วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1264 คุณบอกว่าจะลาออกอย่างนั้นเหรอ
ข่าวลือถูกพูดถึงไปมาจนสุดท้ายก็ลอยมาถึงหูของกู้ชิงหลี แน่นอนว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธข่าวพวกนี้เพราะรู้ว่าการปฏิเสธมีแต่จะทำให้เรื่องแย่ลง อีกทั้งสิ่งที่พวกเขาพูดกันก็เป็นเรื่องจริง
สุดท้ายทางอธิการบดีจึงเรียกกู้ชิงหลีมาที่ห้องทำงานเพื่อคุยกับเขา ข่าวลือกำลังเกินจะสยบได้ และมันก็ส่งผลถึงภาพลักษณ์ของอาจารย์มหาวิทยาลัย
“โถ่ ชิงหลี สังคมสมัยนี้อาจจะเปิดกว้าง และความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะระหว่างคนที่อายุใกล้เคียงกัน แต่ว่า…คุณก็รู้ว่าตัวเองได้รับความสนใจในมหาวิทยาลัยมาก เป็นธรรมดาที่ทุกการเคลื่อนไหวของคุณจะอยู่ในสายตาของนักศึกษาของเรา
“ตอนนี้คนทั้งมหาวิทยาลัยกำลังพูดถึงความสัมพันธ์ของคุณกับลูกศิษย์ มันถึงเวลาที่ต้องออกมาแก้ต่างให้ตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ท่านอธิการบดีครับ ไม่มีอะไรให้ต้องแก้ต่างหรอกครับ ที่พวกเขาพูดกันเป็นเรื่องจริง” กู้ชิงหลีตอบเสียงเรียบ
“แต่ว่า…คุณก็ยังต้องหาทางแก้นะ คุณไม่อยากให้นักศึกษาซุบซิบนินทาต่อไปไม่ใช่เหรอ ชิงหลี คุณต้องคิดถึงอนาคตของตัวเองด้วยนะ!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้เขาก็เริ่มหัวเราะ “ท่านอธิการบดีครับ ทุกคนมีอิสระที่จะแสดงความเห็น ผมคิดว่าเราควรเคารพมันนะครับ”
“มันอาจจะฟังดูสวยหรู แต่มันไม่ได้ดูดีหรอกนะ ดูที่คนชี้มาทางคุณแล้วเรียกคุณว่าอาจารย์ที่ไปยุ่งกับลูกศิษย์ตัวเองสิ คุณไม่รู้สึกแย่บ้างเลยเหรอ”
“ไม่เลยครับ” เขาตอบไปตามตรง “ท่านอธิการบดีครับ ผมสอนที่มหาวิทยาลัยนี้มาจนถึงตอนนี้ ผมมั่นใจว่าคุณรู้ว่าผมเป็นคนยังไง ถ้าผมไม่มีที่ยืนในมหาวิทยาลัยงั้นผมก็ต้องยุติหน้าที่แต่เพียงเท่านี้ครับ”
“คุณหมายความว่าอะไรกัน” อีกฝ่ายดูออกว่าคำพูดของเขามีความหมายแอบแฝง “คุณบอกว่าจะลาออกอย่างนั้นเหรอ”
“ถ้าพวกคุณยอมรับเรื่องส่วนตัวของผมไม่ได้…งั้นผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นครับ”
กู้ชิงหลีตัดสินใจเช่นนี้แล้ว หากทางมหาวิทยาลัยเห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรง หน้าที่การงานในฐานะอาจารย์ของเขาคงมาถึงจุดจบแล้ว
อธิการบดีถอนใจอย่างจนปัญญาขณะโบกมือให้เขาออกไป “ออกไปสักครู่หนึ่งแล้วกัน ขอผมคิดเรื่องนี้ก่อน”
