสาวผมดำ แล้วหยิบแก้วเหล้าเบย์ลี่ส์ที่วางอยู่บนโต๊ะชาขึ้นมา แล้วค่อยๆ จิบลิ้มรส ในขณะที่สีหน้าของเธอกำลังเคร่งเครียดราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
หญิงสาวผมดำจัดระเบียบกระโปรงสั้นของเธอที่ถูกเซียงหลันทับจนยับ โดยไม่คิดที่จะไปรบกวนเซียงหลันอะไรอีก เธอเดินไปยังชั้นวางหนังสือพร้อมกับหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่เพิ่งอ่านไปได้เพียงครึ่งหนึ่งออกมาเปิดอ่านต่อ
ในขณะที่ทั้งสองต่างอยู่อย่างนั้นด้วยความเงียบสงบ แต่หญิงสาวที่ยังอ่านหนังสือไม่ทันจบเล่มก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ซึ่งเป็นเสียงที่รุนแรงอย่างมาก ฟังแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องดีอะไรแน่นอน
หญิงสาวหันไปมองเซียงหลังเพื่อร้องขอการตัดสินใจจากเธอ
เซียงหลันเองก็ถูกเสียงนั้นทำให้สะดุ้งไม่ต่างกัน ก่อนจะเหลียวมองไปยังประตูที่ถูกเคาะเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก เธอนิ่งอึ้งไปชั่วขณะก่อนที่จะหันไปมองหญิงสาวผมดำพร้อมกับบอก : “เธอรีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”
“แล้วเธอจะทำยังไง?รีบมาซ่อนตัวกับฉันเถอะ” หญิงสาวแย้ง
“ไม่ได้ ถ้าหากพวกเขาเข้ามาไม่เห็นคนจะต้องค้นบ้านแน่นอน ฉันจะให้เธอบาดเจ็บไม่ได้” เซียงหลันตอบกลับอย่างแน่วแน่
พูดไป เธอก็พลันเดินไปยังข้างกายของหญิงสาว แล้วดึงตัวเธอเข้าไปด้านใน
และแล้วหญิงสาวก็ถูกดึงตัวอย่างนั้นจนเดินไปถึงห้องนอนที่อยู่ด้านใน
“ไปหลบเร็ว” เมื่อเห็นเธอแสร้งทำเป็นไม่ตื่นตระหนกอะไร เซียงหลันที่พูดจบจึงปิดประตูลงทันที
เธอเดินกลับมายังห้องนั่งเล่น ที่นี่ราวกับเป็นคุกปิดตายที่ไร้ซึ่งหนทางจะหนีออกไปได้
และเพียงไม่นาน ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก ในส่วนตรงกลางของประตูเหล็กมีการถูกกระแทกจนผิดรูป ซึ่งเห็นได้ชัดเลยได้รับการกระแทกด้วยแรงมหาศาลเลยทีเดียว และคนที่ยืนอยู่นอกประตูก็คือตู๋กูหยุนที่เพิ่งจะลดเท้าลงไปนั่นเอง
แววตาอันมืดมนและสีหน้าแสนเย็นชาของเขากำลังจ้องมองไปยังเซียงหลันที่กำลังอยู่บนโซฟาพร้อมท่าทีนิ่งสงบด้วยความไม่พึงพอใจมากนัก
และในตอนนั้นเองที่เซียงหลันเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นมาก่อน: “นี่คุณไม่อยากรู้หรอว่า ลูกเหยียนหยุนอยู่ที่ไหนงั้นหรอคะ?”
“หลังจากที่ฆ่าคุณแล้วจะก็จะรู้เอง คุณสามารถตายได้อย่างวางใจได้เลย”
เซียงหลันตะโกนเสียงดัง: “ฉันเอามันซ่อนไว้ในสถานที่ที่มีแค่ฉันคนเดียวที่รู้เท่านั้น หากฆ่าฉัน คุณก็จะไม่มีทางได้เจอมันอีก”
แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนว่าตู๋กูหยุนจะไม่ได้สนใจเลย เขาเริ่มขยับเท้าแล้วกระโจนเข้าไปหาเซียงหลันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้ฝ่ามือจับหัวของเซียงหลันเอาไว้แล้วโยนเธอออกจากโซฟาก่อนที่จะกระแทกไปบนพื้นอย่างรุนแรง
เซียงหลันไม่มีแม้แต่โอกาสในการเอาคืนเลย เพราะความแตกต่างของพละกำลังนั้นมากเกินไป ตอนนี้เธออยากจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแต่ทว่ากลับรู้สึกเหมือนอวัยวะบนร่างกายจะไม่ใช่ของเธออีกต่อไปแล้ว เธอเจ็บปวดอย่างหนักจนอยากจะหมดสติไปเสีย
“ในเมื่อเธอกล้าที่จะมาเล่นกับฉัน อย่างนั้นนี่ก็จะเป็นจุดจบของเธอ” ตู๋กูหยุนเดินตรงไปยังเซียงหลันด้วยสีหน้าอำมหิต ราวกับว่าจะเอาชีวิตเธอในกระบวนท่าต่อไป