ศพ - ตอนที่ 212 สันเขาหยางกวาง
ตอนที่ 212 สันเขาหยางกวาง
อาจารย์โกรธจริงๆแล้ว เรื่องนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร ก็ไม่มีใครยอมเลิกลาทั้งนั้น
เมื่อเห็นอาจารย์เด็ดขาดแบบนั้น ผมก็ไม่พูดมาก พยักหน้าให้อาจารย์ แสดงความเห็นด้วยกับความคิดของอาจารย์ทันที
ถึงอีกฝ่ายจะร้ายกาจ หรือจะเป็นสัตว์เซียนที่แข็งแกร่ง
แต่เขาพูดชัดเจนแล้ว ว่ามันก็เป็นแค่สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง
อีกอย่าง ที่นี่ถือถิ่นของพวกเราอยู่นอกเขตชานไฮกวน
และพวกเราก็ไม่ใช่พวกอ่อนแอ พวกเราเป็นถึงคนปราบสิ่งชั่วร้ายแห่งลัทธิเต๋าที่เก่าแก่เชียวนะ
ถ้าอีกฝ่ายไม่ชดใช้ให้กับพวกเรา พวกเราก็จะไม่ปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ
หลังจากมีความคิดนี้เกิดขึ้น ร่างกายของผมก็กระสับกระส่าย และมีความคิดที่ยิ่งใหญ่ลอยอยู่ในสมอง
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ผมก็เข้าไปพักในห้อง
เวลาผ่านไปเร็วมาก และแล้วเวลา 4 โมงเย็นก็มาถึง
พวกเราไม่รอช้า รีบออกไปรวมตัวกับท่านนักพรตตู๋ เหล่าเฟิง และเหล่าฉินทันที
สันเขาหยางกวาง ก็คือภูเขาด้านหลังหมู่หยางกวางที่เหล่าฉินไปเก็บศพเมื่อวาน
ห่างจากที่พวกเราอยู่ไม่ไกล มันก็เป็นหมู่บ้านบนเขาเล็กๆ อยู่ใกล้กว่าหมู่บ้านเฟิ๋งเจียโกวซะอีก และก็ยังมีถนนตัดเข้าไปถึง
ตอน 4 โมงนิดๆพวกเราก็เริ่มออกเดินทาง นั่งรถขนศพตรงไปที่หมู่บ้านหยางกวาง
เมื่อมาถึงก็เป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้ว
ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด พวกเราจึงใช้เวลาเดินเข้าไปในภูเขา
สันเขาหยางกวางไม่ถือว่าใหญ่เป็นพิเศษ มันเป็นสันเขาธรรมดาแห่งหนึ่ง แต่สันเขาแห่งนี้กลับเป็นเส้นทางนําไปสู่ป่าโบราณ
รอบๆของพวกเราเต็มไปด้วยภูเขาเก่าแก่ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือคือสันเขาฉิน ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้คือ ภูเขาต้าปา
สันเขาหยางกวางแห่งนี้ ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองเขา
เมื่อวานจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นก็ไม่ได้พูดให้ชัดเจน บอกเพียงที่สันเขาหยางกวาง
ดังนั้นหลังจากพวกเรามาถึงสันเขาหยางกวาง จึงพักผ่อนบนพื้นที่เปิดโล่งใกล้ๆลําธารเล็กๆ พวกเราคิดว่าจะนั่งรอจิ้งจอกเฒ่าปรากฏตัวที่นี้
พวกเราไม่กลัวว่าจิ้งจอกเฒ่าจะหาพวกเราไม่เจอ เพราะเจ้าตัวนี้ มีจมูกรับกลิ่นดีผิดปกติ
เมื่อคืนเหล่าฉันแทบจะไม่ได้นอน ตอนกลางวันก็ได้หลับไปแป๊บเดียวเท่านั้น ตอนนี้เขาจึงตาแดง กอดเถ้ากระดูกพร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆ
อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ ก็ไม่ได้ประมาท
ส่วนผมและเหล่าเฟิงเห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรทํา พวกเรากําลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่เดิม
ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นก็ยังไม่ปรากฏตัว
เวลาค่อยๆผ่านไป พวกเราเห็นเวลาใกล้ถึง 5 ทุ่มแล้ว แต่พวกเราก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของจิ้งจอกเฒ่า
