ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 875
หญิงสาวรวบผมขึ้นทัดเข้าข้างหู ต่างหูคริสทัลคู่นั้นห้อยลงมาจากติ่งหู ค่อยๆแกว่งไหวเอนไปมา ทำให้เฉินเฟิงถึงกับมองตาค้างไปชั่วขณะ
รูปร่างที่ทำให้ชวนฝันนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิดได้
แต่กำลังมองอยู่นั้น หญิงสาวก็ทำตาถลนใส่ เขาจึงทำตัวเสงี่ยมลง จากนั้นก็พูดขอบคุณด้วยท่าทีเอาจริงเอาจัง “บุญคุณอันใหญ่หลวงนี้ ก็ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี ถ้าคุณหนูมีเรื่องอะไรให้ช่วย ก็ขอให้บอกมาได้เต็มที่เลย ฉันจะไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว ต่อให้ร่างกายแหลกเหลวเป็นเท่าถ่าน ก็ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น หรือแม้แต่จะต้องบุกน้ำลุยไฟก็ตาม”
หญิงสาวอดไม่ได้ที่หัวเราะออกมา
“พี่สาวบอกว่าดูท่าทางคุณแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร ก็เป็นอย่างที่พูดไม่มีผิดเลย ท่าทางกะล่อนปลิ้นปล้อนอย่างนี้ จะเป็นคนดีได้ยังไงกัน อีกทั้งตอนนี้คุณพูดคุยกับฉัน ก็เป็นแบบนี้แล้ว คุณก็ยังไม่รู้สึกเขินอายมั่งเลยเหรอ?”
รอยยิ้มที่สงบเรียบร้อย แม้แต่หัวเราะขึ้นมาก็ยังดูสงบเสงี่ยมเจียมตัว
เฉินเฟิงกลับรู้สึกขำไม่ออก แล้วพูดว่า “นี่จะเป็นการปรักปรำฉันชัดๆเลย ท่าทางฉันอย่างน้อยดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นคนร้ายได้หรอก อีกทั้งมองคนแต่รูปลักษณ์ภายนอก มันก็คงไม่ใช่คำพูดของคนดีๆที่เขาพูดกันหรอก”
หญิงสาวพูดอย่างโกรธเคืองว่า “คุณพูดเก่งจังเลยนะ ถึงกับแว้งกลับมาด่าพวกเราได้ สงสัยจะช่วยงูเห่าไว้เสียแล้ว รู้อย่างงี้ไม่ช่วยคุณไว้ดีกว่า”
หญิงสาวถึงแม้ดูเหมือนกำลังโกรธ แต่ว่าในสายตาไม่ได้แสดงความโกรธจริงอะไรเลย กลับดูเหมือนว่ากำลังหยอกล้อกับเฉินเฟิง
เฉินเฟิงยิ้มเจื่อนๆ รู้สึกหญิงสาวสูงวัยจะหลอกยากกว่าเด็กสาวพวกนั้นมากเลย ในเมื่อเขาเถียงไม่ได้ จึงเปลี่ยนเรื่องคุย เขาพูดว่า
“สภาพท่าทางฉันตอนนี้ ถ้าหากมีคนเข้ามาอีก ก็คงต้องกลายเป็นคนร้ายจริงแล้วล่ะ หรือว่าไม่มีเสื้อผ้าให้ฉันใส่บ้างเลยเหรอ?”
หญิงสาวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ที่ไหนจะมีเสื้อผ้าของคุณล่ะ เสื้อผ้าที่คุณใส่มาไม่เพียงแต่เหม็นจะตาย อีกทั้งยังเปื้อนเลือดไปหมด พี่สาวเห็นแล้วก็เลยจัดการโยนทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนพวกฉันก็มีเพียงแค่ผู้หญิงสองคนเท่านั้น จะมีเสื้อผ้าให้คุณได้อย่างไรกัน หรือว่าคุณอยากจะใส่เสื้อผ้าผู้หญิงล่ะ?”
