ลูกเขยมังกร - บทที่ 925 ยั้งเชิง
โจวฟ่างพูดออกมาปนเสียงหัวเราะ : “คุณชายเฉิน การจะปล่อยคุณออกไปนั้นใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย ขอเพียงคุณบอกกับผมมาว่าแท้จริงแล้วคุณเป็นใครกันแน่ ?”
เฉินเฟิงผงะไปครู่หนึ่ง ภายในสมองของเขาวิ่งแล่นอย่างรวดเร็ว ถ้าเกิดว่าโจวฟ่างต้องการที่จะจัดการกับเขา อย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางที่จะกลับมาที่นี่เพื่อพูดคุยกับเขาอีก แล้วปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่ตามมีตามเกิดก็พอแล้ว
แต่ในเมื่อเขากลับมาที่นี่ ก็คงต้องมีคนจงใจให้เป็นแบบนั้น ซึ่งคนคนนั้นคงจะเป็นโจวจื่อเอ๋อแน่นอน
ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงจะไม่รู้ว่าโจวจื่อเอ๋อใช้วิธีการไหนถึงทำให้โจวฟ่างมาที่นี่ แต่เขาก็รู้ได้เลยว่าในเหตุผลนั้นต้องมีบางอย่างที่ไม่ชัดเจนเป็นแน่ ดังนั้นโจวฟ่างถึงต้องมาถามเขา เขาจึงได้เพียงตอบกลับอย่างระมัดระวัง: “คุณจะถามเรื่องนี้ไปทำไม ผมเป็นใครคุณก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไงครับ ?”
“แน่นอนว่าผมต้องรู้อยู่แล้วว่าคุณชายคือใคร แต่เรื่องบางอย่างคุณชายเฉินจะสามารถทำได้หรือเปล่านั้น ผมเองก็ไม่ค่อยจะมั่นใจแล้ว คุณชายเฉินต้องการที่จะต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายจริงงั้นหรอ ?”
เฉินเฟิงแย้งกลับทันที: “นี่อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะเรื่องที่จะกำจัดหมาป่าทะเลทรายคุณถึงได้เอาผมมาขังไว้แบบนี้ ?นี่คุณกำลังหักหลังตระกูลโจวอยู่งั้นหรอ ?”
โจวฟ่างไม่ได้ตอบคำถาม พลางพูดต่อ : “ตอนนี้ผมกำลังถามคุณชายเฉินอยู่ ถ้าเกิดว่าคุณยังอยากที่จะออกมา อย่างนั้นทางที่ดีที่สุดคือตอบคำถามผมมาตามตรงจะดีกว่า”
เฉินเฟิงหัวเราะอย่างเฉยชา: “คุณกำลังยั้งเชิงผมอยู่หรือไง?ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าคุณไปได้ยินข่าวนี้มาจากไหน แต่ผมจะบอกคุณให้ว่าคุณน่ะคงต้องติดกับเข้าแล้ว”
ท่าทีแบบนี้ของเฉินเฟิงทำให้โจวฟ่างไม่เหลือท่าทีฮึกเหิมเมื่อสักครู่นี้อีกแล้ว ถ้าหากว่าเฉินเฟิงรีบยืนยันตัวตนของตัวเองในทันที อย่างนั้นจะทำให้เขาเกิดความลังเลขึ้นมาทันทีว่าแท้จริงแล้วเฉินเฟิงเป็นคนของหมาป่าทะเลทรายหรือไม่
แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้เฉินเฟิงกลับยังคงทิฐิของตัวเองเอาไว้แบบนี้ ทำราวกับตัวโจวเป็นนั้นกำลังทำการทดสอบเขาอยู่เท่านั้น อย่างนั้นถ้าเกิดเขาต้องการจะออกมาจากที่นี่จริงๆ ก็ควรที่จะยืนกรานความคิดเดิมทีที่ต้องการจะต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายของตัวเองสิ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าโจวฟ่างจะเริ่มเชื่อคำพูดของโจวจื่อเอ๋อแล้ว
ทว่าเขายังคงมีความสับสนอยู่เล็กน้อย
“แต่ถ้าเกิดว่าคุณชายเฉินเป็นคนของหมาป่าทะเลทราย สิ่งที่พวกคุณต้องการจะทำก็คือการทำลายล้างตระกูลต่างๆ ที่ต้องการต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายให้ราบคาบ เมื่อเป็นอย่างนั้นจริงผมก็ยิ่งไม่สามารถปล่อยคุณชายเฉินไป”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงครับ คุณไปฟังใครพูดมากันแน่ โจวจื่อเอ๋อผู้หญิงคนนั้นหรอครับ ?ผมก็แค่พูดหยอกล้อกับเธอเท่านั้น นี่คุณคิดจริงจังเลยหรอครับ เธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง อะไรก็ไม่เข้าใจทั้งนั้น” เฉินเฟิงกล่าวถามอย่างเคร่งขรึม
