ลูกเขยมังกร - ตอนที่ 894
อะสี่ได้ยินแล้ว ก็ตอบรับด้วยความคึกคัก
“ฉันจะทำให้เขาไม่มีวันลืมความรู้สึกอย่างนั้นได้เลย หนำซ้ำยังจะทำให้เขาติดใจอีกด้วย”
เฉินเฟิงฟังแล้วรู้สึกกล้ามเนื้อทวารหดเกร็ง ในใจรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างบอกไม่ถูก
แต่ว่าในมือของเขาก็ยังไม่หยุดนิ่ง ระหว่างที่ไอ้หมอนั่นใช้แข้งขาฟาดมานั้น ก็ยังสามารถที่จะหลบหลีกท่าเตะด้วยขาหน้าของไอ้หมอนั่นไปได้หลายครั้ง
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของอะสี่แล้ว ชายหนุ่มก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา “อะสี่ แกนี่เหมือนกับตัวตลกฮาจริงเลย ฉันรู้อยู่แล้วว่าคราวนี้พาแกมาด้วยต้องไม่ผิดหวังแน่นอน ถ้าแกสามารถจัดการกับไอ้หมอนี่ได้ละก็ ฉันจะขอให้ปู่ฉันเอาอาวุธชิ้นนั้นที่แกอยากได้มานานให้เป็นรางวัลตอบแทนเลย”
นึกไม่ถึงเลยว่าระหว่างที่ยังประมือกับเฉินเฟิงอยู่นั้น เขายังสามารถพูดคุยกับชายหนุ่มคนนั้นได้อีกด้วย “คุณชายเจ๋คุณอย่าผิดคำพูดก็แล้วกัน ในเมื่อคุณยอมเอาของสิ่งนั้นมาให้ฉันละก็ งั้นฉันย่อมต้องแสดงความสามารถออกมาบ้างแล้วล่ะ”
ขณะที่พูดคุยกันนั้น พละกำลังในตัวดูเหมือนเปี่ยมล้นมากขึ้นอีกด้วย
เฉินเฟิงถูกเตะกระเด็นออกไปไกลถึงเจ็ดแปดก้าว ยืนอยู่ตรงนั้น กำลังคิดว่าจะพักหายใจสักครู่ แต่ว่าอะสี่กลับไม่ให้โอกาสเขาเลย ดูเหมือนว่ามีความมุ่งมั่นที่จะต้องเอาอาวุธชิ้นนั้นให้มาได้
อะสี่ก็มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว เฉินเฟิงลังเลต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะต้องสู้จนตายไปข้างหนึ่ง หรือไม่ก็จะต้องถูกเขาทรมานเช่นนี้ต่อไป
เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ในขณะที่ขาอันแข็งแกร่งราวเหล็กกล้านั้นกำลังเตะเข้ามา เฉินเฟิงถึงกับใช้ความเร็วที่เร็วกว่าฝ่ายตรงข้ามเสียอีก เอามือข้างหนึ่งจับข้อเท้าอะสี่ไว้ ทำให้อะสี่ไม่มีทางที่จะขยับได้อีกเลย
อะสี่ไม่สามารถที่จะดึงขากลับมาได้ ในใจก็แตกตื่นตกใจ แต่เมื่อมองเห็นนัยน์ตาที่แดงก่ำของเฉินเฟิงนั้นแล้ว ในใจถึงกับเกิดหวาดผวาขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
แต่ว่าเขาก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ตะโกนออกไปว่า “ถึงขนาดที่ยังแอบซ่อนพลังที่แท้จริงไว้ด้วย งั้นก็ดีเลย จะได้ให้แกตายอย่างไม่ต้องขัดข้องใจ ดูสิว่าคุณชายสี่อย่างฉันจะจัดการกับแกยังไง”
พูดพลาง ก็อาศัยแรงที่เฉินเฟิงกำลังจับข้อเท้าเขาไว้ ใช้ขาอีกข้างหนึ่งกระโดดเตะกลางอากาศ ขาขวาของเขาก็เตะไปยังศีรษะด้านซ้ายของเฉินเฟิง
แต่ว่าขณะที่อะสี่กำลังกระโดดขึ้นกลางอากาศนั้น เฉินเฟิงก็ปล่อยมือออก ผลักให้อะสี่ ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ทำให้อะสี่เสียหลักทันที ได้แต่มองเฉินเฟิงชกหมัดออกมา
หมัดนั้นดูเหมือนเชื่องช้า แต่มีความรู้สึกเหมือนกับภูเขาไท่กำลังล้มทับลงมาตรงหน้า อะสี่รู้สึกหวาดกลัวเป็นครั้งแรก แต่ว่าอารมณ์ที่หวาดผวาเช่นนี้ก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย เพียงแต่ทำให้ในใจของเขาคิดอยากจะดิ้นรนต่อไปเท่านั้น
