ศพ - ตอนที่ 205 เสร็จงาน
ตอนที่ 205 เสร็จงาน
ติดตามอาจารย์ทําพิธีจัดงานศพมาหลายปี งานในด้านนี้ผมพูดได้ว่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่มีความกดดันเลยสักนิด
แน่นอน อย่ามองว่าเป็นเพียงการขุดหลุมธรรมดา นี่เป็นถึงการขุดหลุมฝังศพ ในนั้นยังมีกฏและข้อห้ามอีกมากมาย
เช่นต้องขุดหลุมขนาดไหน ลึกเท่าไหร่ กว้างแค่ไหน จะเอาศพเข้ายังไง หรือจะทําพิธีฝังยังไง เป็นต้น
อย่ามองว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเล็ก แต่หากการนําศพเข้าไปเป็นพวกศพตายโหง หรือศพที่ยังตายตาไม่หลับ ถ้ามีเรื่องผิดพลาดเพียงเล็กน้อย หลังจากลงไปอยู่ในหลุม พวกเราก็อาจต้องเข้าไปพัวพัน และถูกผู้ตายสิงสู่
พิธีทุกอย่าง ใช้เวลาพูดแป็บเดียวไม่ได้
ขณะที่ผมกําลังขุด ผมก็ใช้ด้ายดําและไม้บรรทัดวัดไปพร้อมๆกัน
ดินของที่นี่ไม่แข็งมาก หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ผมก็ขุดเสร็จสองหลุม
ตอนนี้ใกล้ถึง 6 โมงเช้าแล้ว ฟ้ากําลังจะสว่าง
เมื่อขุดหลุมเสร็จ ผมก็ไม่รอช้าร่วมมือกับหยางเฉ่ว แบกศพของทั้งสองคนลงไปวางในหลุมทันที
เมื่อทําเรื่องพวกนี้เสร็จ ผมยังหาท่อนไม้แห้งหนึ่งท่อนจากนั้นก็ใช้มีดสลักชื่อคนตายลงไป ถือว่าเป็นการทําป้ายหลุมศพง่ายๆ
หลังจากนั้น ผมและหยางเฉ่วก็นําเงินกระดาษที่เหลือในกระเป๋าทั้งหมดออกมาเผาให้พวกเขา
ในเวลาเดียวกัน ผมยังจุดตะเกียงน้ำมันเล็กๆ และเสียงผมที่พูดกับหยางเฉ่วก็ดังขึ้น “ หยางเฉ่ว ทุกอย่างเสร็จแล้ว อีกเดี๋ยวฉันจะเสกคาถาหนึ่งบท เธอมองตะเกียงน้ำมันนี้ไว้ก็สามารถไปลงนรกได้แล้ว ! ”
หลังจากหยางเย่วได้ยินผมพูดจบ เธอก็ทําสีหน้าเศร้าสร้อย เธอหันมองหลุมศพของหยางหยาง ทันใดนั้นเธอก็ทนไม่ไหว พุ่งเข้าไปกอดหลุมศพของเขาทันที ขณะเดียวกันก็พูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ พี่”
ผีสองตนนี้ทําเรื่องเลวร้ายไว้ไม่น้อย แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องยังคงลึกซึ้ง หรือพูดได้ว่ามีความรู้สึกต่อกันเป็นจํานวนมากทีเดียว
แต่ตอนนี้จะเช้าแล้วที่ห่างไกลได้มีแสงส่องลงมาแล้ว
ถ้าหยางเย่วยังไม่ไป มันจะสายเกินไป
ดังนั้นผมจึงเร่งเธอ “ หยางเย่วฟ้าจะสว่างแล้ว รีบไปเถอะ
เมื่อผีผู้หญิงได้ยิน เธอถึงได้ปล่อยมือจากหลุมศพอย่างไม่พอใจ เมื่อเธอสงบลงเยอะแล้ว
เธอก็หันมามองหน้าผม “ ท่านนักพรต พวกเรา พวกเรา เริ่มกันเลยเถอะ !”
เมื่อเห็นผีผู้หญิงพร้อมแล้ว ผมก็ไม่รอช้า
ตอบรับ “ ได้ ” ทันที จากนั้นผมก็รีบหยิบยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นและท่องคาถาที่ธรรมดาและใช้อยู่บ่อยๆออกมา
ผมโยนยันต์ขึ้นไปบนฟ้า เสกคาถาอย่างรวดเร็วและสุดท้ายก็ประสานมือเป็นรูปดาบ ปากตะโกนออกมาทันที “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เพี๊ยง !”