เฉินเฟิงคงไม่ยอมใส่เสื้อผ้าผู้หญิงเด็ดขาด ดังนั้นจึงรีบโบกมือ แต่ว่าถ้าให้เปลือยกายล่อนจ้อนแบบนี้มันก็ไม่ดีแน่ อีกทั้งฝ่ายนั้นยังพูดถึงพี่สาวอยู่บ่อยครั้ง ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยเห็นเลย ไม่รู้ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร จะสวยเหมือนน้องสาวคนนี้หรือไม่
“แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะ คงไม่ใช่ออกไปแบบนี้นะ ถ้าหากให้พี่สาวคุณเห็นละก็ คาดเดาว่าคงจะต้องเป็นคนร้ายในสายตาเธออย่างแน่นอนเลย”
หญิงสาวมองหน้าเขา ดูเหมือนว่าจะรู้สึกเช่นนี้ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ถึงแม้เธอจะเห็นนานขนาดนี้แล้ว ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่ยังไงก็ยังดูไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไรนัก
เธอมองๆดู จากนั้นก็เดินออกไป เฉินเฟิงกำลังนึกสงสัย เธอก็เดินกลับมาใหม่ ในมือถือผ้าสีเทาอ่อนหนึ่งผืน ก็ไม่รู้ว่าจะเอามาทำอะไร
เธอพูดว่า “คุณก็ใช้อันนี้ปิดบังไปก่อนก็แล้วกัน”
พูดจบก็โยนผ้าผืนนั้นข้ามไป เฉินเฟิงก็รับไว้แล้วคลี่ออกมาดู ผืนใหญ่กว่าผ้าปูโต๊ะเล็กน้อย ดูเหมือนเอาไว้สำหรับใช้รองโต๊ะ
“อันนี้ก็……..”
กำลังนึกจะพูดต่อไปอีก แต่เหลือบไปเห็นหญิงสาวกำลังจ้องเขาอยู่ เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “คาดว่าคงเย็นสบายดีนะ อีกทั้งยังดูทันสมัยดีด้วย”
รอให้เฉินเฟิงพูดจบแล้ว หญิงสาวก็ยิ้มอย่างพอใจ
เฉินเฟิงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ยังไม่รู้จักชื่อแซ่ของอีกฝ่ายหนึ่งเลย จึงรีบแนะนำตัวเองว่า “ฉันชื่อเฉินเฟิง บอกฉันได้ไหมว่าคุณชื่ออะไร? ถึงตอนนี้ยังไม่รู้จักชื่อของคนที่มีบุญคุณเลย นี่จะเป็นการเสียมารยาทเกินไปแล้ว”
“คุณก็คือเฉินเฟิงเหรอ?” เมื่อได้ยินชื่อของเฉินเฟิงแล้ว หญิงสาวดูเหมือนรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก
“เฉินเฟิงที่สำนักเทียนซานกำลังตามฆ่าคนนั้นเหรอ?”
พวกเธอถึงกับรู้จักชื่อของตัวเองแล้ว เฉินเฟิงก็ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือว่าเสียใจดี สำนักเทียนซานนี้ดูเหมือนจะต้องเอาชีวิตของตัวเองให้ได้จึงจะยอมรามือ ถึงกับกระจายข่าวไปทั่วทั้งวงการศิลปะการต่อสู้จนรู้กันไปหมดแล้ว
เฉินเฟิงส่ายหน้าอย่างจนใจ พูดว่า “คุณคงไม่คิดจะขายฉันให้กับสำนักเทียนซานใช่ไหม?”
แต่นึกไม่ถึงว่าเธอกลับคิดไตร่ตรองอย่างจริงจังขึ้นมา “ได้ข่าวว่าสำนักเทียนซานให้รางวัลนำจับที่สูงลิ่วเลยเหรอ?”
เฉินเฟิงมองหน้าเธอด้วยความประหลาดใจ แต่หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มทันที “หยอกคุณเล่นน่ะ ฉันกับพี่สาวคงไม่เห็นแก่เงินจนต้องไปทำเรื่องทำร้ายชีวิตผู้คนหรอก”
เฉินเฟิงก็ไม่ได้เกรงกลัวเพราะสาเหตุเช่นนี้ อย่างมากก็หนีต่อไปอีกครั้งก็ได้ เขาก็ไม่เชื่อว่าสำนักเทียนซานสามารถที่จะบุกจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือข้ามมาถึงฝั่งทะเลทรายแห่งนี้ได้
แต่ว่าปากก็ยังคงพูดว่า “งั้นฉันก็คงต้องขอบคุณคุณหนูอีกครั้งที่ละเว้นชีวิตฉัน หากว่าถูกพวกเขาบีบคั้นให้หนีต่อไปอีก ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังสามารถที่จะหนีรอดไปได้หรือเปล่า ใช่แล้ว คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าคุณชื่ออะไร? ฉันก็ต้องเรียกชื่อคุณบ้างไม่ใช่เหรอ?”
เธอมองดูเฉินเฟิง ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณอยากรู้ชื่อฉันจริงๆเหรอ? ฉันชื่อเฟิ่งซี เฟิ่งที่แปลว่าหงส์ ซีที่แปลว่าหยุดพัก”
“เฟิ่งซี เฟิ่งซี” เฉินเฟิงเอ่ยปากเรียกไปสองครั้ง แล้วจึงมองไปยังเฟิ่งซี พูดว่า “ทำไมรู้สึกว่าชื่อนี้ไม่ค่อยเหมาะกับคุณเลยนะ?”