ถึงแม้จะเชื่องช้าแต่ก็แม่นยำเหลือเกิน หมัดของเฉินเฟิงซัดลงไปที่ขาขวาอะสี่ ดูราวกับเหมือนไม้กระบองท่อนหนึ่งที่ฟาดลงไปยังก้อนหินก้อนใหญ่ ทำให้ไม้กระบองแตกหักจนเศษไม้ปลิวกระเด็นกระจายไปทั่ว
ชกหมัดออกไปแล้วหนึ่งที เฉินเฟิงกลับยังไม่ยอมหยุดเพียงแค่นี้ จากนั้นก็ชกไปอีกหนึ่งหมัด ซ้ำลงไปตรงที่เดิมอีกครั้งหนึ่ง ราวกับเกรงว่าหมัดแรกใช้ไม่ได้ผล จึงต้องชกซ้ำไปอีกหนึ่งที
แต่ว่าอะสี่ตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวดตั้งแต่หมัดแรกแล้ว ส่งเสียงร้องอย่างโหยหวนออกมา มิหนำซ้ำเสียงร้องนั้นยังไม่ทันได้หยุดลงเลย เมื่อถึงหมัดที่สองชกเข้ามาอีก แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะร้องตะโกนเสียงที่ดังกว่านี้ออกมาได้อีกแล้ว
เมื่อเห็นอะสี่ล้มลงบนพื้นด้วยเสียงร้องที่โหยหวน ชายหนุ่มตัวแสบคนนั้นก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เขาจึงคิดที่จะกลับเข้าไปในรถ เพื่อจะเอาหลงหลินมาเป็นตัวประกันข่มขู่เฉินเฟิง
แต่ว่าในเมื่อเขาลงมาจากรถแล้ว คิดที่จะกลับไปอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเช่นนั้นแล้ว
มิหนำซ้ำเพียงแค่หันหลังกลับ ก็ถูกเฉินเฟิงจับแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้แล้ว
ไอ้หมอนี่ก็ย่อมคิดที่จะดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของเฉินเฟิงเป็นธรรมดา แต่ว่าแขนที่กำลังจะดิ้นนั้นตอนนี้ก็ไม่ตอบสนองอะไรอีกแล้ว ภายในดวงตาของเฉินเฟิงเหลือเพียงแต่พลังจิตสังหารเท่านั้น ถึงกับฉีกกระชากแขนของเขาจนขาดออกมาทันที
อะสี่ยังนอนร้องโหยหวนอยู่บนพื้น ส่วนทางนี้ก็ส่งเสียงร้องประสานขึ้นมาทันที ยามเช้าตรู่ในพื้นที่ถิ่นทุรกันดารแห่งนี้ ราวกับว่ากำลังบรรเลงเพลงปลุกให้ตื่นยามเช้าอยู่
แต่คนยังไม่ตาย เช่นนั้นแล้วเฉินเฟิงก็ไม่ยอมรามือ แขนข้างหนึ่งถูกหักไปแล้ว เพื่อให้เกิดความสมดุลกันทั้งสองข้าง แขนอีกข้างหนึ่งก็ถูกเฉินเฟิงหักไปด้วย
เลือดสดๆสาดกระเซ็นพุ่งกระจายออกมาทั้งสองข้างอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้ ไหลพุ่งออกมาเรื่อยๆอย่างไม่ขาดสาย
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดที่ดังก้องไปทั่ว แม้แต่เฟิ่งซีที่นั่งอยู่ในรถก็ได้มองเห็นฉากนองเลือดนี้เช่นกัน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นยิ่งขาวซีดมากขึ้น
ท่าทางของเฉินเฟิงกลับยังไม่ยอมยุติลงเพราะสาเหตุนี้ เขาเพียงแต่กระหายเลือดเท่านั้น ไม่ใช่ต้องการอยากทรมานฝ่ายตรงข้าม ดูเหมือนว่าต้องการจะช่วยให้คุณชายเจ๋คนนี้หลุดพ้นจากความเจ็บปวดให้เร็วขึ้น เฉินเฟิงจึงหักคอเขาจนขาดใจตายไปเลย
“หยุดนะ”
ในขณะนี้เอง เสียงดังแว่วมาจากที่ไม่ไกลนัก แต่เฉินเฟิงก็ไม่ได้ตอบสนองเลยแม้แต่นิดเดียว
เฉินเฟิงไม่ได้เกิดความสนใจกับสี่คนนั้นเลย สายตาได้แต่จ้องมองไปยังอะสี่ที่กำลังนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นอย่างต่อเนื่อง
เขาเขย่งก้าวขึ้นมาทันที กระโดดไปถึงตรงหน้าของอะสี่ กำลังจะใช้วิธีลงมือตามแบบฉบับของตัวเอง กลับถูกมือข้างหนึ่งขัดขวางการกระทำของเขาไว้
มองไปยังฝ่ายตรงข้าม เมื่อรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใครแล้วก็ไม่ไปสนใจอีก เฉินเฟิงก็ชกตอบโต้ไปยังเจ้าของมือคนนั้น
