ศพ - ตอนที่ 213 ไม่มีเหตุผล
ตอนที่ 213 ไม่มีเหตุผล
ตั้งแต่เห็นจิ้งจอกเฒ่าปรากฏตัว ท่าทีของมันก็ “ สงบ ” มาโดยตลอด
แม้แต่เมื่อกี้มันก็ยังห้ามจิ้งจอกทั้งสองตัวไม่ให้โจมตีพวกเราอยู่เลย ผมคิดว่า จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้อาจไม่ดุร้ายเหมือนกับที่พวกเราจินตานาการเอาไว้
ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็คงใช้เหตุผลคุยกันด้วยดีจัดการเรื่องนี้ได้
เมื่อพวกเรานําเถ้ากระดูกของลูกชายคืนเขา จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ก็คงขอโทษ และอธิบายให้พวกเราฟัง
ถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องการบาดเจ็บของลุงหลิว ก็อาจถือว่าจบลงได้
เพราะมู่หลงเหยียนบอกเอาไว้ว่า เจ้าหมอนี้มีคนหนุนหลัง เขามีอํานาจ หรือเรียกว่ามีชู่หม่าเซียนคอยขี่ม้าขาวมาช่วย พวกเราเองก็ไม่อยากทําให้เป็นเรื่องใหญ่ สามารถไกล่เกลี่ยได้ถือว่าดี
ดังนั้น ถ้าท่าทีของอีกฝ่ายไม่เลว ยอมรับผิดเรื่องลุงหลิวกับพวกเรา อธิบายในสิ่งที่ทํา นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากเขาแล้ว
แบบนี้ พวกเราก็จะได้ไว้หน้าเขาและไม่ต้องรู้สึกอึดอัดใจ
เรื่องนี้จะได้ถือว่าจบลง ในอนาคตพวกเราสองฝ่ายจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน ต่างคนต่างอยู่
แต่ ใครจะไปคิดได้
หลังจากพวกเราคืนเถ้ากระดูกกลับไป ยังไม่รอให้อีกฝ่ายได้อธิบายและขอโทษพวกเรา ทันใดนั้นสถานการณ์กลับพลิกมาเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายกลับกลายมาเป็นคนถามพวกเราแทนและพูดว่าจะคิดบัญชีกับพวกเรา
ในบรรดาตาแก่สามคนเหล่าฉิน เป็นคนที่มีนิสัยหัวร้อนที่สุด
บวกกับลุงหลิวไปเก็บศพกับเขา แต่สุดท้ายกลับถูกจิ้งจอกเฒ่าทําร้าย ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเป็นความ
ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย เขาจึงระเบิดออกมาทันที
เขาแสดงสีหน้าเคร่งขรึม และพูดออกมาตรงๆ “ หมายความว่ายังไง”
ในน้ำเสียงบ่งบอกว่า เหล่าฉินกําลังโมโหสุดๆ เขาถึงกับดึงดาบไม้ออกมาช้าๆ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะลงมือแล้ว
เจ้าจิ้งจอกเฒ่าก็ไม่กลัว เขาพูด ฮึ อย่างเย็นชา “ หมายความว่าอะไรงั้นเหรอ ศพของลูกชายข้าคงถูกพวกเจ้าเผาใช่ไหม หัวของลูกชายของข้าถูกพวกเจ้าทําลาย ในเมื่อเป็นแบบนั้น งั้นพวกแกก็ต้องชดใช้ให้พวกเรา….”
ชดใช้ เจ้าจิ้งจอกเฒ่านั้นสั่งให้พวกเราชดใช้ เขาเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า
อย่าว่าแต่ผมทนฟังไม่ได้เลย แม้แต่เฟิงเฉ่วหานที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ ก็ยังแสดงสีหน้าเคร่งขรึม
เหล่าฉินด่าออกมาทันที “ ไปเกิดใหม่ไป๊ ! เดรัจฉานอย่างแกทําร้ายเพื่อนฉันบาดเจ็บ ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับแกเลย แกยังมีหน้ามากล้าสังให้พวกเราชดใช้อีกเหรอฮะ ”
“ ไอ้แก่ พูดให้มันดีๆหน่อย !” จู่ๆจิ้งจองป้าที่อยู่ข้างๆ ก็ชี้หน้าเหล่าฉิน
เมื่ออาจารย์เห็นแบบนั้น เขาก็เดินขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ ทําไมฮะ แกจะฆ่าพวกเราเหรอ ”
“ ฮึ! ใครกลัวพวกแกละ !” จิ้งจอกป้าพูดต่อ
ขณะที่พูดบรรยากาศก็เกือบมาถึงจุดสิ้นสุด สถานการณ์ตึงเครียดมาก
แต่ท่านนักพรตตู๋กลับอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ ตอนนี้เขาเอื้อมมือไปจับอาจารย์และเหล่าฉินไว้ “ เหล่าติง ศิษย์พี่ ฉันอยากรู้จริงๆ ไอ้จิ้งจอกนั้นมันจะหน้าด้านไปถึงไหน ฉันอยากจะรู้ว่า มันต้องการอะไร !”