ตอนนี้ทุกคนต่างรอกันมานานมากแล้ว และอารมณ์เสียสุดๆ
ผืนป่าแห่งนี้ยังมีมดอยู่เยอะมาก ทั้งตัวของผมแทบจะโดนมันกัดจนหมดแล้ว
แต่ในขณะที่ทุกคนกําลังจะหมดความอดทน ทันใดนั้นเสียง กร็อบแกร็บ ก็ดังขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ทุกคนก็หันไปมองอย่างรวดเร็ว
ภายใต้แสงจันทร์ พวกเราเห็นแค่พุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไป กําลังมีบางอย่างขยับเข้ามาใกล้พวกเรา
นอกจากนี้แล้ว พวกเรายังได้กลิ่นเหม็นๆลอยมา
นี่เป็นกลิ่นสาบของจิ้งจอก เจ้าจิ้งจอกนั้นมาแล้ว
ผมเพิ่งคิดถึงเจ้าตัวนี้ ทันใดนั้นเหล่าฉันก็พูดว่า “ มาแล้ว! ”
ระหว่างนั้น ทุกคนก็เริ่มหวาดระแวงทันที
ผมและเหล่าเฟิงที่สูบบุหรี่ รีบดับบุหรี่ทันที พวกเรามองไปที่พุ่มไม้อย่างเคร่งเครียด
ทันใดนั้น จิ้งจอกสีขาวเหลือง ก็ตรงออกมาจากพุ่มไม้
เมื่อเห็นจิ้งจอกสามตัว ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมาทันที
เมื่อมองจิ้งจอกสามตัวให้ละเอียด จะพบว่าหัวของจิ้งจอกสามตัวใหญ่กว่าจิ้งจอกธรรมดาเป็นเท่าตัว
จิ้งจอกตัวกลาง ดูค่อนข้างแก่แล้ว เพราะเคราของมันมีสีขาวทั้งหมด
ตอนที่พวกเรากําลังมองสํารวจจิ้งจอกสามตัว ทันใดนั้นจิ้งจอกทั้งสามตัวก็เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน
พวกเราเห็นพวกมันตัวสั่น ทั้งร่างแผ่ไอดำออกมาเล็กน้อย
แต่หลังจากที่ไอดําปรากฏขึ้น จิ้งจอกสามตัวก็ยกเท้าหน้าขึ้น เหมือนกับคนที่ยืนขึ้น
แต่มันยังไม่จบเท่านี้ ขณะที่พวกมันกําลังยืนขึ้น
ทันใดนั้น พวกมันก็ถูกไอดําคุ้มตัวเอาไว้ จนพวกเรามองไม่เห็นสถานการณ์ด้านใน
เมื่อเห็นฉากแปลกประหลาดแบบนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นแป๊บหนึ่ง
ส่วนอาจารย์และคนอื่นๆ ก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขามองดูเงียบๆ และไม่ได้ทําอะไรทั้งสิ้น
หลังจากไอดําปรากฏออกมาไม่นาน ไอดําก็ห่อหุ้มเอาไว้แป็บเดียว ทันใดนั้นพวกมันก็ค่อยๆกระจายตัวออก
ในวินาทีที่ไอดํากระจายตัวออก พวกจิ้งจอกสามตัวก็ได้กลายร่างเป็นคนแล้ว
ผู้หญิงสองชายหนึ่ง คนที่ยืนขนาบข้างคือผู้หญิง
มองไปแล้วเธอเหมือนจะอายุ 17-18 ปี กลายร่างเป็นสาวน้อยหนึ่งคน
คิ้วโก่งเป็นคันศร หน้าตาสวยมาก สวมใส่เสื้อผ้าจากขนจิ้งจอก ดูเหมือนเธอจะไม่กลัวร้อนเลยสักนิด
ส่วนผู้หญิงอีกคนกลับเป็นคุณป้าคนหนึ่ง เธอสวมใส่เสื้อผ้าสุดเซ็กซี่ รูปร่างอวบมาก
แต่หน้าของเธอ กลับไม่เปลี่ยนแปลง มันยังคงเป็นหน้าของจิ้งจอก ดูแล้วน่าขนลุกมาก
ส่วนจิ้งจอกเฒ่าตรงกลาง ได้กลายเป็นตาแก่คนหนึ่ง ผมเป็นสีขาว แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับดูน่าหลงไหล มันส่งประกายแวววาวออกมา
ในเวลาเดียวกัน ตาแก่คนนั้นก็พูดกับพวกเราด้วยเสียงแหบต่ำ “ ลูกชายของข้าอยู่ที่ไหน !”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด ผมก็ตกใจจนได้สติกลับคืนมา
หลังจากนั้นก็จ้องอีกฝ่ายด้วยความเคร่งเครียด ตั้งสติ เตรียมรับการโจมตีในกรณีฉุกเฉิน
เหล่าฉินที่ถือโกศเอาไว้ไม่ลังเล ยื่นโกศออกมาตรงๆ “ นี่คือเถ้ากระดูกของลูกชายแก !”
