ลูกเขยมังกร - บทที่ 910 ไป๋ซูมาหาถึงที่
แต่ว่าเรื่องบางอย่างก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปตามที่คิดเสมอ อาจจะถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้แล้ว เฉินเฟิงก็คงจะได้ลิ้มรสสวาทสักครั้งหนึ่งจริงๆก็ได้ แต่ตอนนี้รู้ว่าLeonaจะต้องตกใจกลัวอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรเฉินเฟิงก็ไม่มีทางที่จะทำเรื่องอย่างนั้นออกมาได้เด็ดขาด
เมื่อไปส่งLeonaถึงที่ห้องของเธอเองแล้ว Leonaก็ยิ้มอย่างเย้ายวนแล้วพูดว่า “คุณคิดอยากจะอยู่ต่อที่นี่ไหมคะ?”
เฉินเฟิงกลับไม่มีความคิดที่จะหยอกเล่นอีก แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “หยุดเล่นได้แล้ว ตอนนี้คุณพยายามที่จะใช้ความคิดแบบนี้มากลบเกลื่อนเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ แต่ว่าสิ่งที่คุณต้องการตอนนี้ไม่ใช่การปลดปล่อยที่ตื่นเต้นอะไรแบบนั้น แต่กลับเป็นการพักผ่อนที่สบายใจมากกว่า”
ความคิดในใจของLeonaดูเหมือนถูกมองทะลุปรุโปร่ง ทำให้ดูราวกับเป็นกระต่ายขาวตัวหนึ่งที่ทำอะไรไม่ถูก
เฉินเฟิงจึงค่อยๆวางตัวเธอลงบนเตียง แล้วถลกมุมด้านหนึ่งของชุดกี่เพ้าขึ้นมา ขาเรียวยาวที่ขาวดังหิมะนั้นก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเฉินเฟิง
ในใจคิดอยากจะไปสัมผัสลูบไล้ผิวที่ใสนุ่มเด้งนั้นเสียเหลือเกิน แต่เฉินเฟิงก็หยุดความคิดในสมองเช่นนั้นไปได้ จึงละสายตาหันไปมองตรงหัวเข่าที่บาดเจ็บของLeona
ผิวหนังตรงนั้นถลอกไปบ้าง มีเลือดออกมาเล็กน้อย เฉินเฟิงจึงไปหายาห้ามเลือดที่อยู่ในลิ้นชักของห้องพักโรงแรม แล้วหยิบออกมาเตรียมที่จะทาให้กับLeona
Leonaถามด้วยความกังวลว่า “มันจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้หรือเปล่านะ”
เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่หรอก บาดเจ็บอย่างนี้จะหายไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหลือร่องรอยแผลเป็นให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว”
ได้ยินเฉินเฟิงพูดเช่นนี้แล้ว Leonaจึงค่อยสบายใจขึ้น
หลังจากที่จัดการกับบาดแผลเรียบร้อยแล้ว เฉินเฟิงก็ลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวร่ำลา เขาคงก็ไม่คิดที่จะอยู่ร่วมสวาทกับผู้หญิงคนหนึ่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
“คุณก็พักผ่อนให้สบายเถอะ เรื่องแบบนี้รอให้อารมณ์สงบนิ่งลงก่อน เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเองแหละ หลังจากสองวันนี้แล้วถ้าคุณยังไม่ลืมผมล่ะก็ ผมค่อยมาคุยเรื่องน้ำหอมกับคุณอีกทีนะ” เฉินเฟิงพูดพลางมองดูLeonaที่นอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่อ่อนเพลีย
Leonaได้แต่มองเฉินเฟิงด้วยความโกรธเคือง ราวกับว่าเฉินเฟิงไปทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อเธออย่างให้อภัยไม่ได้
เฉินเฟิงกลับไม่กล้าที่จะอยู่ต่อไป ถ้าหากขืนยังอยู่ต่อไปอีก เขากลัวจริงๆว่าตัวเองจะไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองไว้ได้ แล้วเขมือบLeonaเข้าไปจริงๆ
ช่วยLeonaปิดประตูห้องเสร็จแล้ว เฉินเฟิงก็เดินออกจากที่นี่ไป
ตอนที่เดินผ่านชั้นล่างนั้น เขาก็เห็นมีคนเข้ามาจับฆาตกรคนนั้นไว้แล้ว ดูเหมือนว่ามีคนกำลังจะตามหาตัวเขาอยู่ อาจจะต้องการให้เขาช่วยเล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนั้น แต่เฉินเฟิงกลัวเรื่องยุ่งยาก จึงค่อยๆแอบหลบหนีออกไป
คิดว่าข่าวพรุ่งนี้จะต้องพูดถึงวีรบุรุษที่ไม่ประสงค์ออกนามอย่างแน่นอน
แต่เรื่องพวกนี้ก็ไม่ค่อยเกี่ยวข้องอะไรกับเฉินเฟิงสักเท่าไหร่
เพราะว่าไม่มีรถกลับไป เฉินเฟิงจึงโทรศัพท์ให้ไป๋ซิง ในไม่ช้าชายร่างกำยำที่เคยไปส่งเฉินเฟิงขึ้นไปบนเขาคนนั้นก็ได้ขับรถมารับ
“คุณชายเฉิน คุณทำไมอยู่คนเดียว ทำไมไม่ไปสนุกกับคุณชายไป๋พวกเขาล่ะ?”