จิ้งจอกเฒ่ามองท่านนักพรตตู๋อย่างเย็นชา แต่ก็ไม่พูดจาไร้สาระ เขาพูดออกมาตรงๆ “ เนื้อในร่างของของลูกของข้าถูกทําลาย หัวก็ไม่มีชิ้นดี ตามประเพณีของจิ้งจอก ร่างกายที่เสียหายแบบนี้ จะเข้าศาลบรรพชนไม่ได้ และฝังที่หุบเขาจิ้งจอกไม่ได้ ! แต่เห็นแก่ที่พวกแกอาจไม่ได้ตั้งใจ พวกเราเองก็ลงมาจากภูเขาชู่หม่าแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่เอาชีวิตของพวกแก..”
พวกเราแสดงสีหน้าเคร่งขรึม จ้องจิ้งจอกเฒ่าอย่างเงียบๆ
เมื่อจิ้งจอกเฒ่าพูดถึงตรงนี้ เขาก็หยุดไปแป๊บหนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดต่อ “ ดังนั้น พวกแกต้องชดใช้เอาอายุไขให้พวกเรา 20 ปี ในเวลาเดียวกันยังต้องไว้อาลัยให้ลูกชายของข้าสามปี ! เรื่องนี้ถึงจะจบ ถ้าไม่อย่างนั้น พวกแกก็ต้องเห็นเลือด ! ”
เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย จิ้งจอกเฒ่าก็แสดงแววตาดุร้าย จ้องพวกเราราวกับพร้อมที่จะฆ่า
แต่หลังจากผมฟังคําพูดพวกนี้จบ ผมก็คิดว่ามันไม่มีเหตุผลเลยสักนิด
เรื่องประเพณีของจิ้งจอกไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยสักนิด และตอนที่ลูกชายของแกตายมันก็เห็นชัดๆว่าเป็น “ ศพคน ” แล้วใครหน้าไหนจะไปรู้ละว่าเขาเป็นจิ้งจอกตัวหนึ่ง
อีกอย่างลูกชายของเขาก็ยังมาตายที่หมู่บ้านของมนุษย์ ในฐานะที่เหล่าฉินเป็นสัปเหร่อเขาก็ต้องเก็บศพ ตามหลักของพวกเราพอนําศพกลับมาแล้วก็ต้องเผา ไม่อย่างนั้นมันจะส่งกลิ่นเหม็น
นอกจากนี้ อายุไข 20 ปี เป็นเรื่องที่จะเอามาพูดเล่นๆได้เหรอ
ชีวิตของคนคนหนึ่ง มีเวลายี่สิบปีเหลือเยอะเหรอ
ถ้าให้พวกจิ้งจอกนี่กินอายุไข 20 ปี งั้นพวกเรายังอยู่ได้กับผีนะซิ
แต่สิ่งที่ทุเรศยิ่งกว่านั้นคือ เขายังสั่งพวกเราให้ไปไว้อาลัยให้จิ้งจอกที่ตายไป นั้นมันเรื่องตลกชัดๆ
ไม่ใช่ทั้งญาติและเพื่อน แค่สัตว์ตัวหนึ่ง ยังกล้าสั่งให้พวกเราไว้อาลัย มันจะเพ้อเจ้อไปไหน
ผลลัพธ์เสียงของจิ้งจอกเฒ่าเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นอาจารย์ ท่านนักพรตตู๋และเหล่าฉิน ทุกคนต่างพร้อมใจพูดว่า “ เป็นไปไม่ได้ !”