คนที่มาก็คือหนึ่งในมือปืนข้างกายของชายชราที่ยืนอยู่พร้อมกับอะสี่ นอกจากเขาแล้วก็ยังมีอีกสี่คนที่ยืนอยู่ข้างตัวเขา
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงกำลังจะลงมือ คนพวกนั้นก็ล้อมวงเอาไว้ ทั้งห้าคนก็รุมเข้าต่อสู้กับเฉินเฟิงทันที
ถ้าลำพังพละกำลังของอะสี่ เฉินเฟิงก็สามารถรับมือไว้ได้อย่างง่ายดาย ถ้าเป็นสองคนเขาก็ยังสามารถต่อกลอนได้บ้างเล็กน้อย แต่ว่าตอนนี้มีถึงห้าคนที่ฝีมือไม่ได้ด้อยกว่าอะสี่เลย ต่อให้เฉินเฟิงใช้วิธีย้อนพลังเพื่อเสริมกำลังแล้วก็ตาม เขาก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้เลย
เฉินเฟิงได้แต่ถูกรุมทำร้ายจากไอ้คนพวกนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง ยังดีที่ตอนนี้เขาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอะไรแล้ว กระบวนท่าก็ไม่ได้เชื่องช้าลงไปด้วยสาเหตุของความเจ็บปวดทางร่างกายอีกด้วย
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีทางได้รับบาดเจ็บเลย มิหนำซ้ำทุกอย่างมีเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เมื่อวิธีย้อนพลังจบสิ้นลงเขาก็จะกลายเป็นผักปลาที่ใครก็สามารถฆ่าแกงได้ตลอดเวลา
เวลาครึ่งชั่วโมงดูเหมือนว่าจะยาวนานมาก แต่ก็เพียงไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้นเอง เฟิ่งซีมองดูเฉินเฟิงด้วยความเป็นห่วง เธอรู้จุดอ่อนของเฉินเฟิงดี ฝ่ามือก็ถูกเธอหยิกจนเลือดออกแล้ว แต่ว่าเธอกลับไม่มีวิธีอะไรที่จะไปช่วยเหลือเฉินเฟิงได้เลยแม้แต่นิดเดียว
มิหนำซ้ำก็ยังต้องมองดูสภาพของเฉินเฟิงหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วเช่นนี้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว เลือดที่ไหลนองท่วมตัว จนไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ต่อไปอีกแล้วจึงได้ล้มลงไปกับพื้น
เธอมองดูแล้ว ใบหน้าก็แสดงความเจ็บปวดออกมาเช่นกัน ไอ้คนพวกนั้นไม่คิดจะปล่อยเฉินเฟิงไปเลยแม้แต่นิดเดียว เธอคิดอยากจะลงไปอ้อนวอนพวกเขา ขอให้พวกเขาปล่อยเฉินเฟิงไป แต่ว่าความเจ็บปวดก็ปกคลุมไปทั่วเรือนร่างของเธอ
เธอทำอะไรไม่ได้เลย ความรู้สึกที่เวียนหัวตาลายนั้น ดูเหมือนเช่นเดียวกับเฉินเฟิงที่สลบไป เธอก็ล้มลงบนเบาะเก้าอี้ในรถคันนั้น
ในที่สุดแสงแรกอรุณรุ่งของพระอาทิตย์ก็สาดส่องไปทั่วพื้นปฐพี ความอบอุ่นที่มีมากล้นของแสงอาทิตย์แทรกซึมไปทั่วทุกหนทุกแห่งบนพื้นดิน ป่าเขาลำเนาไพร ถนนหนทาง ฝูงชนทั่วไปทั้งหลาย รวมทั้งเฉินเฟิงที่ล้มนอนอยู่บนพื้นและพี่น้องสองสาวตระกูลฉางที่อยู่ในรถด้วย
ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบสิ้นลงแล้ว
เฟิ่งซีไม่รู้ว่าตัวเองตื่นขึ้นมาได้อย่างไร เพียงแต่รู้สึกเหมือนกับอยู่ที่บ้าน นอนซุกอยู่ภายใต้ผ้าห่มที่แสนอบอุ่น รู้สึกเมื่อยล้าบ้างจนไม่อยากจะลุกขึ้นมาเลย
ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นพวกนั้นก็เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นแค่ภาพลวงตา
แต่เฟิ่งซีรู้ว่านั่นมันไม่ใช่ความฝัน เธอเห็นกับตาว่าเฉินเฟิงล้มลงไป เห็นว่ามีคนตาย เธอพยายามที่จะลืมตาขึ้นมา
กลับพบว่าเธอไม่ได้อยู่ในรถแล้ว อีกทั้งก็ไม่ได้อยู่ที่โล่งแจ้งด้วย แต่ว่าอยู่ในบ้านที่แสนอบอุ่นหลังหนึ่ง