เฉินเฟิงส่ายหน้า “ไม่ชอบความครึกครื้นอย่างนั้น ก็รู้สึกเซ็งเหมือนกัน แกพาฉันกลับไปดีกว่านะ”
ชายคนนั้นก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว จึงขับรถไปส่งเฉินเฟิงที่คฤหาสน์บนเขา
คิดไม่ถึงเลยว่าเวลานี้แล้ว เสี่ยวเย่ยังนั่งรออยู่ เมื่อเธอเห็นเฉินเฟิงกลับมา ก็รีบวิ่งเข้าไปด้วยความดีใจ
“คุณทำไมยังไม่นอนล่ะ คุณไม่ใช่พอถึงสามทุ่มก็ง่วงจนไม่ไหวแล้ว จะต้องไปนอนให้ได้ไม่ใช่เหรอ?” เฉินเฟิงถามเสี่ยวเย่
ดูไปแล้วท่าทางเสี่ยวเย่ก็ง่วงนอนเล็กน้อย แต่ว่าเมื่อเห็นเฉินเฟิงแล้ว ก็ยังพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายเฉิน คุณยังไม่กลับมา ฉันก็ไม่กล้าไปนอนคนเดียว ฉันกลัวว่าคุณกลับมาแล้วมีอะไรต้องการเรียกใช้ฉัน”
เฉินเฟิงยิ้มแล้วเขกหน้าผากของเสี่ยวเย่เบาๆหนึ่งที แล้วพูดว่า “ก็แกกลัวที่จะนอนคนเดียวล่ะสิ งั้นถ้าฉันไม่กลับมาเลย คุณก็ไม่ต้องนอนแล้วสิใช่หรือเปล่าล่ะ?”
เสี่ยวเย่ก็หัวเราะแฮะๆ ดูเหมือนว่าเฉินเฟิงจะพูดแทงใจดำเสียแล้ว
เฉินเฟิงก็พูดว่า “เอาเถอะ คุณรีบไปนอนได้แล้ว ฉันไม่มีอะไรที่จะต้องใช้คุณอีกแล้ว เรื่องพวกนั้นฉันจัดการเองได้”
แต่ว่าเสี่ยวเย่พูดอย่างยืนหยัดว่า “ฉันมีหน้าที่ต้องมาดูแลคุณชายเฉินอยู่แล้ว จะให้คุณชายเฉินทำเองได้ยังไงกัน อีกอย่างคุณก็ยังบาดเจ็บอยู่ คุณอยากจะทำอะไรก็บอกเสี่ยวเย่มาได้เลย”
เฉินเฟิงรู้ว่าเด็กสาวคนนี้ดื้อรั้นขึ้นมา ยากที่จะพูดให้เชื่อฟังได้ ดังนั้นจึงแกล้งทำเป็นโกรธแล้วพูดว่า “ถ้าคุณยังไม่ไปนอนอีกละก็ ฉันคงต้องหักเงินเดือนคุณแล้ว เงินเดือนเดือนนี้ก็จะถูกหักหมดเกลี้ยงแบบนั้นเลย”
เมื่อได้ยินว่าเงินเดือนที่ตัวเองเป็นห่วงที่สุดจะต้องถูกหักแล้ว เสี่ยวเย่ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจขึ้นมาทันที
“เอาล่ะ คุณไปนอนเถอะ ฉันก็แค่ล้อเล่นกับคุณเท่านั้นเอง คุณคงไม่ใช่ว่าแม้แต่คำพูดของฉันก็ไม่ยอมเชื่อฟังเลยนะ” เฉินเฟิงก็ได้แต่พูดปลอบโยนอย่างจนใจ
เสี่ยวเย่ก็รู้ความหมายของเฉินเฟิง ได้แต่เดินหันหลังกลับไปห้องตัวเองด้วยอารมณ์
หงุดหงิดเล็กน้อย
ความจริงแล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้เสี่ยวเย่เลย หลังจากที่อาบน้ำล้างหน้าเสร็จแล้ว เฉินเฟิงก็นอนแผ่ลงบนเตียง แล้วหลับปุ๋ยไปเลย
ตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ไป๋ซิงก็ขึ้นมาหาบนเขา
เฉินเฟิงก็ถูกเขาปลุกจนตื่นขึ้นมา
เสี่ยวเย่ก็กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่อีกด้านหนึ่ง เฉินเฟิงก็มองหน้าไป๋ซิงด้วยความโกรธแค้น ส่วนไป๋ซิงก็มีความรู้สึกสำนึกผิดบ้างเล็กน้อย
แต่ว่าความดีใจของเขากลับไม่สามารถกลบเกลื่อนเอาไว้ได้