“ เป็นไปไม่ได้งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้น พวกแกก็ไม่เห็นด้วยซินะ ” จิ้งจอกเฒ่าพูดออกมาอีกครั้ง ขณะที่พูดร่างกายของ เขายังส่งกลิ่นแปลกๆออกมา
กลิ่นแบบนั้นไม่เหมือนกับพลังหยินและพลังชั่วร้าย แต่เป็นพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง พลังปีศาจที่เป็นเอกลักษณ์
ขณะที่พลังปีศาจปรากฏขึ้น เพียงเสี้ยววินาทีนั้น มือของจิ้งจอกเฒ่าที่เป็นหัวโจ๊กก็เปลี่ยนไป
ตอนนี้พวกมันมีขนสีขาวเหลืองงอกออกมา ขณะที่ขนพวกนั้นกําลังยาวออกมา มือคนที่พวกเราเห็นกลับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดมือทั้งสองข้างของเขาก็กลายกุ้งเท้าของจิ้งจอก
เขี้ยวที่อยู่ในปาก ตอนนี้มันก็งอกยาวออกมาแล้ว
“ ไอ้สัตว์เดรัจฉานนี้อวดดีนัก คืนนี้ต้องทําให้มันเห็นดี !” เหล่าฉินระเบิดความโมโหออกมา เขายกดาบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองไปที่จิ้งจอกเฒ่าและเข้าไปจู่โจมเขาทันที
อาจารย์และท่านนักพรตตู๋เห็นแบบนั้น จึงไม่ลังเล เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังคุยได้กับผีนะซิ แค่ลงมือก็จบแล้ว
ถึงที่มาของอีกฝ่ายจะน่ากลัว เบื้องหลังมีรังจิ้งจอกคอยสนับสนุน แต่พวกเราก็ต้องทําให้สัตว์เดรัจฉานพวกนี้รู้ว่าพวกเราก็ไม่ใช่คนที่รังแกได้ง่ายๆ
ดังนั้น ผมและเพิ่งเฉ่วหานที่ยืนอยู่ข้างหลังจึงไม่ลังเล รีบยกดาบไม้ขึ้นและพุ่งเข้าไปทันที
อีกฝ่ายเห็นพวกเราลงมือ พวกเขาจึงแผดเสียงกรีดร้องของจิ้งจอกออกมา จากนั้นก็เข้ามารับปะทะทันที
ในชั่วพริบตา พวกเรา 8 คน ก็เริ่มสู้กันเป็นวงกลม
พวกเราสู้ 5 ต่อ 3 ได้เปรียบเรื่องกําลังคน
แต่หลังจากปะทะกันพวกเราถึงรู้ว่า สัตว์เดรัจฉานสามตัวนี้มีฝีมืออยู่บ้าง โดยเฉพาะจิ้งจอกเฒ่าที่เป็นผู้นํา
เขาร้ายกาจเป็นพิเศษ แม้แต่ท่านนักพรตต์ อาจารย์ และเหล่าฉินที่กําลังสู้สามรุนหนึ่ง ก็ยังทําได้แค่สูสีกัน
ผมและเฟิงเฉ่วหาน เผชิญหน้ากับจิ้งจอกคนละตัว
คู่ต่อสู้ของผมคือจิ้งจอกสาวที่กลายร่างเป็นคน ส่วนคู่ต่อสู้ของเฟิงเฉ่วหานคือจิ้งจอกป้า
พลังของจิ้งจอกสองตัวนี้ไม่สูงมาก นอกจากจะเคลื่อนไหวว่องไว ลงมือโหดเหี้ยมแล้ว เพียงใช้แค่พลังเปรียบเทียบ ก็ไม่ต่างจากพวกเรามากนัก หรือจะพูดว่าพลังพอๆกัน
ตอนนี้จิ้งจอกที่ต่อสู้กับผม ได้ทําท่าคลานอยู่บนพื้นเงยหัวขึ้น เผยสีหน้าดุร้าย เต็มไปด้วยสัญชาตญาณสัตว์ป่า
ผมได้ยินเพียงเสียงคําราม ทันใดนั้นจิ้งจอกตัวนั้นก็กระโดดเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็รีบแกว่งดาบออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่การกระทําของอีกฝ่ายเร็วมาก มือข้างหนึ่งของเธอปัดดาบไม้ของผม
การตอบสนองที่รีบร้อนของผม ทําให้จับดาบไม้เอาไว้ไม่อยู่ วินาทีนั้นมันลอยออกไปทันที
ส่วนจิ้งจอกตัวนั้น ก็ชนผมจนกลิ้งกระแทกกับพื้น ในวินาทีนั้นเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน ผมก็ได้ยินจิ้งจอกตัวนั้นพูดด้วยน้ำเสียงโมโห “ ไปตายซะไอ้พวกมนุษย์ !”
หลังจากพูดจบ จิ้งจอกตัวนั้นก็อ้าปากอย่างรวดเร็ว เธอคิดจะกัดผมให้ตาย
ถึงผมจะโดนกดอยู่กับพื้น แต่ไม่ได้สูญเสียความสามารถในการต่อต้าน ผมออกแรงที่ใต้เอว ใช้มือสองข้างดันหลังของจิ้งจอกอย่างแรง
จิ้งจอกตัวนั้นกลิ้งไปข้างหน้า ในเวลาเดียวกันผมก็รีบลุกขึ้นยืน หมุนตัววิ่งไปทางเธอ และจับเธอกดเอาไว้ทันที
ผมไม่ได้ลังเล หยิบยันต์สะกดพลังชั่วร้ายออกมาหนึ่งแผ่นเล็งไปที่หน้าผากของจิ้งจอก จากนั้นก็เอื้อมมือไปแปะอย่างรวดเร็ว
“ คิดจะดื่มเลือดฉันงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”