กู้ชิงหลีพยักหน้าและก้าวออกมาจากห้องทำงาน แม้ว่าคนจะกำลังซุบซิบนินทาเขา กู้ชิงหลีก็ไม่ได้รู้สึกอับอาย ถึงอย่างไรมันก็เป็นชีวิตส่วนตัวของเขาและเขาก็มีสติรู้ตัวดี
อย่างไรก็ตามเพื่อนของโม่จื่อเหยียนรีบโทรบอกให้เธอรู้เรื่องวุ่นวายนี้
“จื่อเหยียน ตอนที่เธอมาเยี่ยมที่มหาวิทยาลัยวันก่อน มีคนเห็นเธอและทุกคนก็เลยกำลังนินทาอาจารย์กู้อยู่ พวกเขาบอกกันว่าชีวิตส่วนตัวของเขาพังแล้ว ถ้าเรามาคิดเรื่องนี้เธอเองก็ควรรับผิดชอบด้วยนะ”
“แต่ว่าพี่สี่ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับฉันเลย”
“อาจารย์กู้เป็นคนคิดมาก เขาคงไม่มีทางบ่นต่อหน้าเธอหรอก” เพื่อนของเธอเตือน “เธอต้องใส่ใจให้มากกว่านี้เหมือนกันนะ เลิกนึกถึงตัวเอง เธอรู้หรือเปล่าว่าอาจารย์กู้เข้าหน้ากับคนในมหาวิทยาลัยด้วยตามลำพังยากลำบากขนาดไหน”
“อื้ม ขอบคุณที่บอกฉันเรื่องนี้นะ ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง” โม่จื่อเหยียนกล่าวขอบคุณก่อนวางสายไป ก่อนจะครุ่นคิดอยู่นาน
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ลงมือทันทีเพราะเธอยังต้องรู้ว่าเหล่านักศึกษากำลังพูดว่าอย่างไรกันแน่
เธอจึงส่งเลขาของเธอไปสืบและรู้ถึงผมกระทบจากข่าวลือที่กู้ชิงหลีได้รับทันที
ข่าวลือแรกไม่ได้แย่นัก ทว่าหลังจากร่ำลือไปสักพักตอนนี้คนเริ่มพูดกันว่าเขาหลับนอนกับนักศึกษาหลายคน!
และแม้ว่าเขาจะสามารถแก้ข่าวทุกอย่างให้กระจ่างได้ เขาก็ไม่ได้ต้องการเสียเวลาไปกับเรื่องเช่นนี้…
เมื่อกลับมาถึงบ้านในคืนนั้น โม่จื่อเหยียนมองเขาอย่างไม่พอใจก่อนถามขึ้น “พี่สี่คะ คุณปิดบังเรื่องบางอย่างกับฉันหรือเปล่าคะ”
กู้ชิงหลีลงไปดูปู่ของเขาชั้นล่างก่อนจะกลับขึ้นมาและโอบกอดเธอไว้ หากแต่เขากลับเปลี่ยนเรื่อง “คุณไม่ได้เหนื่อยจากการทำงานทั้งวันแล้วเหรอครับ”
“ไม่ค่ะ…”
เขาอุ้มเธอในอ้อมแขนทันทีที่เธอตอบ “ในเมื่อคุณไม่เหนื่อย งั้นมาทำบางอย่างด้วยกันเถอะครับ”
โม่จื่อเหยียนชะงักไป เมื่อรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็อุ้มเธอเข้ามาในห้องน้ำเสียแล้ว
เสื้อผ้าชิ้นหนึ่งร่วงหล่นลงบนพื้นตามมาด้วยอีกชิ้น จนกระทั่งทั้งคู่หันหน้าเข้าหากันทั้งกายเปลือยเปล่า โม่จื่อเหยียนพลันนึกถึง ครั้งแรกของพวกเขา ในยามที่ได้ผ่านพ้น พิธี ที่แสนสำคัญคืนนั้นพวกเขาก็อยู่ในห้องน้ำเช่นกัน
เดิมทีเธอยังกำลังตามไล่ต้อนเรื่องที่มหาวิทยาลัย หากแต่จุมพิตของกู้ชิงหลีได้เริ่มจุดชนวนร่องรอยความปรารถนาร้อนเร่าผ่านเรือนร่างเธอไป