เมื่อจิ้งจอกทั้งสามตัวได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
จิ้งจอกป้าและจิ้งจอกสาว ต่างอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเธอกําลังโกรธมาก
“ แกเผาสามีของฉัน ! ”
“ พ่อ ! ”
ขณะที่พูด ยัยป้าคนนั้นก็ยกมือขึ้น
เมื่อกี้ยังเป็นมือคนอยู่ แต่วินาทีนี้มันกลับเปลี่ยนเป็นกรงเล็บจิ้งจอก เหมือนเธอคิดจะใช้ความรุนแรง
และหญิงสาวที่อายุ 17-18 ปีคนนั้นก็แยกเขี้ยวออกมา เช่นกัน ใบหน้าดุร้าย เธอก็คิดจะลงมือเช่นกัน
อาจารย์ท่านนักพรตตู๋ เหล่าเฟิงและผมเห็นอีกฝ่ายจะโจมตี ในใจจึงหวาดกลัว รีบดึงดาบไม้ออกมาจากฝัก และตั้งท่าเตรียมพร้อม
บรรยากาศตึงเครียดทันที แต่ทันใดนั้นตาแก่ที่ยืนอยู่ตรงกลาง กลับตะโกนออกมาว่า “ ถอยไป ! ในเมื่อพวกเราลงมาจากเขาชูหม่าแล้ว ก็ต้องใช้เหตุผลก่อน”
หลังจากคําว่า “ ถอยไป” ดังขึ้น จิ้งจอกป้าและจิ้งจอกสาว ก็ไม่กล้าอวดดี พวกเธอถอยหลังไปอย่างเงียบๆ
เมื่อพวกเราได้ยินคําพูดนี้ ผมก็อึ้งไปทันที
นี่มันเรื่องอะไรกัน เมื่อคืนเขายังดุร้ายอยู่เลย ถึงกับเข้ามาฉีกคอของลุงหลิว แต่ตอนนี้กลับพูดว่าจะใช้เหตุผลเนี่ยนะ
สถานการณ์ของจิ้งจอกเฒ่าเป็นยังไงพวกเราไม่รู้ เขาและ พวกอาจารย์เห็นอีกฝ่ายหยุดลงมือ จึงเก็บดาบไม้ทันที
ในเมื่อต้องการคุยกัน งั้นพวกเราก็จะพูด แต่ถ้าใช้กําลังพวกเราก็ไม่กลัว
ตาแก่นั้นมองโกศในมือของเหล่าฉินอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดว่า “ อย่าเพิ่งพูดจาเหลวไหล เอาลูกชายของข้าคืนมาเถอะ !”
แม้เหล่าฉินจะอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ไม่อยากมีปัญหา
ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร นําโกศวางลงกับพื้น จากนั้นก็ถอยออกมาสองก้าว
จิ้งจอกป้าและจิ้งจอกสาวเห็นการกระทํานี้ พวกเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปหามันทันที
พวกเธอสูดดมโกศสองสามครั้ง หลังจากนั้นก็รีบเปิดมันออกทันที
หลังจากเห็นเถ้ากระดูกข้างในโกศ สีหน้าของจิ้งจอกสองตัวก็เปลี่ยนไปทันที วินาทีนั้นพวกเธอไม่สามารถระงับอารมณ์เอาไว้ได้ พวกเธออ้าปากกรีดร้องออกมาทันที มันเป็นเสียงที่อ่อนล้าและแหบแห้ง เห็นได้ชัดว่าพวกเธอรู้สึกโดดเดี่ยวและเสียใจสุดๆ
พวกเธอร้อง “ ฮือฮือฮือ ” ออกมาไม่หยุดจนนกในภูเขา ตื่นตกใจ มันดังไปไกลมาก
“ พวกแกมันโหดมาก หัวของพ่อลูกไหม้หมดแล้ว…”
“ พ่อพ่อ พวกแกชั่วมาก! ฮือฮือฮือ…”
จากเสียงร้องของพวกเธอ เหมือนพวกจิ้งจอกจะไม่ต้องการให้เผาศพของพวกมัน เหมือนการเผาพวกเขาเป็นการดูหมิ่นคนตาย
แต่ไม่รอให้พวกเราได้อธิบายอย่างชัดเจน ทันใดนั้นสีหน้าของจิ้งจอกเฒ่าก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ค่อยๆเงยหน้ามามองพวกเรา แววตาดุร้าย พร้อมพูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “ พวกแกทําลายเนื่อของลูกฉัน ทําลายหัวของลูกฉัน ! แค้น แค้นนี้ พวกเราจะต้องมาคิดบัญชีกัน…”