โจวฟ่างที่ได้ยินเฉินเฟิงกล่าวยอมรับว่าได้พูดเรื่องนี้กับโจวจื่อเอ๋อด้วยตัวเองแบบนี้ เขาจึงยิ่งเชื่อในตัวโจวจื่อเอ๋อมากขึ้นไปอีก
“คุณชายเฉิน นี่จะไม่ให้ผมเชื่อในตัวหลานสาวของตัวเอง แต่ต้องเชื่อคุณแทนงั้นหรอครับ ?เธอได้บอกกับผมอย่างละเอียดเชียว และดูเหมือนว่าคำพูดนั้นของคุณจะไม่เหมือนกำลังหลอกคนอื่นด้วย”
เฉินเฟิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม: “ช่างเถอะครับ ถ้าคุณคิดแบบนั้นจริงๆ ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้”
จนกระทั่งเฉินเฟิงพูดจบ ตรงนั้นก็ไม่มีเสียงใดๆ ออกมาอีก
หลังจากผ่านไปได้สักพักใหญ่ก็ยังไม่มีเสียงใดๆ ดังขึ้นมา
แต่ไม่นานจากนั้นนัก ประตูเหล็กนั้นกลับมีเสียงขยับเกิดขึ้น ราวกับว่าตัวล็อกภายในได้ถูกขยับอีกครั้ง และหลังจากนั้นประตูเหล็กก็เปิดออกอย่างช้าๆ
เฉินเฟิงที่ได้เห็นอย่างนั้นก็ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่เมื่อหันไปเห็นเงาดำที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตู เฉินเฟิงก็รู้ได้ทันทีเลยว่าโจวฟ่างได้เปิดประตูออกแล้ว
“แต่ว่าผมกลับคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าอันที่จริงผมไม่ควรที่ไปเชื่อคำพูดของคนๆ เดียวแล้วขังคุณชายเฉินเอาไว้แบบนี้ เรื่องบางอย่างก็ควรที่จะพูดคุยให้ชัดเจนก่อนแล้วถึงจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง”
แต่ทันทีที่คำพูดของเขาเพิ่งออกมา เฉินเฟิงก็เริ่มลงมือใช้ความรุนแรงทันที
หมัดหนึ่งตวาดออกไปด้วยความหนักแน่นและรุนแรง
ทางด้านโจวฟ่างที่ไม่ได้มีการเตรียมตัว อีกทั้งอยู่ใต้ความมืดมิดอีก เขาจึงไม่คิดว่าจะถูกเฉินเฟิงต่อยเข้าใส่แบบนี้
ด้วยเสียงที่ได้ยินเมื่อสักครู่นี้จึงทำให้เฉินเฟิงสามารถเล็งตรงใบหน้าของโจวฟ่างได้อย่างแม่นยำ
กระทั่งโจวฟ่างที่เหมือนจะถูกต่อยจนลอยกระเด็นออกไป จนร่างกายกระเด็นไปยังด้านหลัง เพียงเสียง” ตุบ” กระแทกกับพื้นดังขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ดูเหมือนจะหมดสติไป
ซึ่งในตอนนั้นเองเฉินเฟิงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย ด้วยความคิดว่านั่นอาจจะเป็นพวกเดียวกับโจวฟ่าง เขาเดินออกไปนอกประตู แล้วแนบตัวเข้าไปกับกำแพง เพื่อซ่อนตัวเอาไว้
แต่เสียงที่ได้ยินนั้นกลับเบามากๆ ไม่เหมือนกับเสียงฝีเท้าของผู้ชายเลย
เฉินเฟิงเรียกชื่อออกมาเบาๆ : “โจวจื่อเอ๋อ?”
และทันทีที่ได้ยินเสียงที่ดังเข้ามาจากด้านใน โจวจื่อเอ๋อจึงเดินลงไปด้วยความสงสัย จนกระทั่งได้ยินเสียงเฉินเฟิงกำลังเรียกตัวเอง เธอจึงค่อยตอบกลับ : “คุณชายเฉิน ฉันเอง”
เมื่อได้ยินเสียงของโจวจื่อเอ๋อ เฉินเฟิงก็ลดความระมัดระวังลง การได้ออกมาของเขาคงจะได้ความช่วยเหลือมาจากโจวจื่อเอ๋อแน่นอน
“คุณลุงสี่ล่ะคะ?” เธอกล่าวถาม
“นอนอยู่กับพื้นแล้ว”
ตอนนี้ได้ออกมาแล้ว เฉินเฟิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถึงแม้ว่าท่าทางของเขาจะดูไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ แต่การถูกขังเอาไว้ภายในสถานที่ที่ต้องอยู่คนเดียวเพียงลำพังแบบนี้ กลับสร้างความกดดันอันมหาศาลภายในจิตใจเลยทีเดียว
เขานั่งลงไปบนพื้น ต้องการที่จะให้จิตใจของตัวเองสงบสติอีกครั้ง
โจวจื่อเอ๋อเปิดไฟฉายในมือ หันไปมองเฉินเฟิงก่อน ก็เห็นว่าเขานั้นเพียงแค่มีท่าทีที่อ่อนล้าเท่านั้น และนั่งอยู่ตรงนั้น โดยไม่ขยับตัวไปไหน