เฟิ่งซีพูดอย่างสงสัยว่า “ทำไมเหรอ? ฉันก็รู้สึกมาโดยตลอดว่าชื่อของฉันดีมากเลยล่ะ!”
เฉินเฟิงพูดว่า “หงส์ก็ล้วนแล้วแต่ร้อนแรงเหมือนไฟทั้งนั้น แต่ว่าฉันมองดูคุณแล้วมีความรู้สึกเหมือนน้ำแร่ภูเขาที่สงบนิ่งมาก บางครั้งก็เกิดระลอกคลื่นเล็กน้อยขึ้นมา แล้วก็กลับเงียบสงบเหมือนเดิม ทำให้คนรู้สึกสบายใจ”
เฟิ่งซีนึกไม่ถึงว่าเฉินเฟิงจะมองเธอเช่นนี้ ถึงแม้ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่ว่าเธอก็ยังคัดค้านว่า “บางทีคุณยังไม่เข้าใจในตัวฉันอย่างถ่องแท้ รอให้คุณรู้จักตัวตนของฉันเมื่อไหร่ คุณก็จะพบว่าฉันอาจจะเผาไหม้ตัวคุณก็ได้นะ”
เฉินเฟิงก็ได้แต่ยิ้ม จะเผาไหม้ตัวเขาได้อย่างไร แล้วจะให้ไปเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้อย่างไร อย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องของอนาคตแล้ว
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยอยู่นั้น ข้างนอกก็มีเสียงตะโกนเข้ามา น่าจะเป็นพี่สาวคนนั้นที่เฟิ่งซีพูดถึง
“ซีจื่อ”
“มาแล้วจ้า!” เฟิ่งซีก็ขานรับ จากนั้นก็รีบวิ่งออกไป
เฉินเฟิงมองดูประตูห้องที่เปิดไว้ ก็คิดอยากจะไปดูพี่สาวคนนั้น จึงหยิบผ้าปูโต๊ะนั้นมาห่อตัวเอาไว้ความยาวคลุมถึงกางเกงขาสั้นพอดี เพียงแต่ยาวไม่ถึงหัวเข่าเท่านั้น แต่ว่านี่ก็พอใช้ได้แล้ว ตอนนี้เขาดูเหมือนพวกคนพเนจรคนหนึ่ง
หลังจากคลุมตัวด้วยผ้าปูโต๊ะแล้ว เดินออกไปนอกประตู นี่เป็นลานบ้านที่มีความลึกมากพอสมควร ลักษณะโบราณมาก ดูเหมือนจะเป็นบ้านเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานมากแล้ว
เดินผ่านระเบียงทางเดินนี้ ดูเหมือนจะได้ยินเฟิ่งซีกำลังพูดคุยกับอีกคนหนึ่ง
เฉินเฟิงไม่ได้เดินเข้าไปทันที แต่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยความสงสัย และอยากจะฟังว่าสองสาวพี่น้องพูดคุยอะไรกันบ้าง
ได้ยินเสียงที่สดใสเรียบง่ายนั้น เฉินเฟิงก็รู้ว่าเป็นเฟิ่งซี ได้ยินเธอพูดว่า “พี่จ๊ะ เจ้าหมอนั่นฉันดูแล้วก็ไม่เหมือนคนร้ายเลยนะ หรือจะรอให้แผลเขาหายดีก่อน แล้วถึงจะให้เขาออกไปดีล่ะ”
เฉินเฟิงนึกไม่ถึงว่าเพียงแค่ได้พูดคุยกันแป๊บเดียวเมื่อครู่นี้ เฟิ่งซีถึงกับช่วยพูดแทนเขาแล้ว
แต่ว่าจากนั้นก็มีเสียงใสเยือกเย็นพูดปฏิเสธขึ้นว่า “ไม่ได้ รอให้เขาตื่นแล้วก็ให้เขาไปเลยพวกเราที่นี่ไม่เคยรับคนนอกเข้าพักค้างอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นคนนอกที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอีกด้วย”
เฉินเฟิงก็แค่อึ้งไปชั่วครู่ ในสมองกำลังนึกภาพจะเป็นคนเยือกเย็นขนาดไหนกัน
เฟิ่งซีมีความเมตตามาก เธอพูดว่า “แต่ว่าพี่ ถ้าหากเขาออกไปแล้ว ยังถูกคนร้ายตามทำร้ายอีก งั้นก็เท่ากับว่าพวกเราไม่ได้ช่วยชีวิตเขาเลยสิ”