เมื่อคําพูดนี้หลุดออกมา ยันต์แผ่นนั้นยังไม่ทันตกสู่พื้น “ ตูม” ยันต์ก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟสีเขียว
ขณะที่ไฟสีเขียวปรากฏขึ้น ยันต์แผ่นนั้นก็มอดไหม้กลายเป็นผุยผง
แต่ขี้เถ้าพวกนั้นกลับไม่ได้ล่วงลงดิน มันกลับลอยไปทางที่วิญญาณหยางเย่วอยู่ และสุดท้ายก็ทะลุผ่านร่างของเธอและหายไปในพริบตา
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆลมกระโชกแรงก็พัดเข้ามา ตะเกียงน้ำมันลุกโชน ส่งเสียง “ ฟูฟูฟู” ออกมา
แต่ผีผู้หญิงกลับสูดหายใจเข้าหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นร่างของเธอก็กลายเป็นภาพโปร่งแสง
พวกเรารู้ว่า คาถาเปิดทางสําเร็จแล้ว ผีผู้หญิงสามารถจากโลกไปลงนรกเพื่อชดใช้กรรมได้แล้ว
หลังจากผีผู้หญิงสูดหายใจเข้าหนึ่งครั้ง เธอก็หันมามองผมกับหยางเฉ่ว จากนั้นผมสองคนก็ได้ยินเธอพูดว่า “ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ฉันอยากฆ่าพวกคุณตั้งแต่แรก ขอโทษด้วยค่ะ พวกคุณเป็นคนดี ถ้ามาเกิดใหม่แล้ว ฉันจะต้องตอบแทนบุญคุณพวกคุณอย่างแน่นอน ! ”
เสียงเบาๆของผีผู้หญิงดังก้องไปทั่วผืนป่า มันฟังดูจริงใจมาก
เมื่อผมและหยางเฉ่วได้ยิน กลับยิ้มออกมาเล็กน้อย
นี่ก็คือหน้าที่ของคนปราบสิ่งชั่วร้าย ไหนเลยจะกล้าขอให้วิญญาณพวกนี้มาตอบแทน
ผมจ้องผีหยางเย่ว จากนั้นก็พูดว่า “ ไม่ต้องตอบแทนหรอก หลังลงไปแล้วก็สารภาพกับท่านพระยายมราชดีๆ ปรับปรุงตัวให้ดี แม้บนโลกใบนี้จะมีความมืดแฝงอยู่ แต่ยังไงความจริงและความยุติธรรมก็ยังอยู่”
หลังจากหยางเย่วฟังจบ เธอก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
ผมเห็นร่างจางๆของเธอหมุนตัว ระหว่างนั้นเองร่างของเธอก็เลือนหายไปจากสายตาของพวกเรา
ในขณะที่ร่างของผีผู้หญิงหายไป ลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆหยุดพัด ราวกับทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น
ผมและหยางเฉ่วรู้ดี ผีผู้หญิงทําตามที่พี่เธอบอก ไปลงนรกอยู่ในที่ที่ควรอยู่
หลังจากเธอลงไป เธอจะต้องได้โอกาสกลับมาเกิดใหม่
แต่โอกาสที่มีนี้ เธอก็ต้องชดใช้กรรมก่อน หลังจากชดใช้หมดแล้ว เธอถึงจะได้รับมัน
ผมและหยางเฉ่วยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน แต่ผมไม่ได้ดีใจเพราะปิดคดีผีชั่วได้ กลับกันผมยังรู้สึกหลงทาง
เพราะเบื้องหลังในการทําชั่วของพวกเขามาจากเรื่องใน อดีตที่น่าเศร้าและความเจ็บปวดที่ไม่สามารถลบล้างได้
ถ้าคนชั่วพวกนั้นยังอยู่ ยังไม่ถูกลงโทษอย่างที่ควรเป็นในอนาคตก็อาจจะมีพี่น้องแซ่หยางอีกสองหรือสามคู่
วันนี้ที่จริงวิธีจัดการปัญหาของผมและหยางเฉ่ว เป็นแค่การแก้ไขปัญหาชั่วคราวเท่านั้น
หยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆเห็นผมเหม่อลอย ราวกับกําลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
เธอจึงทําลายความเงียบ พูดกับผมทันที “ พวกเราเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้ายนะ ! เรื่องในสายงานยังพอว่า ส่วนเรื่องอื่น พวกเราไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่งและไปทําไม่ไหวด้วย คิด อะไรเยอะแยะ ! ฟ้าสว่างแล้ว พวกเรากลับไปกันเถอะ ! ”
หลังจากพูดจบ หยางเฉ่วก็ไม่สนใจผม เดินตรงลงจากเขาทันที่
เมื่อเห็นหยางเฉ่วเดินออกไป ผมก็คิดทบทวนคําพูดของหยางเฉ่วอย่างละเอียด
แม้น้ำเสียงของเธอจะเรียบนิ่ง แต่สิ่งที่เธอพูดไม่ผิดเลยสักนิด
พวกเราเป็นแค่คนปราบสิ่งชั่วร้าย สิ่งที่พวกเราทําได้ก็คือล่าผีปราบปีศาจ