ชายคนนี้เป็นมืออาชีพ หลังผ่านไปเพียงครั้งเดียวฝีมือเขาก็พัฒนาเต็มขั้นและรู้จักควบคุมร่างกายของเธอ
ไม่นานเธอก็ยอมแพ้ให้กับความอ่อนโยนของเขา แก้มเธอแดงก่ำพร้อมดวงตาฉ่ำน้ำ ท่าทางชวนหลงใหลจนกู้ชิงหลีไม่อาจห้ามใจได้
สองกายประสานกันพาให้ทั้งคู่หลุดเสียงครวญอย่างพึงใจออกมา
ในขณะที่เป็นอีกครั้งที่เงาจากรูปร่างสมบูรณ์แบบของพวกเขาปรากฏผ่านกระจกด้านหลัง…
ครั้งนี้ทั้งสองใช้เวลากว่าสองชั่วโมง เมื่อโม่จื่อเหยียนกลับมาที่เตียงเธอก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะถามไถ่เรื่องที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยกับเขา ทำได้เพียงผล็อยหลับไปกระทั่งเช้าของอีกวันหนึ่งเท่านั้น
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาเขาก็ออกไปเสียแล้ว
ข้อความของกู้ชิงหลีนั้นชัดเจน เขากำลังบอกเธอว่าไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะคิดเช่นไร เพราะมันเป็นเป็นเรื่องที่เสียเวลาเต็มที
หากแต่โม่จื่อเหยียนจะปล่อยให้คนอื่นตราหน้าและต่อว่าเขาได้อย่างไรกัน
ด้วยเหตุนี้เธอจึงไปทำงานตามปกติ แต่กลับสั่งให้เลขาของเธอจัดการนับพบกับอธิการบดีให้ ด้วยไห่รุ่ยกำลังจะใช้มหาวิทยาลัยเป็นฉากหลังของผลงานชิ้นหนึ่งของพวกเขา
เมื่อเลขาของโม่จื่อเหยียนรู้ถึงเหตุผลของเธอก็อดจะรู้สึกว่ามันทั้งน่าสนุกและชวนอึ้งในเวลาเดียวกัน นี่เป็นตัวอย่างครั้งใหญ่ของการคลั่งรักสามี…
ทว่าเลขาก็ทำตามที่เธอสั่ง ถึงอย่างไรโม่จื่อเหยียนก็เป็นประธานบริหารคนใหม่
ไม่นานข่าวก็เริ่มแพร่สะพัดไปทั่วมหาวิทยาลัยว่าไห่รุ่ยจะมาถ่ายทำ มันไม่ใช่สิ่งที่นักศึกษาควรจะรู้ได้ แต่โม่จื่อเหยียนจงใจปล่อยข่าวออกไปเอง
“เห็นว่าประธานบริหารของไห่รุ่ยกำลังจะมาคุยเรื่องขอใช้มหาวิทยาลัยของเราเป็นฉากหลังของหนึ่งในผลงานของพวกเขาละ”
“ประธานบริหารจะมาด้วยตัวเองเพื่อเรื่องอย่างนี้อย่างนั้นเหรอ”
“น่าจะนะ ประธานบริหารเป็นศิษย์เก่าแล้วก็บริจาคเงินหลายล้านให้ทางมหาวิทยาลัยด้วยนะ”
“โว้ว…รวยจัง!”
วันนั้นโม่จื่อเหยียนจงใจเอารถโรลส์รอยซ์รุ่นพิเศษของครอบครัวมาพร้อมกับบอดีการ์ดหลายคนเพื่อเน้นย้ำตัวตนของเธอ เธอไปที่นั่นเพื่อบอกทุกคนว่ากู้ชิงหลีเป็นของเธอ!
ไม่นานเธอก็มาถึงมหาวิทยาลัยและก้าวออกมาจากรถต่อหน้าทุกคน ทุกท่วงท่าแสดงให้เห็นอำนาจและอิทธิพลของเธอ
มันเป็นการแสดงตนในฐานะประธานบริหาร…