“พูดมาเลย ยังมีอะไรอีกล่ะ” เฉินเฟิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ไป๋ซิงพูดด้วยความดีใจว่า “Southcoก็ได้เปลี่ยนไป๋ซูออกไปแล้ว ตอนนี้คนที่รับผิดชอบโครงการที่ทะเลทรายของSouthcoก็คือตัวฉันแล้ว ส่วนคนของตระกูลไป๋ทั้งหมดตอนนี้ก็ล้วนแต่ให้ความเคารพฉันเป็นพิเศษ ฉันพูดอะไรพวกเขาก็ไม่กล้าคัดค้านทั้งนั้นเลย แก……”
ไม่รอให้ไป๋ซิงพูดจบ เฉินเฟิงก็พูดขัดคอขึ้นมาว่า “แกคงไม่ใช่เพราะว่าเรื่องนี้จึงมาถึงที่นี่หรอกนะ งั้นแกก็กลับไปเสียดีกว่า ฉันคงไม่อยากจะฟังแกมาแบ่งปันความสุขที่นี่หรอกนะ ฉันไม่สนใจกับความยินดีแบบนี้เลยแม้แต่นิดเดียว”
ไป๋ซิงรู้สึกเสียหน้าบ้างที่ถูกตัดตอนคำพูดของตัวเอง
เฉินเฟิงก็พูดอีกว่า “งั้นตอนนี้แกยังไม่ไปอีกเหรอ? คิดจะทำอะไรอีกล่ะ หรือจะรอให้ฉันเลี้ยงแกกินข้าว?”
ไป๋ซิงก็รู้ว่าเฉินเฟิงกำลังโมโหอยู่ จึงไม่กล้าที่จะเถียงกับเขา ได้แต่โบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่ว่าฉันไม่รู้ว่าจะขอบคุณคุณชายเฉินยังไงดี ดังนั้นฉันคิดว่าจะเลี้ยงคุณชายเฉินกินข้าวสักมื้อ ก็ต้องเป็นโรงแรมเมื่อคืนนี้เหมือนเดิม แล้วก็ยังมีสาวๆทั้งสี่คนนั้นด้วย”
เขาพูดพลางก็แสดงรอยยิ้มลามกออกมา
เฉินเฟิงเตะเขาไปหนึ่งทีอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดว่า “ไป ไป อย่าคิดว่าฉันจะเป็นเหมือนพวกแกนะ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น”
สุดท้ายแล้ว ไป๋ซิงเองก็ได้แต่เดินออกไปจากที่นี่ลำพังคนเดียว
เดิมทีนึกว่าเรื่องนี้น่าจะจบลงเพียงเท่านี้ เฉินเฟิงคิดว่าตัวเองควรจะหาเวลาไปพบกับLeonaหรือไม่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อกับผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร ตอนนี้แม้แต่โทรศัพท์ก็ยังติดต่อไม่ได้แล้ว
ในระหว่างช่วงเวลาที่เขาคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น
หลังจากที่ไป๋ซิงจากไปแล้วสามวัน ไป๋ซูก็ถึงกับขึ้นมาหาถึงที่
นี่เป็นเรื่องที่เฉินเฟิงคาดคิดไม่ถึงมาก่อนเลย
เขาขึ้นมาเพียงคนเดียว ในรถไม่มีคนอื่นอีกเลย แม้แต่มือปืนก็ไม่มี ดูเหมือนว่าก็ไม่กลัวเฉินเฟิงจะทำอะไรเขาด้วย
เฉินเฟิงนั่งอยู่ที่นั่น เขาเดินเข้ามาถึงตรงหน้าเฉินเฟิง แล้วทักทายอย่างนอบน้อมว่า “คุณชายเฉินครับ”
เฉินเฟิงไม่หันหน้าไปมองเขา ก็เพราะมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเขาเท่าไหร่นัก
ส่วนไป๋ซูก็พูดอย่างนอบน้อมเหมือนเดิมว่า “คุณชายเฉินครับ เรื่องที่ผ่านมานั้นเป็นเพราะว่าฉันมีตาหามีแววไม่ ทำความผิดกับคุณชายเฉินไว้มาก หวังว่าคุณชายเฉินเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ถือสาเอาความกับผู้น้อยนะครับ”