ส่วนเรื่องอื่น พวกเราไม่มีสิทธิ และถึงอยากจะเข้าไปจัดการแต่พวกเราก็ทําไม่ได้
แถมมานั่งกังวลใจก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่สู้มองหาเรื่องดีๆดีกว่า ทํางานของตัวเองให้ดีก็พอ
เมื่อคิดได้แบบนี้ หัวใจของผมก็กลับมาสดใสอีกครั้ง
ความรู้สึกเศร้าโศกที่มีได้หายไปทันที ทันใดนั้นผมก็ร่าเริงขึ้นมาไม่น้อย
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ หยิบกระเป๋าขึ้นและวิ่งตามเธอไปทันที “ หยางเฉ่ว รอด้วย ! ”
ตอนนี้ เรื่องของพี่น้องแซ่หยางก็จบลง
หลังจากพวกเรามาถึงคฤหาสน์ก็เป็นเวลาเกือบเจ็ดโมงแล้ว ในเวลานี้ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว
ระหว่างทางกลับ ผมทักแชทไปหาอู่ฮุ่ยฮุ่ย บอกให้พวกเธอสบายใจได้ ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายแล้ว
ผมและหยางเฉ่วทํางานมาทั้งคืน ในเวลานี้จึงรู้สึกทั้งเหนื่อยและหิว
หลังจากกินมาม่าคนละกระป๋อง พวกเราก็พึ่งโซฟาและนอนหลับไปแป๊บหนึ่ง
ผมคิดว่าหลังจากหลับไปไม่นาน ผมก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อผม
“ ติงฝาน ติงฝาน ! ”
ผมค่อยๆลืมตาขึ้น หลังจากนั้นพบว่าอู่ฮุ่ยฮุ่ยกําลังเรียกผมอยู่
เมื่อเห็นว่าเป็นอู่ฮุ่ยฮุ่ย ผมก็ลุกขึ้นนั่ง “ อู่ฮุ่ยฮุ่ย พวกเธอมาแล้วเหรอ ! ”
ผมพูดด้วยความขี้เกียจ ขยี้ตาตัวเองรู้สึกง่วงจะตายแล้ว
เสียงเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นเสียงหัวเราะมีความสุของผู้กํากับจางก็ดังขึ้น “ ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านนักพรตติง”
ผมได้ยินฮุ่ยเอ๋อพูดว่า ที่นี่เรียบร้อยแล้ว จริงรึเปล่าครับ ”
ผมพยักหน้า “ อ๋อ ! ใช่แล้ว ต่อไปที่นี่จะไม่เกิดปัญหาขึ้นแล้ว พวกคุณก็ถ่ายหนังกันอย่างสบายใจเถอะ !”
เสียงเพิ่งจางหาย ผมก็เห็นผู้กํากับจาง อู่ฮุ่ยฮุ่ย ทีมงานและนักแสดงอีกหลายคน แสดงท่าทางดีใจออกมาอย่างชัดเจน
หลังจากนั้น ผมกับหยางเฉ่วก็เล่าเรื่องในบ้านหลังนี้ ให้พวกเขาฟังนิดหน่อย
แน่นอนว่า พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราจึงเล่าให้พวกเขาฟังสั้นๆ
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น หลังจากที่พวกเขาได้ยินตาก็เบิกกว้าง แสดงสีหน้าตื่นตกใจออกมาทันที
หลังจากทําให้พวกเขาสบายใจแล้ว ผมและหยางเฉ่วก็คิดจะเดินทางออกจากที่นี่
ผมบิดขี้เกียจ จากนั้นก็พูดกับผู้กํากับจางและอู่ฮุ่ยฮุ่ยว่า “ เสร็จงานแล้ว งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ !”
“ ติงฝาน พี่หยาง คืนนี้ฉันขอเลี้ยงข้าวพวกคุณได้ไหม”
หยางเฉ่วคลี่ยิ้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
แต่ผมกลับส่ายหัว “ ข้าวไม่ต้องเลี้ยงหรอก พวกเราง่วงมาก ยังต้องกลับไปนอน ! พวกคุณทํางานกันอย่างสบายใจเถอะ ! ”
หลังจากพูดจบ ผมและหยางเฉ่วก็เดินไปข้างหน้า
แต่เดินไปได้แค่สองก้าว จู่ๆผมก็นึกถึงเรื่องวิญญาณสองดวงได้
ดังนั้นผมจึงหมุนตัวหลบมา และพูดกับผู้กํากับจางว่า “ ผู้กํากับจาง ในนี้มีของอยู่ คุณรับเอาไว้ !”
หลังจากพูดจบ ผมก็หยิบถุงหอมสองใบออกมาจากเสื้อ จากนั้นก็ยื่นให้กับผู้กํากับจาง
ผู้กํากับจางมองถุง ด้วยสีหน้ามึนงง ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรอยู่ “ ท่าน ท่านนักพรตติง นี่มันคือ ”
ไม่รอให้ผมได้ตอบกลับ ทันใดนั้นหยางเฉ่วก็พูดว่า “ วิญญาณของเพื่อนร่วมงานของพวกคุณ !”
“ อะไรนะ วิญ…วิญญาณ ” ผู้กํากับจางพูดด้วยความตกใจ หน้าถอดสี รีบโยนถุงหอมสองใบลงจากมือ อีกนิดเดี๋ยวเขาก็จะเป็นลมล้มพับไปแล้ว