เมื่อเห็นอย่างนั้นเธอจึงไม่คิดจะไปรบกวนเฉินเฟิงต่อ แล้วหันไปมองยังทางโจวฟ่าง
โจวฟ่างเองก็ไม่มีการขยับตัวใดๆเช่นกัน จนไม่รู้เลยว่ายังเป็นอยู่ หรือตายไปแล้ว โจวจื่อเอ๋อเลยเดินเข้าไปสัมผัสอย่างระมัดระวัง แต่ในตอนที่เธอสัมผัสไปยังหัวใจของโจวฟ่างนั้น
กลับต้องตกใจสุดขีด
เฉินเฟิงเพียงแค่มองมาทางเธอ ด้วยความคร้านที่จะพูดอะไรแล้ว
แต่ทางด้านโจวจื่อเอ๋อกลับร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว : “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”
ทว่าเฉินเฟิงกลับมีท่าทีที่ไม่ได้สนใจอะไรเลย : “ตายแล้วก็ตายไปสิ จะมีอะไรกัน ?อีกอย่างเขาก็ควรจะตายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“แต่ว่า เขาตายอยู่ตรงนี้ พวกเราจะทำยังไงดี ?พวกเราไม่มีทางอธิบายเรื่องพวกนี้แน่ๆ” สติอารมณ์ของโจวจื่อเอ๋อนั้นถือว่าแข็งแกร่งอย่างมาก เพราะเพียงแค่ครู่เดียวก็สามารถสงบอารมณ์ลงได้แล้ว
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องอธิบาย ขังเขาเอาไว้ข้างล่างนี้ก็ไม่มีใครรู้แล้ว อีกอย่างที่นี่ก็มีเพียงเหล่าคนสำคัญของตระกูลโจวไม่กี่คนที่รู้เท่านั้น รอจนกว่าพวกเขาหาตัวเขาเจอ เรื่องนี้ก็ไม่มีทางสงสัยมาถึงหัวพวกเราสองคนแน่นอน” เฉินเฟิงพูดออกไป
โจวจื่อเอ๋อดูเหมือนจะยังมีความลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ในเวลานี้เฉินเฟิงก็ไม่อยากที่จะขยับตัวอีกแล้ว จึงปล่อยให้เธอคิดไปเองคนเดียว
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดโจวจื่อเอ๋อก็คิดได้เสียที
“อย่างนั้นก็เอาตามที่คุณพูดแล้วกัน เพียงแต่ว่าเรื่องนี้อย่าได้พูดออกไปเด็ดขาดนะคะ ตอนนี้พวกเราไม่มีหนทางที่จะไปยืนยันว่าคุณลุงสี่ได้เข้าไปอยู่ฝ่ายเดียวกันกับหมาป่าทะเลทรายแล้ว ในทางกลับกันบางทีสิ่งนี้อาจจะไปดึงดูดความสงสัยให้กับตระกูลอื่นๆ ด้วย”
เฉินเฟิงทำเพียงแค่พยักหน้ารับ เพราะเขาคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้สูญเสียความมั่นใจกับแผนการที่เพิ่งเริ่มต้นนี้แล้ว นี่เพิ่งจะเป็นตระกูลแรกที่ได้ทำการติดต่อ ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาแล้ว อย่างนั้นใครจะรู้ได้ว่าต่อจากนี้จะมีสายลับของหมาป่าทะเลทรายอีกเท่าไหร่ที่กำลังซ่อนตัวอยู่
กระทั่งทั้งสองซ่อนตัวโจวฟ่างจนเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับขึ้นมายังห้องหนังสือ และปิดกลไกภายในห้องหนังสือให้กลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม จากนั้นเฉินเฟิงจึงหันไปพูดกับโจวจื่อเอ๋อ : “เรื่องก่อนหน้านี้ที่คุณอยากจะบอกกับผม แท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่”
โจวจื่อเอ๋อเองก็หันไปมองยังเฉินเฟิง : “ไปที่ห้องฉันก่อนเถอะค่ะ คุณควรจะพักผ่อนก่อนสักหน่อย รอให้คุณตื่นขึ้นมาแล้ว ฉันจะบอกกับคุณอีกทีแล้วกันค่ะ ตอนนั้นคุณก็จะได้มีการวิเคราะห์ที่ดีกว่าด้วย”
ทางด้านเฉินเฟิงเองก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นมีความอ่อนล้าอย่างมาก เลยไม่คิดที่จะดึงดันต่อไป ดังนั้นจึงค่อยๆ เดินตามโจวจื่อเอ๋อไปยังลานที่พักของเธอ
หลังจากอาบน้ำทำความสะอาด เขาก็ลงไปนอนกับโซฟาทันที และด้วยความที่เขาไม่ได้ความไม่ไว้วางใจใจอะไรในตัวโจวจื่อเอ๋อ ดังนั้นเขาจึงหลับใหลลงไป
จนกระทั่งพระอาทิตย์สาดส่องขึ้นในวันที่สอง เฉินเฟิงถึงค่อยลืมตาขึ้นอย่างสบายตัว